เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
แวมไพร์ตนนั้นก็มีสภาพเป็นศพแช่แข็งทันที
"ผนึกลมวาตะ" พาลาดินแห่งลมไซโคลน
เป็นคนต่อมาที่เริ่มร่ายเวทย์
และหินธาตุที่บรรจุในปลอกแขนทั้งสองข้างของเขา
ก็ตอบสนองทันที
พลังธาตุลมรอบข้างโดนดึงดูดเข้าไปรวมอยู่ข้างในปลอกแขน
ก่อนที่ไซโคลนจะสะบัดอย่างแรง
เพื่อปล่อยอาวุธลับที่เป็นมีดบินหลายสิบเล่มพุ่งออกมา
มีดบินเหล่านี้เป็นมีดบินที่อาบไปด้วยพลังธาตุลม
ทำให้มีอานุภาพในการทะลุทะลวงสูงกว่าเดิมหลายร้อยเท่า
และด้วยการซัดที่แม่นยำของไซโคลน
มีดบินเหล่านี้พุ่งเข้าจุดตายของแวมไพร์รอบด้าน
จนดับดิ้นราวกลับใบไม้ร่วง
แต่พลาดินคนสุดท้ายอย่างโวลต์กลับไม่เร่งรีบ
ใช้เวทย์ไล่ห้ำหั่นเหล่าแวมไพร์ตรงหน้า
เขาเลือกที่จะเดินอ้อมไปอีกทางเพื่อดักรอพวกแวมไพร์
ที่กำลังแตกขบวน
พร้อมกับเกร็งพลังธาตุสายฟ้า
จนสองมือที่เขาไขว้ไว้ข้างหลังเกิดประกายไฟวูบวาบ
และทันทีที่แวมไพร์เหล่านั้นเข้ามาในระยะจู่โจม
"มือประทับอัสนีบาต" พาลาดินแห่งสายฟ้าก็ร่ายเวทย์ทันที
ก่อนจะเผยให้เห็นสองมือที่ห่อหุ้มไปด้วย
ถุงมือพิเศษที่ติดตั้งหินธาตุสายฟ้า
ที่ทำหน้าที่รวมพลังธาตุสายฟ้าก่อนที่จะระเบิดออก
จนได้พลังไฟฟ้าที่มีแรงช๊อตสูงเท่าเวทย์ระดับ 9
และเมื่อรวมกับเพลงฝ่ามือที่ร้ายการของโวลต์
พริบตาเดียวก็สังหารแวมไพร์ได้นับร้อยตัว
แม้ช่วงก่อนหน้านี้เหล่าแวมไพร์สามารถ
ระดมพลจากทั่วทุกสารทิศจนได้ถึงหลายพันตน
แต่สุดท้ายแล้ว
จำนวนที่มากกว่าก็ไม่ได้ทำให้เหล่าแวมไพร์ได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย
พวกมันโดนพรีสสาวกับพาลาดินทั้ง4
ไล่ล่าสังหารจนต้องล้มตายไปเป็นจำนวนมาก
แม้จะมีบางส่วนที่คิดหนีเอาตัวรอด
แต่ทางออกทั้งหมดก็โดนเหล่าพาหลาดินกั้นขวางไว้หมดแล้ว
ทำให้จำนวนแวมไพร์ในตอนนี้เหลือน้อยลงทุกที
เมื่อเป็นเช่นนี้แผนการถ่วงเวลาเพื่อให้ทันเครื่องย้ายมิติ
พร้อมใช้งานของเวโรนิก้าก็ต้องล้มเหลวเป็นแน่
"ท่านเวโรนิก้า !!!"
เจ้าแวมไพร์แฟรงค์กินส์ร้องขึ้นอย่างร้อนรน
แตกต่างจากนายสาวของมันที่ยืนหน้านิ่ง
จ้องมองจอมอร์นิเตอร์อย่างเคร่งเครียด
การเพิ่มจำนวนเข้ามาของพาลาดินอีก 3
ไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของเธอเลย
ทำให้แผนการของเธอพังทลายไปไม่เป็นท่า
เมื่อเป็นแบบนี้เธอก็ต้องรีบคิดแผนการใหม่ขึ้นมา
แต่แผนการใดเล่าที่จะทำให้เธอพลิกสถานการณ์ให้เหนือกว่าเหล่าศัตรูที่
มีเวทย์เลเวลสูงกว่าถึง 3 ขั้น
"นำ วัลคีรี่ (valkyrie) ออกมา"
แวมไพร์สาวออกคำสั่งทันที
"ถึงเจ้าพวกพาลาดินมันจะมีเลเวลสูงถึงระดับ 9
แต่ยังไงมันก็ยังเป็นตัวผู้ ยังพอใช้วัลคีรี่จัดการได้"
"แต่วัลคีรี่เป็นการทดลองที่ไม่สมบูรณ์น่ะครับ
แถมนังพรีสนั่นข้าว่าวัลคีรี่ไม่น่าจะทำอะไรมันได้"
แฟรงค์กินส์เอ่ยตอบ
"ช่างมัน !! ถึงวัลคีรี่จะไม่สมบูรณ์แต่น่าจะใช้ต้าน
เจ้าพวกพาลาดินไหว ส่วนนังพรีส....."
เวโรนิก้าปรายตาไปทางนายอาร์ตที่กำลังหลับเพราะฤทธิ์เวทย์
ก่อนที่เธอจะยิ้มออกมาน้อยๆ
"ข้ามีวิธีแยกตัวมันออกมา !!"
"อ๊ากกกกก" เสียงร้องอย่างโหยหวน
ของแวมไพร์ที่เหลืออยู่ตนสุดท้าย
ก่อนที่จะเงียบลงหลังจากสโตนเฮดกระทืบอย่างแรง
จนกะโหลกมันแตกละเอียด
เหล่าพาลาดินหัวเราะก้องอย่างสะใจ
เพราะสำหรับพวกบ้าสงครามเช่นพวกเขา
ไม่มีอะไรจะมันส์สะใจไปกว่าการไล่ฆ่าสังหารหมู่
เผ่าพันธุ์คู่สงครามอย่างพวกแวมไพร์อีกแล้ว
แต่สำหรับพรีสสาวที่ยืนห่างออกไป
กลับไม่ได้มีสีหน้ายินดีในการต่อสู้ครั้งนี้เท่าไหร่นัก
เพราะสิ่งสำคัญสำหรับเธอตอนนี้
ก็คือต้องรีบหาตัวนายอาร์ตให้เร็วที่สุด
แต่มันก็ไม่ใช่งานง่ายเพราะในบริษัทแห่งนี้
เต็มไปด้วยห้องหับมากมาย
แถมต้องหาทางสลัดพวกพาลาดิน
ที่หมายสังหารชายคนรักของเธอเหล่านี้ให้หลุดด้วย
"วิเวียนนนนน"
ชั่วขณะนั้น !! เสียงของชายคนรักเธอก็ผลุดขึ้นมาในสมอง
เห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงที่ส่งผ่านมาทางโทรจิต สัญชาติญาณ
บอกเธอว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากลเป็นแน่
ก็ในเมื่อชายคนรักของเธอโดนสะกดให้หลับใหลไปก่อนหน้า
นี่อาจจะเป็นเล่ห์อย่างหนึ่งของพวกแวมไพร์ก็เป็นได้
หญิงสาวหลับตาเพื่อใช้กระแสเวทย์จับตำแหน่งของนายอาร์ต
เป็นไปอย่างที่เธอคาด
ชายคนรักของเธอโดนคลายสะกดเพื่อให้ตื่นขึ้นจริงๆ
เมื่อเป็นแบบนี้เวทย์เชื่อมจิตที่เธอทำไว้กับเขา
ทำให้เธอสามารถรับรู้ตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ
สิ่งนี้ยิ่งทำให้เธอไม่เข้าใจ
เหตุใดเจ้าแวมไพร์ถึงคลายสะกดเขา
เหมือนจะบอกตำแหน่งของเขาให้เธอรู้
"เวทย์เชื่อมจิต !!" หญิงสาวร่ายเวทย์ขึ้นทันที
พริบตานั้นตรงตำแหน่งที่เธอยืนอยู่
ก็บังเกิดวงกลมแสงสีแดงขึ้นโดยรอบ
ความวิเศษของเวทย์บทนี้ก็คือทำให้คู่สัญญา
สามารถสื่อสารกันผ่านทางโทรจิตได้
และก็สามารถวาร์บเธอให้กระโจนไปหาเขาในชั่วพริบตาได้เช่นกัน
เล่นเหล่าพาลาดินที่เห็นเหตุการณ์ร้องขึ้นอย่างตกใจ
เจ้าไซโคลนที่อยู่ใกล้สุดรีบกระโดดคว้าร่างของพรีสสาวทันที
แต่ก็ไม่สำเร็จ ร่างของหญิงสาวหายไปต่อหน้ามัน
"นังพรีสสสสส" เจ้าพาลาดินแห่งลมได้แต่ร้องอย่างเจ็บใจ
"ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!!! .. ตูม!! .. ตูม!! .. ตูม!!"
แต่มันก็ไม่ทันจะตกใจได้นาน
ชั่วพริบตาที่ร่างของวิเวียนหายไป
ก็มีของแข็งบางอย่างถูกทิ้งลงมาจากด้านบน
จนทำให้ฝุ่นขี้เถ้าขึ้นเคล้าคลุ้งไปหมด
และเมื่อฝุ่นขี้เถ้าเริ่มจากลง
มันก็ได้เห็นว่าสิ่งที่ถูกทิ้งลงมา
เป็นโลงศพขนาดใหญ่ทั้งหมด 10 โลงด้วยกัน
และไม่ทันที่มันจะสงสัยได้นาน
โลงศพเหล่านั้นก็เปิดตัวออก
เผยให้เห็นแวมไพร์สาว 10 ตนที่นอนหลับอยู่ในโลงแต่ล่ะโลง
แวมไพร์สาวแต่ละตัวอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไร้ซึ่งอาภรณ์ใดๆ
อีกทั้งแต่ละตัวก็งดงามหญิงกว่าแวมไพร์หรือมนุษย์คนไหนเป็นร้อยเท่า
รูปร่างของพวกเธอก็โค้งสวยได้รูป
เหล่ากับเป็นสิ่งที่ถูกสร้างจากเทพเบื้องบนอย่างไงอย่างงั้น
"เจ้าพวกแวมไพร์มันคิดจะเล่นตลกอะไรว่ะ"
ไอซ์เอจเอ่ยขึ้นอย่างไม่วางใจ
พร้อมกระชับปืนในมือเพื่อระมัดระวังแวมไพร์สาวเหล่านั้น
โดยไม่ได้สนใจไอมาน่าของพวกแวมไพร์สาว
ที่กำลังคืบคลานมายังเขาเลยแม้แต่น้อย
อาจะเป็นเพราะเขาเห็นแค่ว่า
มันเป็นไอพลังมาน่าทั่วไปเลยไม่คิดสนใจ
ซึ่งกว่าจะรู้ว่านั่นเป็นความคิดที่ผิดพลาด
เขาก็โดนไอมาน่านั่นไปเต็มๆ
เพราะทันทีที่เขาโดนไอมาน่านั่นสัมผัส
ไฟราคะในกายเขาก็ทวีความรุนแรงขึ้นมาในทันที
จนท่อนเอ็นของเขาแข็งเป็นลำอัดแน่นไปหมด
อาการเช่นนี้มันเป็นอาการของผู้ที่ถูกปลุกกำหนัดด้วยพลังมาน่า
ซึ่งมันจะไม่น่าตกใจเลยถ้าผู้ที่โดนเป็นมนุษย์ธรรมดา
หรือวอร์ริเออร์อ่อนหัด
แต่สำหรับเขาซึ่งเป็นพาลาดินที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชน
จนไม่น่าจะเสียท่าแบบนี้
เจ้าพาลาดินแห่งน้ำพยามต่อสู้กับอารมณ์เงี่ยน
อย่างถึงที่สุดพร้อมกับยกปืนขึ้นประทับ
เพื่อทำลายแวมไพร์สาวตรงหน้า
แต่ยิ่งแวมไพร์สาวเยื้องย่างจากโลงศพหิน
มาใกล้เขามากเท่าไหร่ไฟราคะของเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
จนในที่สุดมือขวาที่ตั้งใจจะลั่นไกสังหารแวมไพร์ตรงหน้า
ก็เปลี่ยนเป็นฉุดร่างของแวมไพร์สาวเข้ามาพร้อมกับ
ควักท่อนเอ็นเข้ายัดปากทันที !!
นี่ก็คืออานุภาพของโปรเจ็ค วัลคีรี่ นั่นเอง ......
วัลคีรี่เป็นโปรเจ็คทดลองที่เวโรนิก้า
กับเหล่านักวิชาการแวมไพร์ที่อยู่ในมิตินี้คิดค้นขึ้น
จุดประสงค์ก็คือเพิ่มสมรรถภาพของเหล่าแวมไพร์
ผ่านการใช้ยากระตุ้น
จากการทดลองเป็นระยะเวลานาน
ก็ได้แวมไพร์สาวที่ผ่านกระบวนการ 10 ตน
ทั้ง 10 ตนนี้มีคุณสมบัติพิเศษ
ตรงสามารถปลดปล่อยพลังมาน่าสีเขียวเข้มผิดกับพลังมาน่าปกติ
แถมมีอานุภาพสามารถกระตุ้นไฟราคะ
ของเพศตรงข้ามได้ดีกว่าเดิมนับร้อยเท่า
อีกทั้งช่องคลอดที่มีพลังในการดูดพลังมาน่าฝ่ายตรงข้ามสูง
ขนาดที่แม้แต่พรีสระดับสูงก็ไม่อาจต้านทานได้ .....
แต่วัลคีรี่กลับมีข้อเสียที่ร้ายแรงก็คือเหล่าวัลคีรี่สูญสิ้นสติปัญญาจนหมด
ในหัวมีแค่เพียงเรื่องเย็ดอย่างเดียวเช่นกัน
สุดท้ายแล้วการทดลงนี้ก็ได้ออกมาแค่เพียงแวมไพร์ร่านสวาทเท่านั้น
แม้จะเป็นการทดลองที่ไม่สมบูรณ์ เวโรนิก้า
ก็เลือกที่จะเก็บร่างทดลองเหล่านี้ไว้โดยอ้างเหตุเอาไว้ศึกษา
โดยที่แม้แต่ตัวเธอก็ไม่รู้เลยว่าจะได้นำเหล่าวัลคีรี่นี้มาใช้อีก
ซึ่งจะว่าไปเหล่าวัลคีรี่นี้ก็เหมาะจะใช้รับมือพวกพาลาดินพอดี
เพราะในการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์นั้น
ถ้าสู้ด้วยเวทย์ไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนมาสู้ด้วยการเย็ดกัน