เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
"อาร์ตคะ รีบเก็บของนะคะ เดี๋ยวเราต้องไปจากที่นี่แล้ว"
วิเวียนเอ่ยขึ้นทันทีหลังจากที่พวกเขาขับรถกลับมาถึงบ้านแล้ว
และหลังจากพูดจบ เธอก็วิ่งหายเข้าไปในบ้านทันที
ชายหนุ่มเดินตามหลังเข้าไปช้าๆ
ตอนนี้มีสิ่งต่างๆที่ผุดขึ้นมาในใจของเขา
เธอจะรู้ไหมนะว่าตอนที่เธอเสร็จออกมา 3 ครั้งนั้น
ภาพความทรงจำของเธอก็ได้แล่นเข้ามา และภาพเหล่านั้น
มันก็ก่อให้เกิดคำถามต่างๆขึ้นมาภายในใจของเขา
แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะถามมันดีไหม
"เราจะไปไหนกันเหรอวิเวียน" เขาถามขึ้นหลังจากเก็บของเสร็จแล้ว
"เราจะไปหลบที่บ้านพวกของสาวกคนอื่นคะอาร์ต
แล้วค่อยหาทางกลับ wonderland กัน"
หญิงสาวตอบคำถามเสร็จก็พาเขาออกเดินทางทันที
ตูมมมมมมม !!!
เสี้ยววินาทีนั้นเอง
จู่ๆก็มีเสียงดังกึกก้องราวกับเสียงระเบิดดังขึ้นบริเวนภายนอก
ทำให้วิเวียนต้องฉุดกระชากนายอาร์ต
เข้ามาหลบภายในบ้านอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะเอ่ยปากบอกชายคนรักของเธอ "อาร์ตหลบก่อน"
สีหน้าของวิเวียนวิตกขึ้นทันที
สิ่งที่ทำให้เธอต้องกังวลนั้นไม่ใช่แค่เสียงระเบิดปริศนา
แต่เป็นมวลพลังมาน่าระดับมหาศาลที่อยู่ภายนอก
มากขนาดที่ว่าอยู่ในระดับเดียวกับแวมไพร์ชั้นขุนพลเลยทีเดียว !!
วิเวียนค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ
ก่อนจะก้าวออกไปเผชิญหน้ากับอาคันตุกะหน้าบ้าน
จะได้รู้กันว่าเขาคือมิตรหรือศัตรู
อาคันตุกะผู้นั้นเป็นชายร่างยักษ์ผิวสีดำสนิท
มีใบหน้าดุดันดวงตาแข็งกร้าวแผงไว้ด้วยความเหี้ยมโหดเต็มเปี่ยม
กล้ามเนื้อของเขาใหญ่โตแข็งแรง
บ่งบอกว่าเป็นผู้ที่ฝึกฝนร่างกายมาอย่างหนักหน่วง
เรื่องดีอย่างหนึ่งก็คือเขาผู้นั้นไม่ใช่แวมไพร์ ...........
แต่ก็เป็นผู้ที่ทำให้เธอต้องหวาดวิตกไม่แพ้กัน
"ท่านพาลาดิน ....... สโตนเฮด"
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเวลาไม่นานก่อนหน้านี้
ณ สถานที่แห่งหนึ่งในโลก wonderland 'นครบาร์รัค'
นครหลวงแห่งเหล่าวอร์ริเอร์
นครขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญไม่แพ้แซงจูรี่ย์แห่งเหล่าพรีส
เมื่อพันปีก่อนนครแห่งนี้เดิมทีมีสถานะเป็นป้อมปราการขนาดยักษ์
ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางรองรับ
เหล่าทหารหาญจากนครต่างๆทั่วโลก
ที่เดินทางมารวมกันเพื่อผนึกกำลังต่อต้านเหล่าแวมไพร์
ซึ่งเมื่อมีทหารหลากหลายที่มารวมกัน
การแลกเปลี่ยนความรู้ ชั้นเชิง ในการต่อสู้ก็เกิดขึ้น
จนในที่สุดความรู้แขนงต่างๆก็รวมกันเป็นหนึ่ง
กลายเป็นศาสตร์ในเชิงรบที่เหนือกว่าวิชาใดๆ
และทหารคนใดที่ได้ฝึกก็จะเป็นนักรบที่มีความสามารถสูง
สูงขนาดที่ว่าสามารถใช้อาวุธธรรมดาต่อกร
กับเหล่าผู้ใช้เวทย์ได้อย่างไม่เสียเปรียบ
ทำให้มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาฝึกฝนกันไม่ขาดสาย
จนในที่สุดก็ก่อให้เกิดคลาสใหม่ขึ้นมาในโลกนั่นก็คือ วอร์ริเอร์ (warrior)
และเมื่อป้อมแห่งนี้มีผู้คนเข้ามาฝึกฝนกันเป็นจำนานมากมันก็เลยยกระดับ
ตัวเองขึ้นมาเป็นเมือง โดยมีจุดศูนย์กลางเป็นหอคอยขนาดใหญ่ที่ชื่อ
ไอเซนการ์ด ซึ่งเป็นที่อยู่ผู้นำสูงสุดของเหล่าวอร์ริเอร์
ซึ่งบัดนี้ก็คือนายพลแลนด์ซาร์ต ซึ่งขณะนี้
เขากำลังนั่งประชุมรายงานข่าวกรองกับเหล่าลูกน้องคนสนิท
"นางให้เหตุผลว่าชายผู้นั้นเป็นมนุษย์ธรรมดา
ไม่ใช่แวมไพร์ จึงไม่ใช่ร่างกำเนิดใหม่ของอาลูคาร์ด
นางเลยตัดสินใจไม่สังหารครับ"
จุดเด่นที่น่ากลัวอีกอย่างของเหล่าวอร์ริเอร์
ก็คืองานด้านการข่าวที่แม่นยำเหลือเชื่อ
ไม่ว่าจะเป็นข่าวของฝ่ายแวมไพร์หรือฝ่ายมนุษย์
จนมีคำกล่าวที่ว่าไม่มีความลับใดที่รอดสายตาวอร์ริเอร์ไปได้เลย
แม้แต่เรื่องที่วิเวียนติดต่อรายงานลับกับสาธุคุณรอสก็ตาม
"เป็นอย่างที่ข้าคาดไว้ไม่ผิด
สุดท้ายนางก็เป็นแค่พรีสอ่อนหัดที่ไม่เคยมีประสบการณ์ หึ !
ข้าอยากเห็นหน้าเจ้ารอสนัก เห็นมันโฆษณาซะดิบดีว่าฝึกมากับมือ
ดูท่าคงฝึกกันแค่เรื่องเย็ดละมั้ง"
นายพลแลนด์ซาร์ตกล่าวทันทีเมื่อฟังรายงานจบ
"สถานการณ์เปลี่ยนไปแบบนี้เราควรจะยื่นมือเข้าไปจัดการน่ะครับ"
ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยเสนอ
"ถ้าทำอย่างนั้น พวกพรีสจะไม่พอใจเอาได้น่ะ"
ลูกน้องอีกคนก็เอ่ยแย้ง
"แต่ข้าเห็นด้วยในเรื่องนี้ เรื่องสังหารอาลูคาร์ด
ที่จริงแล้วมันควรจะเป็นหน้าที่ของวอร์วิเอร์อย่างเราเสียมากกว่า ...........
ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะส่งหน่วยพาลาดินไปจัดการ"
"แล้วไม่ทราบว่าท่านแลนด์ซาร์ตจะส่งพาลาดินท่านไหนไปหรือครับ"
ลูกน้องคนนึงเอ่ยถาม
"นี่เป็นภารกิจสำคัญ เพื่อความไม่ประมาท
ข้าจะส่งพาลาดินทั้ง 5 ไปจัดการ"
คำตอบของแลนด์ซาร์ตเรียกเสียงฮือฮาจากห้องประชุมขึ้นมาทันที
เพราะพาลาดินทั้ง 5 ถือเป็นกำลังรบสำคัญของเหล่าวอร์ริเอร์
จึงไม่บ่อยนักที่จะส่งทั้ง5 คนไปปฏิบัติภารกิจร่วมกัน
"แล้วปัญหาเรื่องการข้ามมิติล่ะครับ
มันก็ต้องใช้ความร่วมมือจากเหล่าพรีสเช่นกัน"
"นั่นไม่ใช่ปัญหา" แลนด์ซาร์ตกล่าวจบก็หัดไปสั่งงานลูกน้องคนสนิท
"พาพวกเขาเข้ามา"
ลูกน้องคนสนิทของเขาทำความเคารพเล็กน้อยก่อนจะแยกออกไป
ไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมกับชายกลุ่มหนึ่ง
ที่เมื่อดูจากการแต่งกายก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาคือ วิซาร์ด
ที่ถูกส่งจากหอการค้าตามคำขอของแลนด์ซาร์ต
เพื่อมาช่วยงานด้านการวิจัยอาวุธหินธาตุที่นี่
แต่เรื่องนี้น้อยคนที่จะทราบ
เพราะยังไงวิซาร์ดก็เป็นคลาสเกิดใหม่ที่ยังไม่ได้รับการยอมรับ
มิหนำซ้ำยังถูกปฏิเสธโดยตรงจากเหล่าพรีสอีก
แต่ตรงนี้แลนด์ซาร์ตก็ไม่ได้สนใจ
เพราะที่เขาสนใจก็คือวิทยาการของพวกวิซาร์ดมากกว่า
"ข้าขอถามพวกท่านหน่อย ถ้าข้าต้องการให้ท่านช่วยข้ามมิติ
พวกท่านจะใช้เวลาเท่าใด" แลนด์ซาร์ตเอ่ย
"พวกข้าขอเวลา 3 ชั่วโมงก็พอแล้ว"
คำตอบของเหล่าวิซาร์ดทำให้เหล่าสมาชิกในที่ประชุมทึ่งไม่น้อย
เนื่องจากพิธีนี้ พวกพรีสต้องใช้เวลาเตรียมการไม่ต่ำกว่า 3 วันทีเดียว
"ดี ! แล้วตอนนี้มีพาลาดินคนใดพร้อมประจำการ"
"พาลาดิน 4 ท่านออกไปทำภารกิจกำลังเดินทางกลับครับ
ตอนนี้มีเพียงท่านสโตนเฮดครับ"
"ตกลง งั้นข้าจะส่งสโตนเฮดล่วงหน้าไปคนแรก"
"ไม่เลวนี่น้องสาว รู้จักข้าด้วย"
สโตนเฮดกล่าวขึ้นพร้อมกับสูดบุหรี่ที่พึ่งจุดอย่างสบายอารมณ์
ตรงข้ามกับคู่สนทนาของเขา ที่ตอนนี้ยืนเกร็งอย่างเห็นได้ชัด
"ส่งมันมาให้ข้า" เขากล่าวจุดประสงค์ทันทีไม่อ้อมค้อม
ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่หญิงสาวหวาดวิตกไว้พอดี
"แต่ท่านสโตนเฮด .......
ทางสภาได้ทำข้อตกลงแล้วนะคะว่าจะมอบเรื่องนี้ให้พรีสเป็นคนดูแล
ถ้าวอร์ริเอร์อย่างท่านมาแทรกแซง ข้าว่า......"
"ดูแล !! ดูแลยังไงของเจ้าห่ะ !!" สโตนเฮดตวาดเสียงดังลั่น
"อย่านึกว่าข้าไม่รู้น่ะเจ้าได้ตัวมันมานานแล้ว
แต่กลับไม่ยอมสังหาร ทำไม ติดใจควยมันนักหรือไงนังเด็กเมื่อวานซืน"
"แต่เขาเป็นมนุษย์นะคะ ......
หน้าที่ของพวกเราคือปกป้องมวลมนุษย์จากแวมไพร์ไม่ใช่เหรอคะ
ข้าคิดว่ามันไม่ถูกต้องที่เราจะเป็นฝ่ายมาสังหารมนุษย์ด้วยกันเองแบบนี้"
"มนุษย์แล้วยังไง" สโตนเฮดเอ่ยเสียงเรียบ
"มันก็แค่เล่ห์กลของเจ้าพวกแวมไพร์มากกว่า แล้วอีกอย่างนะน้อง"
เขานิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
"นี่มันสงคราม ....... การเสียสละก็ต้องมีกันบ้างไม่ใช่เหรอไง"
"หลักการแบบนั้น ข้าไม่ยอมรับหรอก !!"
วิเวียนเอ่ยเสียงกร้าวก่อนจะรวบรวมพลังมาน่าผนึกเวทย์แสงขึ้นมาทันที
เป็นการประกาศเจตนารมณ์ปฏิเสธของเธออย่างชัดเจน
"คิดจะขวางข้าเหรอ เวทย์ธาตุแสงของเจ้า
มันก็ใช้หลอกได้แต่กับพวกแวมไพร์อ่อนหัดเท่านั้นแหละโว้ย"
สโตนเฮดเอ่ยเสียงเหี้ยม
พร้อมกับเดินเข้าใส่หญิงสาวอย่างไม่กลัวเกรงเลยแม้แต่น้อย
แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไร เสียงแตรรถก็ดังขึ้นทันที
"บรี๊นนนนนน"
"วิเวียนนนนน ไปเร็วววววว" นายอาร์ตนั่นเอง
เขาอาศัยช่วงนี้แอบไปสตาร์ทรถเตรียมไว้
ก่อนจะเรียกหญิงสาวให้รีบหนี
แต่นั่นก็เปิดโอกาสให้สโตนเฮดเห็นเป้าหมาย
พร้อมกับพุ่งเข้าจู่โจมทันที แต่วิเวียนก็ระวังอยู่แล้ว
เธอซัดหอกลำแสงเข้าใส่ร่างเจ้าพาลาดินอย่างจัง
จนร่างของมันกลิ้งไม่เป็นท่าเกิดฝุ่นตลบไปหมด
"ไปเร็วค่ะอาร์ต" วิเวียนเอ่ยทันทีเมื่อขึ้นรถเสร็จ
เพราะเธอรู้ดีว่าหอกลำแสงเมื่อครู่
แค่สกัดพาลาดินผู้นั้นได้เพียงครู่เดียว ซึ่งเธอก็เดาไม่ผิด
สโตนเฮดค่อยๆลุกกายขึ้นท่ามกลางฝุ่นควัน
พร้อมกับจับจ้องไปยังรถที่พึ่งแล่นออกไป