เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
ถึงตอนนี้ โบนไม่มีอะไรจะเถียงอีกแล้ว
เขาทำได้แต่เพียงก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาอีกฝ่าย ...... ใช่แล้ว
ทุกอย่างที่สาธุคุณรอสพูดมามันไม่ผิดเลย เขาในตอนนั้น
ได้ทำเรื่องที่เลวร้ายลงไปมากมาย
เพียงเพื่อต้องการจะให้พลังธาตุแสงสว่างของวิเวียน
เป็นสมบัติของแซงจูรี่ย์ตลอดไป
กว่าเขาจะคิดได้มันก็สาย เขาในตอนนี้
จึงพยามทำตัวเป็นพ่อที่แสนดี
เพื่อจะชดเชยตราบาปที่เขาได้ทำไว้ในอดีต
"เรื่องที่เจ้าเสียมารยาทกับข้าในวันนี้
ข้าจะถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกัน ...... อ้อ
แล้วระหว่างที่ข้าไปประชุมที่นครเจนีวา
ข้าฝากเจ้าช่วยดูแลการฝึก 'เทวีพิราบขาว' ด้วยนะ"
สาธุคุณรอสเอ่ยสั่งการอย่างไม่รู้สึกรู้สา
ก่อนที่พรีสเฒ่าจะเดินจากไป ทิ้งอีกฝ่าย
ที่ทำได้แค่เพียงทุบพื้นเพื่อระบายความอัดอั้น ไว้ด้านหลัง
"ตื่นได้แล้วคะที่รัก" เวโรนิก้าเอ่ยเสียงใส
ก่อนจะบรรจงจูบนายอาร์ตเบาๆ
ก่อนที่เธอจะเดินแยกตัวที่ตู้เสื้อผ้า แล้วใช้เวลาค้นหาอยู่ครู่หนึ่ง
ไม่นานนักเธอก็ได้ชุดสูทหรูหราสีดำสนิทมาหนึ่งชุด
ที่ดูจากขนาดตัวแล้ว นายอาร์ตน่าจะใส่ได้พอดี
หลังจากใช้เวลาจัดการเสื้อผ้าเสร็จ
แวมไพร์สาวก็หันกลับมาก่อนจะร้องเสียงสูง
"ยังไม่ลุกอีก ! ลุกได้แล้ว จะได้ไปอาบน้ำ"
"อาบน้ำ ? จะให้อาบไปไหนละ"
นายอาร์ตร้องถามก่อนจะสลัดหน้าเบาๆ
เพื่อไล่ความมึนงงออกไป และเมื่อสติเขากลับมา
เขาก็พบว่าแอสการ์ดนี้มีอะไรผิดแปลกไป
ก่อนหน้านี้เขาจำได้แอสการ์ดกำลังเคลื่อนที่อยู่
แต่ตอนนี้เหมือนกับว่ามันหยุดนิ่งแล้ว
และเมื่อเขามองไปนอกหน้าต่าง เขาก็ยิ่งมั่นใจ
เพราะตอนนี้ทิวทัศน์ข้างนอกไม่ได้มีแต่ก้อนเมฆเหมือนวันก่อน
แต่ตอนนี้มันเป็นทิวทัศน์ของต้นไม้ป่าเขา
เพราะฉะนั้น นี่ก็หมายความว่า แอสการ์ด ลงจอดแล้ว !?
"เรามาถึงแล้วล่ะ" เวโรนิก้าเอ่ยขึ้น
"มิดแลนด์ไง .... อีกเดี้ยวเราจะนั่งขบวนเกียรติยศเข้าไปกัน"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นายอาร์ตก็กลืนน้ำหลายลงคออย่างยากเย็น
ที่ได้รู้ว่า อีกเดี้ยว
ตัวเขาจะได้เข้าสู้เมืองหลวงของอาณาจักรแวมไพร์แล้ว
ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ทันทีที่ข่าวการเสด็จ
มาถึงของเจ้าชายทีโอดอร์
อีกทั้งพระองค์ยังนำตัวร่างกำเนิดใหม่
ของอาลูคาร์ดกลับมาด้วย ได้แพร่กระจายออกไป
ชาวเมืองแวมไพร์ได้ต่างออกมากู่ร้องด้วยความยินดี
พร้อมกันนั้นทุกคนต่างเร่งรีบตกแต่งเมือง
เพื่อรับเสด็จกันอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนักพรมแดงก็ทอดยาวจากตัวพระราชวัง
ออกไปไกลถึงนอกเขตเมือง
ในจุดที่ขบวนเสด็จจะเคลื่อนผ่าน
โดยมีเหล่าแวมไพร์ตั้งแต่ชั้นนักรบ ไล่ไปจนถึงชั้นขุนพล
ออกมาตั้งแถวรับเสด็จเต็มสองข้างทาง อีกทั้งเหล่าชาวเมืองที่เหลือ
ก็ออกมาร่วมแสดงความยินดีกันคับขั่ง
จนกระทั้งเวลาเสด็จมาถึง ขบวนรถม้าพระที่นั่ง
ก็ดำเนินจากแอสการ์ดเดินตามพรมแดงเข้าสู่ตัวเมืองทันที
เหล่าชาวเมืองที่มารอเฝ้าชมต่างโห่ร้องอย่างกึกก้อง
กลีบดอกไม้หลากพันธ์ที่เตรียมมาถูกโรยขึ้นจนปลิวสะบัดไปทั่ว
อีกทั้งพลุไฟที่เตรียมไว้ ก็ถูกจุดขึ้นเต็มท้องฟ้า
ขบวนเกียรติยศที่อลังการเช่นนี้
สร้างความตื่นเต้นให้กับนายอาร์ตไม่น้อย
แต่มันคงจะดีกว่านี้มาก ถ้าเขาไม่ใช่มนุษย์คนเดียว
ที่อยู่ท่านกลางแวมไพร์เรือนแสน
หลังจากใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุด
ขบวนรถม้าพระที่นั่งก็ดำเนินมาถึงจุดหมายจุดได้
นั่นก็คือบริเวณหน้าพระราชวังของมิดแลนด์นั่นเอง
ถึงตอนนี้ชาวแวมไพร์ รวมถึงแวมไพร์ทหารที่มารอรับเสด็จเมื่อครู่
ถูกกันไว้หน้าวังทั้งหมด ในขณะที่นายอาร์ต
และเหล่าแวมไพร์ที่โดยสารมากับรถม้าพระที่นั่ง
ได้ทยอยลงมาจนหมด ก่อนที่ทุกคน จะต้องเดินเท้า
เพื่อเข้าสู่ตัวพระราชวังทันที
ถึงตอนนี้ แม้นายอาร์ตจะอยากแสดงทีท่าขัดขืนมากแค่ไหน
แต่เมื่อเจอการประกบอย่างแน่นหนาของเหล่าแวมไพร์
เขาก็ไม่อาจจะทำได้เลย จนสุดท้าย
เขาต้องยินยอมเดินตามขบวนไปแต่โดยดี
แต่อย่างน้อยเขาก็ยังรู้สึกดีอยู่บ้าง
เพราะข้างๆเขามีแวมไพร์สาวเวโรนิก้าประกบด้วยไม่ห่าง
เธอเอื้อมมือมากุมมือเขาไว้ ไออุ่นจากมือเธอ ที่ส่งผ่านมาที่เขา
มันทำให้เขารู้สึกอุ่นใจเช่นเดียวกันอย่างประหลาด
แต่แล้วความรู้สึกอบอุ่นในใจเขาก็หายไปจนหมด !!
เพราะฉับพลันนั้น เขาก็รู้สึกถึงความหวาดกลัวอะไรบางอย่าง
พลุ่งพล่านอยู่ภายในอก
และมันยิ่งทวีคูนขึ้นเรื่อยๆเมื่อเขายิ่งเดินลึกเข้าไปในปราสาท
ความหวาดกลัวของเขานั้น มันมากขึ้น ๆ
จนเขาแทบคุมสติไม่อยู่ ใบหน้าของเขาซีดเซียวลงอย่างน่ากลัว
อีกทั้งไม่อาจจะก้าวเท้าได้ดังใจ
จนต้องกลายเป็นหน้าที่ของเวโรนิก้า
ที่ต้องคอยช่วยพยุงร่างกายเขาค่อยๆเดิน
และในที่สุด นายอาร์ตก็ได้รับคำตอบ
ว่าร่างกายเขากำลังหวาดกลัวอะไรอยู่
เพราะทันทีที่เขาเดินเข้าสู่ส่วนในสุดของปราสาท
เขาก็ได้เห็น ........ ชายชราอายุเกือบ 300 ปี
แต่ใบหน้าไร้หนวดเคราของเขากลับมีริ้วรอยแค่เพียงเล็กน้อย
จนดูเหมือนมนุษย์อายุ 60 เสียมากกว่า
มีเพียงเส้นผมยาวสลายแต่สีขาวโพลนทั้งศีรษะเท่านั้น
ที่เป็นตัวบอกอายุออกมา เพราะส่วนอื่นๆอย่างร่างกาย
กลับยังดูแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ
ส่งผลให้เมื่อเห็นเขานั่งอยู่บนบัลลังราชา
เขาจึงดูน่าเกรงขามเหลือคณานับ ดังนั้นเมื่อรวมๆกันแล้ว
เขาจึงดูสง่างามไม่มีที่ติเลย
แต่เพราะชายชราผู้สง่างามผู้นี้
คือผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร บนตัวเขา
จึงมีรังสีบางอย่างแผ่ซ่านออกมา แน่นอนมันไม่ใช่ไอมาน่า
แต่มันกลับคือรังสีอำมหิต
และจิตสังหารที่หยาบช้า จนทำเอานายอาร์ต
ที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ต้องหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุด
ราวกับหนูตัวเล็กๆ ที่กำลังเผชิญหน้ากับพญางูที่โหดร้าย
ชายชราผู้นี้ คือปีศาจร้าย ราชาแวมไพร์เลอเซอโร่
"เสด็จพ่อ !!" ในขณะที่นายอาร์ตหวาดกลัวชายตรงหน้า
บุตรชายของชายชราผู้นี้กลับร้องขึ้นอย่างดีใจ
"ลูกรักของพ่อ" ราชาแวมไพร์ร้องตอบทันที
ก่อนที่ทั้งคู่จะตรงเขาสวมกอดกันอย่างอบอุ่น
เพราะเป็นเวลาหลายปีเลยทีเดียว ที่ทั้งคู่ไม่ได้เจอหน้ากันเลย
หลังจากทักทายประสาพ่อลูกกันแล้ว
เลอเซอโร่ก็เลื่อนสายตามองถัดไป พร้อมกับเอ่ยถาม
"นั่นเหรอ ร่างกำเนิดใหม่ของอาลูคาร์ด"
"ใช่แล้วเสด็จพ่อ" ทีโอดอร์เอ่ยตอบ
ราชาแวมไพร์พยักหน้ารับคำตอบนั้นเล็กน้อย
ก่อนจะเอ่ยสั่งลูกน้องคู่ใจ "เฮย์ไวร์"
"พ่ะย่ะค่ะ" แวมไพร์ชราร่างสูง ตาโปนลึก ก้าวออกมา
ก่อนจะเดินตรงเข้าหานายอาร์ต และไม่ทันที่นายอาร์ตจะทำอะไร
เจ้าแวมไพร์ก็กางเล็บยาวแหลม
พร้อมกับตวัดข่วนเข้าต้นคอนายอาร์ตทันที
"โอ๊ยยยย" นายอาร์ตร้องอย่างเจ็บปวด
ก่อนจะเอามือกุมเลือดสดๆที่ต้นคอ
ส่วนแวมไพร์ตาโปนกลับไม่รู้สึกรู้สา มิหนำซ้ำ
ยังดูดเลือดบนเล็บอย่างเอร็ดอร่อย
"ตัวจริงฝ่าบาท เลือดของมันรสชาติเหมือนแม่มันไม่มีผิด
ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่ามันจะโตมาได้ถึงขนาดนี้"
เฮย์ไวร์เอ่ยต่อราชาเลอเซอโร่ ส่วนนายอาร์ตนั้น
เมื่อได้ยินเรื่องแม่ของตัวเอง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรีบถามออกมา
"เมื่อกี้แกบอกว่าแม่ฉันเหรอ แม่ฉันตอนนี้อยู่ไหน"
"พูดอะไรนะ" แวมไพร์ตาโปนเฮย์ไวร์หันมาถามกลับ
"แม่ของเจ้า ก็ตายไปตั้งนานแล้วไง
ตาย ตั้งแต่ที่ข้าผ่าท้องนางทั้งเป็น เพื่อเอาตัวเจ้าออกมา"
"ตายแล้ว .... ตาย เพราะแกงั้นเหรอ
เพราะแกฆ่าแม่ชั้นใช่ไหม ..... มึงงงงงง !!"
สำหรับเด็กกำพร้าอย่างนายอาร์ตแล้ว
การได้เจอหน้าพ่อแม่สักครั้งมันเป็นความฝันยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต
สำหรับพ่อ เขาคงหมดหวังไปแล้ว
ตั้งแต่ได้รู้ว่าตนเองเกิดมาจากพิธีกรรมบางอย่าง
ที่ทำให้เขามาเกิดในท้องผู้หญิงได้โดยตรง
ดังนั้นตัวเขา จึงเหลือความหวังที่จะได้เจอแม่เท่านั้น
ดังนั้นเมื่อมาเจอความจริงที่ว่า แม่ของเขาตายแล้ว
และตายเพราะโดนชายตรงหน้าฆ่า
เขาจึงไม่อาจจะระงับโทสะได้อยู่ เขาจึงพุ่งผวาเข้าใส่ทันที .......
แต่สุดท้าย ตัวเขาก็ทำไม่สำเร็จ เพราะเวโรนิก้า
ผวาเข้ามาล็อคตัวเขาไว้ได้ทัน
สำหรับเฮย์ไวร์ เขาเป็นหนึ่งในแวมไพร์นักปราชญ์
ที่ได้รับคำสั่งมาให้ศึกษาศิลาจารึกเวทย์ธาตุวิญญาณ
และด้วยความอัจฉริยะเกินใคร
ทำให้เขาและน้องชาย ไซร์เวย์ เท่านั้นที่ฝึกฝนสำเร็จ
จากนั้นพวกเขาก็ทำตามคำบัญชาของเลอเซอโร่
ก่อพิธีกรรมคืนชีพให้อาลูคาร์ดได้สำเร็จ แต่น่าเสียดาย
ที่พิธีนี้ถูกขัดขวางโดยเหล่าพรีส และในขณะที่เห็นจวนตัว
ไซร์เวย์เลยตัดสินใจส่งนายอาร์ตตอนเป็นทารกข้ามมิติไป