Your Wishlist

ดินแดนมหัศจรรย์ (ดินแดนมหัศจรรย์)

Author: xxx555

เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland

จำนวนตอน :

ดินแดนมหัศจรรย์

  • 29/07/2568

"อาร์ตคะ รีบเก็บของนะคะ เดี๋ยวเราต้องไปจากที่นี่แล้ว"

 

 วิเวียนเอ่ยขึ้นทันทีหลังจากที่พวกเขาขับรถกลับมาถึงบ้านแล้ว

 และหลังจากพูดจบ เธอก็วิ่งหายเข้าไปในบ้านทันที

 

ชายหนุ่มเดินตามหลังเข้าไปช้าๆ

 ตอนนี้มีสิ่งต่างๆที่ผุดขึ้นมาในใจของเขา

 เธอจะรู้ไหมนะว่าตอนที่เธอเสร็จออกมา 3 ครั้งนั้น

 

 ภาพความทรงจำของเธอก็ได้แล่นเข้ามา และภาพเหล่านั้น

 มันก็ก่อให้เกิดคำถามต่างๆขึ้นมาภายในใจของเขา

 แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะถามมันดีไหม

 

"เราจะไปไหนกันเหรอวิเวียน" เขาถามขึ้นหลังจากเก็บของเสร็จแล้ว

 

"เราจะไปหลบที่บ้านพวกของสาวกคนอื่นคะอาร์ต

 แล้วค่อยหาทางกลับ wonderland กัน"

 หญิงสาวตอบคำถามเสร็จก็พาเขาออกเดินทางทันที

 

ตูมมมมมมม !!!

 

เสี้ยววินาทีนั้นเอง

 จู่ๆก็มีเสียงดังกึกก้องราวกับเสียงระเบิดดังขึ้นบริเวนภายนอก

 ทำให้วิเวียนต้องฉุดกระชากนายอาร์ต

เข้ามาหลบภายในบ้านอย่างรวดเร็ว

 ก่อนจะเอ่ยปากบอกชายคนรักของเธอ "อาร์ตหลบก่อน"

 

 

สีหน้าของวิเวียนวิตกขึ้นทันที

 สิ่งที่ทำให้เธอต้องกังวลนั้นไม่ใช่แค่เสียงระเบิดปริศนา

 แต่เป็นมวลพลังมาน่าระดับมหาศาลที่อยู่ภายนอก

 

 มากขนาดที่ว่าอยู่ในระดับเดียวกับแวมไพร์ชั้นขุนพลเลยทีเดียว !!

 วิเวียนค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ

 ก่อนจะก้าวออกไปเผชิญหน้ากับอาคันตุกะหน้าบ้าน

 จะได้รู้กันว่าเขาคือมิตรหรือศัตรู

 

อาคันตุกะผู้นั้นเป็นชายร่างยักษ์ผิวสีดำสนิท

 มีใบหน้าดุดันดวงตาแข็งกร้าวแผงไว้ด้วยความเหี้ยมโหดเต็มเปี่ยม

 กล้ามเนื้อของเขาใหญ่โตแข็งแรง

 

 บ่งบอกว่าเป็นผู้ที่ฝึกฝนร่างกายมาอย่างหนักหน่วง

 เรื่องดีอย่างหนึ่งก็คือเขาผู้นั้นไม่ใช่แวมไพร์ ...........

 แต่ก็เป็นผู้ที่ทำให้เธอต้องหวาดวิตกไม่แพ้กัน

 

"ท่านพาลาดิน ....... สโตนเฮด"

 

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเวลาไม่นานก่อนหน้านี้ 

ณ สถานที่แห่งหนึ่งในโลก wonderland 'นครบาร์รัค'

 นครหลวงแห่งเหล่าวอร์ริเอร์

 

 นครขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญไม่แพ้แซงจูรี่ย์แห่งเหล่าพรีส

 เมื่อพันปีก่อนนครแห่งนี้เดิมทีมีสถานะเป็นป้อมปราการขนาดยักษ์

 

 ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางรองรับ

เหล่าทหารหาญจากนครต่างๆทั่วโลก

 ที่เดินทางมารวมกันเพื่อผนึกกำลังต่อต้านเหล่าแวมไพร์

 

 ซึ่งเมื่อมีทหารหลากหลายที่มารวมกัน 

การแลกเปลี่ยนความรู้ ชั้นเชิง ในการต่อสู้ก็เกิดขึ้น

 จนในที่สุดความรู้แขนงต่างๆก็รวมกันเป็นหนึ่ง

 

 กลายเป็นศาสตร์ในเชิงรบที่เหนือกว่าวิชาใดๆ

 และทหารคนใดที่ได้ฝึกก็จะเป็นนักรบที่มีความสามารถสูง

 สูงขนาดที่ว่าสามารถใช้อาวุธธรรมดาต่อกร

 

กับเหล่าผู้ใช้เวทย์ได้อย่างไม่เสียเปรียบ

 ทำให้มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาฝึกฝนกันไม่ขาดสาย

 จนในที่สุดก็ก่อให้เกิดคลาสใหม่ขึ้นมาในโลกนั่นก็คือ วอร์ริเอร์ (warrior)

 

และเมื่อป้อมแห่งนี้มีผู้คนเข้ามาฝึกฝนกันเป็นจำนานมากมันก็เลยยกระดับ

ตัวเองขึ้นมาเป็นเมือง โดยมีจุดศูนย์กลางเป็นหอคอยขนาดใหญ่ที่ชื่อ

 

 ไอเซนการ์ด ซึ่งเป็นที่อยู่ผู้นำสูงสุดของเหล่าวอร์ริเอร์

 ซึ่งบัดนี้ก็คือนายพลแลนด์ซาร์ต ซึ่งขณะนี้

 เขากำลังนั่งประชุมรายงานข่าวกรองกับเหล่าลูกน้องคนสนิท

 

"นางให้เหตุผลว่าชายผู้นั้นเป็นมนุษย์ธรรมดา

 ไม่ใช่แวมไพร์ จึงไม่ใช่ร่างกำเนิดใหม่ของอาลูคาร์ด

 นางเลยตัดสินใจไม่สังหารครับ"

 

 จุดเด่นที่น่ากลัวอีกอย่างของเหล่าวอร์ริเอร์

ก็คืองานด้านการข่าวที่แม่นยำเหลือเชื่อ

 ไม่ว่าจะเป็นข่าวของฝ่ายแวมไพร์หรือฝ่ายมนุษย์

 

 จนมีคำกล่าวที่ว่าไม่มีความลับใดที่รอดสายตาวอร์ริเอร์ไปได้เลย

 แม้แต่เรื่องที่วิเวียนติดต่อรายงานลับกับสาธุคุณรอสก็ตาม

 

"เป็นอย่างที่ข้าคาดไว้ไม่ผิด

 สุดท้ายนางก็เป็นแค่พรีสอ่อนหัดที่ไม่เคยมีประสบการณ์ หึ !

 ข้าอยากเห็นหน้าเจ้ารอสนัก เห็นมันโฆษณาซะดิบดีว่าฝึกมากับมือ

 ดูท่าคงฝึกกันแค่เรื่องเย็ดละมั้ง"

 

 นายพลแลนด์ซาร์ตกล่าวทันทีเมื่อฟังรายงานจบ

 

"สถานการณ์เปลี่ยนไปแบบนี้เราควรจะยื่นมือเข้าไปจัดการน่ะครับ"

 ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยเสนอ

 

"ถ้าทำอย่างนั้น พวกพรีสจะไม่พอใจเอาได้น่ะ" 

ลูกน้องอีกคนก็เอ่ยแย้ง

 

 

"แต่ข้าเห็นด้วยในเรื่องนี้ เรื่องสังหารอาลูคาร์ด

 ที่จริงแล้วมันควรจะเป็นหน้าที่ของวอร์วิเอร์อย่างเราเสียมากกว่า ........... 

ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะส่งหน่วยพาลาดินไปจัดการ"

 

"แล้วไม่ทราบว่าท่านแลนด์ซาร์ตจะส่งพาลาดินท่านไหนไปหรือครับ"

 ลูกน้องคนนึงเอ่ยถาม

 

"นี่เป็นภารกิจสำคัญ เพื่อความไม่ประมาท

 ข้าจะส่งพาลาดินทั้ง 5 ไปจัดการ"

 

 คำตอบของแลนด์ซาร์ตเรียกเสียงฮือฮาจากห้องประชุมขึ้นมาทันที

 เพราะพาลาดินทั้ง 5 ถือเป็นกำลังรบสำคัญของเหล่าวอร์ริเอร์

 จึงไม่บ่อยนักที่จะส่งทั้ง5 คนไปปฏิบัติภารกิจร่วมกัน

 

"แล้วปัญหาเรื่องการข้ามมิติล่ะครับ

 มันก็ต้องใช้ความร่วมมือจากเหล่าพรีสเช่นกัน"

 

"นั่นไม่ใช่ปัญหา" แลนด์ซาร์ตกล่าวจบก็หัดไปสั่งงานลูกน้องคนสนิท 

"พาพวกเขาเข้ามา"

 

ลูกน้องคนสนิทของเขาทำความเคารพเล็กน้อยก่อนจะแยกออกไป

 ไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมกับชายกลุ่มหนึ่ง

 ที่เมื่อดูจากการแต่งกายก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาคือ วิซาร์ด

 

 ที่ถูกส่งจากหอการค้าตามคำขอของแลนด์ซาร์ต

เพื่อมาช่วยงานด้านการวิจัยอาวุธหินธาตุที่นี่

 แต่เรื่องนี้น้อยคนที่จะทราบ

 

เพราะยังไงวิซาร์ดก็เป็นคลาสเกิดใหม่ที่ยังไม่ได้รับการยอมรับ

 มิหนำซ้ำยังถูกปฏิเสธโดยตรงจากเหล่าพรีสอีก

 แต่ตรงนี้แลนด์ซาร์ตก็ไม่ได้สนใจ

 

 เพราะที่เขาสนใจก็คือวิทยาการของพวกวิซาร์ดมากกว่า

 

"ข้าขอถามพวกท่านหน่อย ถ้าข้าต้องการให้ท่านช่วยข้ามมิติ

 พวกท่านจะใช้เวลาเท่าใด" แลนด์ซาร์ตเอ่ย

 

"พวกข้าขอเวลา 3 ชั่วโมงก็พอแล้ว"

 

 คำตอบของเหล่าวิซาร์ดทำให้เหล่าสมาชิกในที่ประชุมทึ่งไม่น้อย

 เนื่องจากพิธีนี้ พวกพรีสต้องใช้เวลาเตรียมการไม่ต่ำกว่า 3 วันทีเดียว

 

"ดี ! แล้วตอนนี้มีพาลาดินคนใดพร้อมประจำการ"

 

"พาลาดิน 4 ท่านออกไปทำภารกิจกำลังเดินทางกลับครับ

 ตอนนี้มีเพียงท่านสโตนเฮดครับ"

 

"ตกลง งั้นข้าจะส่งสโตนเฮดล่วงหน้าไปคนแรก"

 

 

"ไม่เลวนี่น้องสาว รู้จักข้าด้วย"

 สโตนเฮดกล่าวขึ้นพร้อมกับสูดบุหรี่ที่พึ่งจุดอย่างสบายอารมณ์

 ตรงข้ามกับคู่สนทนาของเขา ที่ตอนนี้ยืนเกร็งอย่างเห็นได้ชัด

 

"ส่งมันมาให้ข้า" เขากล่าวจุดประสงค์ทันทีไม่อ้อมค้อม

 ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่หญิงสาวหวาดวิตกไว้พอดี

 

"แต่ท่านสโตนเฮด .......

 ทางสภาได้ทำข้อตกลงแล้วนะคะว่าจะมอบเรื่องนี้ให้พรีสเป็นคนดูแล

 ถ้าวอร์ริเอร์อย่างท่านมาแทรกแซง ข้าว่า......"

 

"ดูแล !! ดูแลยังไงของเจ้าห่ะ !!" สโตนเฮดตวาดเสียงดังลั่น 

 

"อย่านึกว่าข้าไม่รู้น่ะเจ้าได้ตัวมันมานานแล้ว 

แต่กลับไม่ยอมสังหาร ทำไม ติดใจควยมันนักหรือไงนังเด็กเมื่อวานซืน"

 

"แต่เขาเป็นมนุษย์นะคะ ......

 หน้าที่ของพวกเราคือปกป้องมวลมนุษย์จากแวมไพร์ไม่ใช่เหรอคะ

 ข้าคิดว่ามันไม่ถูกต้องที่เราจะเป็นฝ่ายมาสังหารมนุษย์ด้วยกันเองแบบนี้"

 

"มนุษย์แล้วยังไง" สโตนเฮดเอ่ยเสียงเรียบ 

"มันก็แค่เล่ห์กลของเจ้าพวกแวมไพร์มากกว่า แล้วอีกอย่างนะน้อง"

 เขานิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม

 

 

"นี่มันสงคราม ....... การเสียสละก็ต้องมีกันบ้างไม่ใช่เหรอไง"

 

"หลักการแบบนั้น ข้าไม่ยอมรับหรอก !!"

 วิเวียนเอ่ยเสียงกร้าวก่อนจะรวบรวมพลังมาน่าผนึกเวทย์แสงขึ้นมาทันที

 เป็นการประกาศเจตนารมณ์ปฏิเสธของเธออย่างชัดเจน

 

"คิดจะขวางข้าเหรอ เวทย์ธาตุแสงของเจ้า

 มันก็ใช้หลอกได้แต่กับพวกแวมไพร์อ่อนหัดเท่านั้นแหละโว้ย"

 

 สโตนเฮดเอ่ยเสียงเหี้ยม

พร้อมกับเดินเข้าใส่หญิงสาวอย่างไม่กลัวเกรงเลยแม้แต่น้อย

 แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไร เสียงแตรรถก็ดังขึ้นทันที

 

"บรี๊นนนนนน"

 

"วิเวียนนนนน ไปเร็วววววว" นายอาร์ตนั่นเอง

 เขาอาศัยช่วงนี้แอบไปสตาร์ทรถเตรียมไว้ 

ก่อนจะเรียกหญิงสาวให้รีบหนี

 

 แต่นั่นก็เปิดโอกาสให้สโตนเฮดเห็นเป้าหมาย

พร้อมกับพุ่งเข้าจู่โจมทันที แต่วิเวียนก็ระวังอยู่แล้ว

 เธอซัดหอกลำแสงเข้าใส่ร่างเจ้าพาลาดินอย่างจัง

 จนร่างของมันกลิ้งไม่เป็นท่าเกิดฝุ่นตลบไปหมด

 

"ไปเร็วค่ะอาร์ต" วิเวียนเอ่ยทันทีเมื่อขึ้นรถเสร็จ

 เพราะเธอรู้ดีว่าหอกลำแสงเมื่อครู่

แค่สกัดพาลาดินผู้นั้นได้เพียงครู่เดียว ซึ่งเธอก็เดาไม่ผิด

 

 สโตนเฮดค่อยๆลุกกายขึ้นท่ามกลางฝุ่นควัน

พร้อมกับจับจ้องไปยังรถที่พึ่งแล่นออกไป

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป