เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
วิเวียนได้ยินเช่นนั้น
น้ำตาของเธอก็ไหลพรากออกมาอย่างไม่อาจระงับได้
เพราะในความเป็นจริง เขาไม่ควรจะมาขอโทษใดๆกับเธอเลย
เป็นเธอต่างหากที่ผิดต่อเขา
การกระทำที่เขาคิดว่าเธอโดนย่ำยี
แต่ในความเป็นจริงเธอต่างหากที่แอ่นหี
ให้แวมไพร์ตรงหน้ากระแทกอย่างเต็มใจ
เธอในตอนนี้ช่างชั่วช้าเหลือเกิน
ที่มีอารมณ์สุขสมกับรสกามตรงหน้า
สุขสมทั้งๆที่มีชายคนรักนั่งอยู่ไม่ไกล
แต่ไม่รู้เลยว่าต่อจากนี้ไป
เขายังจะรักผุ้หญิงร่านราคะแบบเธออยู่หรือเปล่า
'อาร์ตยังรักวิเวียนอยู่ไหม' หญิงสาวเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา
'ผมรักวิเวียนเสมอ'
'ดีแล้ว' วิเวียนยิ้มรับกับคำตอบที่ได้รับ
เธอใช้สองขาที่วางอยู่เหนือบ่าโน้มคอเจ้าแวมไพร์ตรงหน้าลงมา ก่อนจะแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม
ก่อนที่เธอจะกระตุกเกร็งไปทั้งร่าง
พร้อมกับปล่อยน้ำรักที่อยู่ในร่างออกมาไม่ขาดสาย
บ่งบอกว่าเธอเสร็จสิ้นถึงสรวงสวรรค์เสียแล้ว
เธอในตอนนี้ช่างเหมือนคนเห็นแก่ตัวแท้ๆ
เธอทำผิดต่อชายคนรักมากมาย
แต่เธอก็ยังเรียกร้องขอความรักจากเขาอยู่
แต่ความรักของเขานี่แหละ
ที่เป็นสิ่งที่ทำให้เธอมีที่ยึดเหนี่ยว
ไม่ให้จิตเสียสมาธิจากเพลงกามที่ได้รับ
ทำให้พลังมาน่าของเธอยังรอดพ้นจากการดูดกลืนจากเจ้าแวมไพร์
"เสร็จไป 3 ครั้งแล้วยังใจแข็งอยู่อีกน่ะ ดี
ลองแบบนี้ดูสิว่ายังจะทนไปได้ถึงแค่ไหน"
เจ้าลินคอร์นเองก็หงุดหงิดใจไม่น้อย
มันสามารถทำให้พรีสสาวตรงหน้าเสร็จสมไปได้ถึง 3 ครั้ง
แต่มันก็ยังไม่อาจดูดกลืนพลังมาน่าจากเธอได้อีก
ด้วยเหตุนี้มันจึงสอดมือไปใต้วงแขนของหญิงสาว
แล้วเกาะกุมไปที่หัวไหล่
แถมยังทิ้งน้ำหนักตัวทับสองขาของเธอที่พาดบ่าเขาหนักขึ้นไปอีก
ด้วยท่านี้ทำให้หญิงสาวโดนล็อกจนไม่อาจจะขยับไปไหน
ในขณะที่เจ้าแวมไพร์ สามารถกระแทกได้สุดกำลัง
"อ๊า ...... อ๊า ........ อ๊างงงงงงง"
หญิงสาวครวญครางลั่นรับกับแรงกระแทกตรงหน้า
ทั้งที่ในตอนแรกเธอถึงฝั่งฝันไปแล้ว
แต่ตอนนี้เหมือนตัวเธอโดนดึงกลับมาเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง
ทั่วร่างของเธอบิดเกร็งไปหมดเพราะความเสียว
ร่องหีของเธอขมิบรัดท่อนเอ็นที่กระหน่ำเข้ามาอย่างร้อนร่าน
แต่ร่องหีที่เปียกเยิ้มไปด้วยน้ำรักเช่นนี้
กลับสร้างความสุขสมให้กลับเจ้าแวมไพร์โดยที่มันไม่รู้ตัว
ท่อนเอ็นที่เปียกเยิ้มทำให้มันสามารถ
เพิ่มความเร็วในการกระแทกได้อย่างเต็ม ที่
ยิ่งกระแทกมันก็ยิ่งมันส์ ยิ่งมันส์มันก็ยิ่งกระแทก
จนตอนนี้เสียกระแทกนั้น ดังสนั่นจนได้ยินไปไกล
แต่ทั้งที่กระแทกอย่างรุนแรงขนาดนี้
พรีสสาวตรงหน้าก็ยังไม่ยอมถอย เธอกลับแอ่นหีสู้
และขมิบตอดอย่างไม่กลัวเกรง
"อุ๊กกก" เจ้าแวมไพร์ร้องมาคำนึงพร้อมอาการของ
ท่อนเอ็นที่บวมขยายในร่องสวรรค์
สิ่งเหล่านี้ทำให้วิเวียนรู้ว่าเจ้าแวมไพร์ตรงหน้าใกล้ถึงจุดหมายแล้ว
เธอจึงเร่งปลุกเร้าด้วยการขมิบตอดร่องเสียวอย่างรุนแรง
แรงตอดที่รุนแรงปานลูกสูบที่สูบเอาน้ำรัก
ที่เต็มล้นในลูกอัณฑะให้ไหลออก
แรงตอดที่สูบเอาน้ำเชื้อให้หลั่งไหลออกมาตามท่อ
แรงตอดที่สูบเอาน้ำกามมาอัดแอ่นตรงปลายกระบอก
แรงตอดที่สูบเอาน้ำเงี่ยนแตกกระจายออกมาเต็มรูหี
"อาร์ตตตตต !!" หญิงสาววีดร้องอย่างสุดเสียง
"จักพรรดิแดง !!" นายอาร์ตที่รอสัญญาณ
จากเธออยู่ร่ายเวทย์ทันที
ลูกไฟขนาดยักษ์ถูกสร้างขึ้นมา
ที่มือขวาและทันทีที่ลูกไฟสร้างเสร็จ
นายอาร์ตก็ปล่อยลูกไฟนั่น
เข้าใส่ร่างเจ้าแวมไพร์ตรงหน้าทันที
"ม่านรัตติกาลลลล !!" แต่เสี้ยววินาทีที่ลูกไฟนั่นจะเข้าถึงตัว
กำแพงเงาทมิฬขนาดใหญ่ก็ตั้งตระหง่าน
ก่อนจะดูดเอาพลังเพลิงลูกไฟเพลิงนั่นเข้าไปจนหมด .......
เมื่อลูกไฟที่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาสิ้นท่าเสียแล้ว
นายอาร์ตก็ทรุดเข่าลงอย่างหมดแรง
ทั้งหมดนี้เพราะเขาประมาทจนเกินไป
แวมไพร์ตรงหน้าเป็นแวมไพร์ขุนพลที่ได้ชื่อว่า
เป็นทหารที่เก่งกาจที่สุดของราชาแวมไพร์เลอเซอโร่
สปีดการร่ายเวทย์ของเขาจึงไวเหนือกว่าใครในใต้หล้า
แค่เขารู้ล่วงหน้าแค่เสี้ยววินาที
ก็สามารถสยบไพ่ตายของเขาได้เสียหมดสิ้น
"อ๊ะ" แต่แล้วเจ้าลินคอร์น
ก็ต้องร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก
เขาก้มมองท่อนเอ็นที่เสียบแช่ก่อน
จะหันไปมองพรีสสาวที่นอนหายใจรวยระรินตรง หน้า
เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตาตอบรับตัวเขา
สายตาและรอยยิ้มที่มุมปากของเธอ
ตอบคำถามที่เขาสงสัยในใจได้ทุกอย่าง
พลังมาน่าของเขากำลังถูกดูดออก !!
หรือทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะเมื่อครู่เขาใช้พลังป้องกันลูกไฟ
จึงเสียสมาธิไปชั่วเสี้ยววินาที
ทำให้พลังมาน่าของเขาถูกดูดออกมาพร้อมกับน้ำกาม
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเจ้าแวมไพร์
จึงพยามปิดกั้นไม่ให้พลังมาน่าไหลออกอย่าง เต็มที่
แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างมันสายไปเสียแล้ว
เขาไม่อาจจะหยุดพลังมาน่าที่หลั่งไหลได้อีกต่อไป
สองมือของเจ้าแวมไพร์กำลังหมดแรงลง
มันจึงดิ้นรนครั้งสุดท้ายด้วยการเอื้อมไปบีบคอของหญิงสาว
เพื่อหมายจะสังหารให้เธอตายตกตามกัน
แต่นั่นก็เป็นการดิ้นรนที่ไร้ค่า
มันไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆอีกแล้ว
ร่างของมันเริ่มซีดเผือกก่อนจะล้มลง
เมื่อการดูดพลังมาน่าเสร็จสิ้นลง
ทุกอย่างยังอยู่ที่เดิม ........ นายอาร์ต วิเวียน
และลินคอร์น ยังไม่ได้ไปไหน
แต่ที่แปลกไปคือหญิงสาวที่พึ่งดูดพลังมาน่าของอีกฝ่ายมาสดๆร้อนๆ
แต่ตัวกลับนอนกระสับระส่ายอย่างเจ็บปวด
ท้องของเธอบวมใหญ่ราวกับคนท้องใกล้คลอด
เธอหวีดร้องเรียกชื่อชายคนรักตลอดเวลา
โดยมีเขาคอยกุมมือเธออยู่ข้างๆ
"วิเวียนๆ" เขาในตอนนี้ทำอะไรไม่เลยนอกจากกุมมือเธอ
และลูบหัวเธออย่างแผ่วเบา
"ไม่ต้องตื่นเต้นไป
นางแค่ดูดพลังของข้าเข้าไปเยอะก็แค่นั้น"
ลินคอร์นที่นอนหายใจรวยรินเอ่ยขึ้น
"พลังมาน่าของข้า
มีปริมาณเทียบเท่าแวมไพร์ชั้นราชาเลยน่ะ
นางเล่นดูดรวดเดียวหมดแบบนั้น
ร่างกายจึงไม่สามารถย่อยสลายได้ในทันทีไงล่ะ"
"ดูซะ ท้องนางเริ่มยุบแล้ว"
ท้องของวิเวียนเริ่มยุบแล้วจริงๆ
และตัวเธอก็เริ่มผ่อนคลายลง
"ถ้านางตื่นขึ้นมา นางจะกลายเป็นพรีสธาตุแสง
ที่สามารถใช้เวทย์เลเวลไม่ต่ำกว่าเลเวล 9 เลยทีเดียว
น่าเสียดายที่ข้าจะไม่มีโอกาสได้สู้กับนางในสนามรบอีกแล้ว"
"แต่ที่น่าเสียดายที่สุด
คือข้าต้องตายโดยที่ไม่ได้เห็นหน้าเจ้า เวโรนิก้า ...."
ลินคอร์นเอ่ยขึ้นพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
ร่างกายของเขาในตอนนี้เริ่มสลายลงอย่างช้าๆ
"เวโรนิก้า" นายอาร์ตทวนชื่อเบาๆ
"รู้จักนางด้วยเหรอ"
"เธอเป็นแวมไพร์ที่ตามล่าชั้น"
นายอาร์ตเอ่ยตอบ
"ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะน่ะ
แต่ที่แล้วมาเหมือนเธอจะเข้ามาช่วยชั้นตลอด"
"ชั้นเป็นหนี้เธอ ...... แกมีอะไรอยากฝากบอกถึงเธอหรือเปล่า"
นายอาร์ตกล่าวขึ้นต่อเขา
"งั้นก็ช่วยบอกนางที .... เรื่องทั้งหมด ข้าขอยกให้นางแล้ว"
ลินคอร์นเอ่ยฝากฝังเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนที่ร่างของเขาจะสูญสลายหายไปจนหมด
เมืองชายแดนระหว่างมนุษย์และแวมไพร์
ด้วยสภาพเศรษฐกิจในโลก wonderland มีการเติบโตสูง
โดยเฉพาะกรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดินกลายเป็นสิ่งมีค่า
ในหลายๆครั้งที่ที่ดินเพื่อการเกษตรของประชาชนระดับล่าง
มักถูกชนชั้นระดับสูงกว่าเข้ามายึดครองอย่างไม่เป็นธรรม
แต่ประชาชนเหล่านั้นก็ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรที่จะไปขัดขืนได้เลย
พวกเขาทำได้เพียงต้องอพยพเดินทาง
ออกไปหาที่ดินทำกินใหม่เอาดาบหน้า
ทำให้เกิดเมืองเล็กๆขึ้นมาใหม่มากมายในทุกแห่ง
ไม่เว้นแม้แต่ชายแดนอย่างบริเวนนี้ก็เช่นกัน
แต่ทั้งที่เป็นเมืองริมชายแดน
แต่เมืองนี้กลับสงบสุขอย่างประหลาด
อาจจะเป็นเพราะบริเวณนี้ไม่ใช่จุดสัญจร
จึงไม่มีมนุษย์หรือแวมไพร์แปลกหน้าผ่านเข้ามาเลยสักครั้ง
แต่ความสงบสุขที่เคยมีกำลังจางหาย เมื่อมีแวมไพร์สาว 1 นาง
กับพาลาดินทั้ง 5 กำลังเดินทางมาเยือน
"เจ้าแน่ใจน่ะว่านางหลบอยู่ในเมืองนี้"
พาลาดินแห่งไฟเอ่ยเสียงกร้าว
"นางโดนมีดของข้า ไม่มีทางเดินทางต่อได้แน่ ไม่ว่ายังไง
นางก็ต้องหลบรักษาตัวในเมืองนี้นี่แหละ"
เจ้าพาลาดินแห่งลมเอ่ยยืนยันหนักแน่น
"เบิร์น ... หาแวมไพร์ตัวเดียวในเมืองนี้มันไม่ง่ายเลยน่ะ
พวกเราไม่มีทางหาได้เจอแน่
ถ้ายังไงก็ต้องเกณฑ์ให้พวกชาวบ้านช่วยหาอีกแรง"
เจ้าพาลาดินแห่งน้ำเสนอ
แต่เจ้าพาลาดินแห่งไฟกลับไม่คิดจะใช้วิธีนั้น
มันมีอีกวิธีที่คิดเอาไว้แล้ว
วิธีนี้รับรองว่าหานางแวมไพร์ได้เร็วกว่าแน่ๆ
เจ้าพาลาดินยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
ก่อนจะเอ่ยคำสั่งแก่เหล่าพาลาดินที่เหลือ