เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
"ตอนนี้ชาร์ทถึง 36% แล้วครับ
อีกไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็จะครบ 100%
ถึงตอนนั้นเราก็เดินเครื่องทำงานได้แล้ว"
"1 ชั่วโมง ก็ยังดี อ๊ะ อุ๊ยยยยย"
แต่แล้วขณะที่กำลังสนทนาเวโรนิก้าก็ต้องเผลอครางออกมาเบาๆ
"ท่านเวโรนิก้าเป็นอะไรเหรอครับ"
เจ้าแวมไพร์แฟรงค์กินส์เห็นเข้าก็อดเอ่ยถามไม่ได้
แต่เวโรนิก้าก็หันมาทำหน้าดุใส่แทนคำตอบ
เพราะอาการที่เกิดขึ้นมันก็เกิดจาก
เวทย์โลกนิมิตแดนฝันของเธอนั่นแหละ
จิตในโลกแห่งความฝันกับความจริงมันจะเชื่อมถึงกัน
โดนเย็ดในความฝันก็จะพลอยรู้สึกโดนเย็ดในโลกความจริงไปด้วย
ดังนั้นเธอในตอนนี้ก็รู้สึกราวกับว่า
มีท่อนควยขนาด 8 นิ้วกำลังซอยเข้าออกในร่องสวาทของเธออย่างรุนแรง
แต่ยังดีหน่อยที่จิตมันเชื่อมถึงกันแค่เป็นช่วงๆ
ไม่งั้นเธอคงกลับมาถึงบริษัทไม่ไหวแน่
แวมไพร์สาวสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อพยามสงบอารมณ์
ก่อนที่เธอจะหันไปสั่งงานกับแวมไพร์คู่ใจ
"แฟรงค์กินส์ ............
เรียกระดมพลแวมไพร์ทั้งหมดกลับมาที่บริษัท
แล้วให้เปิดระบบพร้อมรบเต็มรูปแบบ
อีกไม่นานเราจะมีแขกชุดใหญ่มาเยี่ยม"
ณ ถนนร้างห่างออกไป
ที่ที่พึ่งผ่านการต่อสู้มาอย่างดุเดือดเมื่อ
ตอนนี้ฝุ่นควันที่เกิดจากแรงระเบิดได้เบาบางลงไปแล้ว
เผยให้เห็นร่างของหญิงสาว
ที่มีลำแสงสีขาวกางปกคลุมทั่วร่าง
นับเธอโชคดีไม่น้อยเพราะชั่วขณะ
ที่เจ้าแวมไพร์มาโฮนมัวแต่ตกตะลึงเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกจุดระเบิด
จนไม่ได้โจมตีเธอต่อ
ทำให้เปิดโอกาสในเธอกางลำแสงเป็นบาเรีย
เธอจึงรอดจากแรงระเบิดได้อย่างหวุดหวิด
ส่วนเจ้าพาลาดินที่อยู่ห่างออกไป
เกาะที่หุ้มกายมันอยู่ก็ปกป้องแรงระเบิดได้หมดเช่นกัน
เรียกได้ว่าระเบิดเมื่อครู่ไม่สามารถ
ทำอันตรายพวกเขาทั้งสองได้เลย แต่ว่า ...
ก็ทำให้พวกเขาคลาดจากนางแวมไพร์ไปจนได้
"อาร์ตตตต !!" วิเวียนร้องลั่นอย่างร้อนใจ
ว่าแล้วเธอก็ใช้เวทย์เชื่อมจิตติดต่อชายหนุ่มทันที
แต่ก็ไม่ได้ผล
ชายหนุ่มโดนสะกดให้หลับอยู่จึงไม่สามารถติดต่อได้
ครั้นจะแกะรอยตามไป นางแวมไพร์นั่นก็ไม่เหลือร่องรอยอะไรทิ้งไว้อีก
ดูท่าเธอคงจะหาเขาไม่เจอแล้ว
"ใจเย็นน่าน้องสาว"
สโตนเฮดปลดเกราะที่สวมอยู่ออกจนหมด
ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างใจเย็น
ทำเอาพรีสสาวต้องแปลกใจกับท่าทีของเขา
เพราะการที่นายอาร์ตโดนแวมไพร์จับตัวได้แบบนี้
จริงๆแล้วเจ้าพาลาดินก็ควรจะเดือดร้อนไม่แพ้เธอ
"ที่ที่มันจะพาตัวเจ้าหนุ่มนั่นไปมีอยู่ที่เดียว
ก็คือรังใหญ่ของมันที่นี่ที่มันเรียกว่าบริษัท
สถานที่ตั้งของมันพวกข้าสืบมาเรียบร้อยแล้ว
อีกเดี๋ยวเราก็ค่อยไปลุยมันด้วยกัน"
เจ้าพาลาดินพูดจบก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง
"จะรอทำไม เรารีบไปตอนนี้เลยสิ" วิเวียนเอ่ยอย่างร้อนใจ
"ใจเย็น ลุยกันแค่สองคนมันเหงา"
สโตนเฮดเอ่ยเสร็จก่อนจะปรายตามองมาที่พรีสสาวเล็กน้อย
"ข้าพึ่งชี้พิกัดตรงนี้ไป
เดี๋ยวอีกสักพักกำลังเสริมก็จะมาแล้ว"
"กำลังเสริม?"
"นั่นไง .... มาแล้ว !!" สโตนเฮดร้องลั่นก่อนจะชี้มือขึ้นท้องฟ้า
พริบตานั้นก็มีดวงไฟสีฟ้าสว่างแว๊บขึ้นมา 3 ดวง
ก่อนจะพุ่งตกลงมายังจุดที่พวกเขายืนอยู่
และทันทีที่กระทบพื้นก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น
ติดต่อกัน 3 ครั้ง ตูม ! ตูม ! ตูม !
และเมื่อสิ้นเสียงระเบิด
ก็มีเงาของชาย 3 คนยืนอยู่กลางกลุ่มควัน
ชาย 3 คนที่มีพลังมาน่ามหาศาลไม่แพ้สโตนเฮด
ชายที่เป็นเจ้าของโคดเนมพาลาดินอีก 3 ธาตุ
ไซโคลนแห่งลม
ไอซ์เอจแห่งน้ำ
โวลต์แห่งสายฟ้า
"เร็วๆเข้าโว้ยยยยยย !!"
เสียงตะโกนของเหล่าแวมไพร์ดังลั่นอื้ออึงไปหมด
เหล่าแวมไพร์ชั้นนักรบจากทุกสาทิศ
ต่างมารวมตัวกันหลังจากได้รับคำสั่งระดมพล
จนตอนนี้ลานกว้างบริเวณชั้นล่างแน่นขนัดไปหมด
แวมไพร์เหล่านี้โดนแบ่งออกตามธาตุประจำตัว
แล้วแบ่งไปยืนในตำแหน่งตามที่ระบุค่ายกลพิชัยยุทธ์แห่งเวทย์
เพื่อใช้ประโยชน์ในหลักแพ้ทาง
เสริมแรงให้เวทย์มนต์แต่ละสายมีอานุภาพการโจมตีรุนแรงยิ่งขึ้น
ที่ชั้นบนสุดของอาคาร
แวมไพร์แฟรงค์กินส์ยืนมองสถานการณ์อย่างพึงพอใจ
ตอนนี้กำลังพลที่ประจำอยู่ทั่วทุกสารทิศโดนเรียกระดมพลมาหมดแล้ว
แถมการจัดวางกำลังก็กำลังเป็นรูปเป็นร่าง
เพียงพอที่จะต้านผู้บุกรุกไม่ว่าหน้าไหน
ในขณะที่เครื่องข้ามมิติก็ชาร์ตกำลังไปที่ 69 %
จนเครื่องข้ามมิติที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับกระจกบานใหญ่
เปล่งแสงสีฟ้าเรืองรอง
เป็นสัญญาณว่าใกล้เวลาที่เครื่องจะพร้อมทำงานเข้าไปทุกขณะ
"ท่านเวโรนิก้า ตอนนี้ทุกอย่างใกล้พร้อมเต็มที่แล้วครับ"
เจ้าแวมไพร์แฟรงค์กินส์
รายงานความคืบหน้าต่อแวมไพร์สาวทันที
เนื่องจากตอนนี้เธอเป็นผุ้นำสูงสุดของบริษัทแห่งนี้ไปแล้ว
"อืม" เวโรนิก้ารับคำเล็กน้อยก่อนที่จะหันสายตา
ไปจับจ้องชายหนุ่มที่หลับสนิทบนเตียง
ที่ตั้งตระง่านบนด้านหน้าเครื่องข้ามมิติ
ชายหนุ่มที่ตอนแรกโดนมนต์สะกดให้ต้องร่วมรัก
กับแวมไพร์สาวในความฝัน แต่หลังจากผ่านภาวะนั้นไปแล้ว
ชายหนุ่มก็จะรับสนิทราวกับเจ้าชายนิทรา
เป็นโอกาสในแวมไพร์สาวได้พินิจชายหนุ่มในระยะใกล้
'หน้าตาใช้ได้ แถมลีลาดีแบบนี้นี่เอง
นังพรีสนั่นถึงทั้งรักทั้งหลง ยอมเสี่ยงตายขนาดนี้'
เวโรนิก้ารำพึงเบาๆก่อนจะเอามือลูบไล้ไปตามผิวหน้าของชายหนุ่ม
แต่ชั่วขณะนั้นเอง !!
เธอก็สัมผัสได้ถึงกลุ่มพลังมาน่าแปลกปลอม 5 กลุ่ม
ที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามา
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเธอไปไม่น้อย
เพราะเธอไม่คิดว่าพวกของวิเวียน
จะมีกำลังเข้ามาเสริมได้เร็วขนาดนี้
"พวกมันมาแล้ว !!!" แวมไพร์สาวประกาศก้อง
เป็นสัญญาณส่งไปถึงเหล่าแวมไพร์เบื้องล่างให้เตรียมตัวรับมือที่
แต่ไม่ทันที่เหล่าแวมไพร์จะพร้อมรบ
เสียงระเบิดก็ดังสนั่นขึ้นเบื้องหน้า
ตูมมมม !!
สิ้นเสียงระเบิด หอกลำแสงด้ามหนึ่งก็พุ่งทะลวงด้านหน้า
หอกลำแสงนี้เป็นเวทย์มนต์ระดับเลเวล 6
ไม่มีทางเลยที่เหล่าแวมไพร์จะต้านทานไว้ได้ มิหนำซ้ำ
ธาตุแสงก็เป็นธาตุที่เป็นปฏิปักษ์โดยตรงของเหล่าแวมไพร์
ทำให้เจ้าแวมไพร์ที่โดนหอกลำแสงนี้
รวมไปถึงแวมไพร์บริเวณใกล้เคียง
สูญสลายกลายเป็นละอองขี้เถ้าฟุ้งกระจาย
และทันทีละอองขี้เถ้าจางลง
หญิงสาวผมสีเงินแวววาวก็ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าแล้ว
"ลำแสงสะเก็ดดาว ..... จ่อก่อร่างเป็นหอก"
หญิงสาวรวมพลังแล้วร่ายเวทย์ทันที
แสงในมือของเธอสว่างวาบ
ก่อนจะรวมร่างเป็นหอกลำแสงทั้งข้าง
ทันทีที่ร่ายเวทย์เสร็จแล้วหญิงสาวก็ร้องลั่น
ก่อนจะซัดหอกลำแสงในมือเข้าใส่ฝูงแวมไพร์ตรงหน้าทันที
จนเสียงระเบิดดังสนั่น หญิงสาวเธอไม่หยุดแค่นั้น
เธอร่ายเวทย์และซัดหอกออกไปอย่างต่อเนื่อง
แค่พริบตาเดียว
เหล่าแวมไพร์ก็โดนเธอสังหารไปจำนวนมาก
ก็เล่นเอาค่ายกลแวมไพร์ที่ตั้งไว้แตกขบวนไม่เป็นท่า
"รักษาตำแหน่ง อย่าแตกกลุ่ม !!"
แวมไพร์แฟรงค์กินส์ตะโกนสั่งการมากจากด้านบน
เหล่าแวมไพร์ที่ยังเหลือรอดอยู่ต่างหันมาจับกลุ่มกันใหม่
พร้อมกับเริ่มโต้กลับทันที
เหล่าแวมไพร์ธาตุไฟซัดพลังเข้าตอบโต้
โดยมีแวมไพร์ธาตุดินคอยเสริมพลัง
ทำให้ได้เปลวไฟที่มีอานุภาพรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่า .......
แต่สุดไฟเวทย์ไฟนี้ก็ไม่ได้ผลอยู่ดีเมื่อมีร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งเข้ามารับไว้
สโตนเฮดนั่นเอง ตอนนี้เขามาในร่างหุ้มเกราะศิลาเต็มตัว
เกราะศิลาที่สร้างขึ้นมาจากเวทย์มนต์ระดับ 9
จึงไม่ระคายผิวจากเปลวไฟ
ที่เกิดจากเวทย์ต่ำชั้นกว่าหลายขั้นนี้แม้แต่น้อย
เจ้าพาลาดินร่างยักษ์ยิ้มขึ้นอย่างเหี้ยมเกรียม
ก่อนจะกระโดดเข้ากลางวงเหล่าแวมไพร์พร้อมกับสะบัดแขนจู่โจมทันที
แขมขาที่หุ้มเกราะทรงพลังเมื่อกวัดแกว่งไปทางไหน
แวมไพร์ที่อยู่ทางนั้นก็ร่างกายป่นปี้กระดูกแหลกเหลวทันที
โดยที่แวมไพร์เหล่านั้นไม่อาจต้านทานได้เลย
ดูแล้วช่างไม่ต่างอะไรกับหมาป่าตัวใหญ่
ที่กระโจนเข้าขย่ำฝูงไก่อย่างไรอย่างนั้น
"กระสุนเวทย์เยือกหิมะ" เมื่อสโตนเฮดเข้าสู้แล้ว
พาลาดินคนอื่นๆก็เริ่มลงมือตาม
เริ่มจากไอซ์เอจที่เอาปืนรูปร่างประหลาดออกมาพร้อมกับร่ายเวทย์
พริบตานั้นหินธาตุน้ำที่บรรจุในปืนก็สว่างวาบรับกับเวทย์ทันที
หินธาตุทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการ
ดูดพลังธาตุน้ำในธรรมชาติเข้ามาไว้ที่ตัวปืน
ก่อนที่พาลาดินไอซ์เอจจะยิงกราดออกไปเป็นลูกกระสุน
กระสุนธาตุน้ำมีอานุภาพเย็นจัด
เมื่อกระทบเข้าร่างแวมไพร์ตนใด