Your Wishlist

ดินแดนมหัศจรรย์ (ดินแดนมหัศจรรย์)

Author: xxx555

เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland

จำนวนตอน :

ดินแดนมหัศจรรย์

  • 29/07/2568

"คิดหนีเหรอ ...... อาภรณ์เทพศิลา"

 ทันทีที่เขาเอ่ยจบเจ้าพาลาดินก็ร่ายเวทย์ประจำตัว

 ทันใดนั้นสร้อยคอที่เขาใส่ก็เปล่งแสงสีน้ำตาลสว่างจ้าทันที

 

 พร้อมๆดินโคลนสีน้ำตาลไหลขึ้นมาห่อหุ้มร่างเขา

จนมิดก่อนที่มันจะจับตัวแข็ง 

กลายเป็นชุดเกราะลวดลายแปลกตา

 

 สโตนเฮดขยับกายเล็กน้อยเพื่อให้ชุดเกราะเข้าที่

 ก่อนที่เขาจะวิ่งทะยานตามไล่ล่ารถที่พึ่งแล่นออกไป

 

"เจ้าจะหนีไปถึงไหนห่ะ มาโฮน"

 แวมไพร์สาวผมดำขลับตวาดสั่นหน้าฝูงนกที่บินอยู่บนท้องฟ้า

 ก่อนที่เจ้าฝูงนกเหล่านั้น

 

จะบินโฉบลงมาด้านล่างก่อนจะรวมร่างกลับมาเป็นแวมไพร์ร่างสูงโปร่ง

 

"ข้าจะกลับบริษัท ขอกำลังเสริมจาก wonderland"

 

"เจ้าบ้าไปแล้วเหรอมาโฮน

 กว่ากำลังเสริมจะมาป่านนั้นพวกมันก็ไปถึงไหนแล้ว

 ดีไม่ดีถ้าเกิดพวกมันหนีกลับเข้า wonderland ได้ เราจะชิงตัวลำบาก"

 

"เจ้าสิบ้า ไม่เห็นเหรอว่านังนั่นเป็นพรีสธาตุแสง

 พรีสธาตุแสงน่ะเว้ยยยย​

 ไอ้ธาตุในตำนานที่ใช้สังหารเผ่าพันธุ์เราโดยเฉพาะ

 

 ธาตุที่เราโดนมันเข้าจังๆแค่ทีเดียว 

แค่ทีเดียวก็สังหารเราได้แล้วน่ะเว้ย ถ้าเจ้าอยากเสี่ยงนัก

 ก็เชิญเจ้าเดินไปลงเหวคนเดียวเถอะเวโรนิก้า"

 

 มาโฮนพูดจบก็ตั้งท่าร่ายเวทย์ ร่างเงาพันปักษา เพื่อจะจากไป

 

"มาโฮนนนนนน !!" เวโรนิก้าตวาดเสียงดังลั่น

 ก่อนที่นางจะเปลี่ยนเสียงพูดเป็นเสียงเหยียดหยามแวมไพร์ตรงหน้า 

 

"ที่แท้ตัวเจ้าก็ขี้ขาดเช่นนี้เองเหรอมาโฮน อ้อ ....

 เพราะคู่ขาตายไปก็เลยทำให้เจ้าสติแตกเหรอไง"

 

"เจ้าว่าไงน่ะ เวโรนิก้า !!" เจ้าแวมไพร์ร่างสูงหันมามองทันที

 สายตาของมันจ้องมองมาที่แวมไพร์สาวอย่างกินเลือดกินเนื้อ

 ซึ่งเธอก็ไม่สนใจ กล่าวเย้ยมันต่อ

 

 

"หึ ! ปกติข้าเห็นเจ้าชอบทำวางท่า

 แต่เอาเข้าจริงกลับขี้ขลาดเช่นนี้เลยเหรอ แต่พูดถึง

 ข้าก็มีกระโปรงเก่าๆอยู่ ยังไงเดี๋ยวข้าจะบริจาคให้เจ้าไปใส่น่ะ"

 

"เวโรนิก้า !! เจ้าเป็นแค่แวมไพร์ชั้นต่ำ แต่กลับกล้าหยามข้าขนาดนี้เรอะ"

 

 มาโฮนตวาดลั่นพร้อมกับฟาดฝ่ามือเข้าใส่ทันที

 ซึ่งแวมไพร์สาวก็พลิ้วหลบไปได้อย่างง่ายดาย

 ก่อนที่จะตวัดฟาดสันมือเข้าใส่จนแวมไพร์ร่างสูงโปร่งล้มลงไม่เป็นท่า

 

"ร่างเงาพันปักษา"

 เจ้าแวมไพร์ร้องลั่นก่อนที่ร่างของมัน

จะแตกกระจายกลายเป็นฝูงนกนับพันบินร่อนอยู่เต็มท้องฟ้า

 

 และคราวนี้เจ้ามาโฮนก็ไม่ประมาทเหมือนครั้งก่อนๆ

 มันจัดรูปขบวนใหม่โดยเน้นตีวนอยู่รอบๆ

 และก็อาศัยจังหวะเข้าโจมตีจากมุมบอด

 

"อ๊ากกกกก"เวโรนิก้าหวีดร้องดังลั่น

 เมื่อเจ้านกตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่เธอจากด้านหลังอย่างแรง

พร้อมกับระเบิดออก ทิ้งรอยไหม้สีแดงไว้ที่แผ่นหลัง

 

 แต่เธอเองก็เจ็บไม่ได้นาน เจ้านกตัวที่ 2-3 ก็บินโฉบลงมาแล้ว

 ทำให้เธอต้องร่ายเวทย์ป้องกันเป็นพัลวัน

 

 แต่เพราะจำนวนนกที่มีอยู่มากมาย

บวกกับมันโจมตีเธอได้จากทุกทิศทาง

 ทำให้ในที่สุดเธอก็โดนจนระเบิดเข้าไปหนึ่งชุดจนต้องล้มกับพื้น

 

 และนั่นก็เป็นโอกาสที่เจ้ามาโฮนจะโจมตีกระหน่ำเธอไม่ยั้ง

 จนแวมไพร์สาวบอบช้ำไปทั้งตัวหมดสภาพไปในที่สุด

 

"ฮ่าๆๆๆ เป็นไงล่ะมึง เจอเวทย์ประจำตระกูลกูเข้าไป

 ยังจะมาปากดีอีกไหม นี่แหละ

 ที่เขาเรียกว่าความต่างของแวมไพร์แท้กับแวมไพร์ตีตราล่ะเว้ย"

 

 เจ้ามาโฮนหัวเราะอย่างสะใจกับผลงานตรงหน้า

 

"อัสนีบาตหลั่งไหล"

 

เพราะเจ้ามาโฮนมัวแต่ย่ามใจนั่นเอง

 มันก็เลยเผลอเข้ามาในระยะโจมตีโดยไม่รู้ตัว

 ชั่วพริบตานั้นกระแสไฟฟ้าจำนวนมาก

 

ก็กระจายออกจากร่างแวมไพร์สาวเข้าโจมตีร่างนกของมันทุกทิศทาง

 จนร่างนกของมันร่วงระนาวบนพื้น แต่แค่นั้นยังไม่พอ

 แวมไพร์สาวลุกยืนขึ้นพร้อมกับร่ายเวทย์อีกชุดที่รุนแรงกว่าทันที

 

"เสาสลัก เทพสายฟ้า"

 

 

 กระแสไฟฟ้าจำนวนมากในอากาศ

โดนดึงดูดเข้ามารวมกันในร่างของแวมไพร์สาว

ก็จะส่งผ่านเธอไปยังพื้นเข้าจู่โจมร่างนกของมาโฮน

ที่นอนกระจัดกระจาย 

 

จนเสียงร้องโหยโหวนดังไปหมด เพราะเวทย์ชุดนี้

 เป็นเวทย์สายฟ้าระดับเลเวล 6 ที่มีพลังทำลายมากที่สุด

 โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนโดนเป็นพวกธาตุน้ำด้วยล่ะก็

 พลังทำลายก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นเป็นหลายเท่า

 

"เวทย์ประจำตระกูลแล้วยังไง

 สุดท้ายมันก็ต้องอยู่ในสาระบบ 5 ธาตุจักรวาลอยู่ดี"

 

 แวมไพร์สาวเอ่ยขึ้นโดยที่ท่าทางเป็นปกติทุกอย่าง

 ราวกับว่าการโจมตีเมื่อครู่ของมาโฮนไม่ได้สร้างการบาดเจ็บให้เธอเลย

 

"และเวทย์ที่สามารถแบ่งร่างออกจากกันได้แบบนี้

 ก็มีแต่เวทย์ธาตุน้ำใช่ไหมล่ะ 

แต่จะว่าไปทีแรกข้าก็ไม่แน่ใจหรอกนะ

 จนเมื่อเจ้าเร่งความร้อนในร่างนกจนเดือดแล้วพุ่งเข้าจู่โจมข้านี่สิ

 นี่มันการโจมตีแบบพวกธาตุน้ำชัดๆ"

 

 

"และนั่นก็คือสิ่งที่เจ้าทำพลาดมาโฮน

 เจ้าทำให้ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นพวกสายธาตุอะไร

 แถมการโจมตีของเจ้ามันก็ช่างไร้ความหมาย

 เพราะข้าเป็นแวมไพร์ธาตุไฟ

 เอาความร้อนมาโจมตีข้ามันไม่ดูสิ้นคิดไปหน่อยเหรอ"

 

 เวโรนิก้ากล่าวเหยียดเจ้าแวมไพร์ตรงหน้า

 ก่อนจะใช้เท้าขยี้ร่างนกที่นอนอยู่เกลื่อนพื้น

 

"เอาล่ะ จะกลับไปพร้อมกับข้าดีๆไหมมาโฮน"

 

 เวโรนิก้าเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะร่ายเวทย์ชุดเดิมอีกครั้ง

 พร้อมกับเสียงร้องอย่างโหยหวนที่ดังขึ้นของแวมไพร์มาโฮน

 

"เจ้านั้นเป็นใครเหรอวิเวียน พวกแวมไพร์หรือเปล่า"

 ชายหนุ่มเอ่ยถามทันที

หลังจากรถของพวกเขาทิ้งระยะออกมาได้ไกลพอดู

 

"ไม่ใช่แวมไพร์คะอาร์ต เขาเป็นคนในหน่วยพาลาดินของพวกวอร์วิเอร์น่ะ" 

หญิงสาวเอ่ยตอบพร้อมกับมองกระจกหลังเป็นระยะ

 

"วอร์ริเอร์ ??" ชายหนุ่มเอ่ยทวนอย่างฉงน

 

 

 

"พวกที่ต่อสู้กับแวมไพร์เช่นเดียวกับพรีสนี่แหละคะ

 เพียงแต่พวกเขาไม่มีพลังเวทย์

 ใช้เพียงอาวุธและทักษะการต่อสู้เท่านั้น

 จะมีก็แต่หน่วยพาลาดินนี่แหละ

 ที่ฝึกการใช้เวทย์เพื่อเอามาประสานกับการต่อสู้ด้วย

 แต่เพราะเขาไม่ได้ฝึกฝนพลังมาน่าเพียงพอ

 ปกติพลังเวทย์ของเขาก็เลยไม่สูงนักแถมใช้ได้เพียงธาตุเดียว

 แต่ต่อมา พอมีพวกหินธาตุเกิดขึ้น

 พวกเขาก็พัฒนาพลังตัวเองแบบก้าวกระโดด

 จนผู้มีพลังสูงสุดของแต่ละธาตุ

 จะถูกเรียกมารวมกันเป็น 5 พาลาดิน

 แล้วได้ชื่อโคดเนมตามสายธาตุที่ตนใช้ ..... 

อย่างชายคนนั้นก็คือ สโตนเฮดแห่งธาตุดิน"

 

"วิเวียน ......!!" นายอาร์ตเอ่ยขึ้นทันทีที่วิเวียนพูดจบ

 ภาพที่เขาเห็นผ่านกระจกหลังเป็นภาพที่เขาไม่อยากเชื่อสายตา

 ภาพของชายที่สวมชุดเกราะที่คลุมมิดไปทั่วร่างกำลังไล่ตามเขามา

 

 ครั้นชายหนุ่มจะเร่งเครื่องหนี ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหนีพ้น ไม่แค่นั้น

 ระยะห่างระหว่างพวกเขาก็กำลังถูกย่นเข้ามาเรื่อยๆ

 

"ชุดเกราะนั่นเคลื่อนไหวด้วยพลังเวทย์ แค่ความเร็วยังไม่พอหรอก"

 วิเวียนเอ่ยขึ้นก่อนจะเปิดประตูรถออก

 

 จากนั้นเธอก็ปล่อยหอกลำแสงเข้าใส่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่สองข้างทาง

 ทำให้ต้นไม้เหล่านั้นหักโค่นลงมากลายเป็นกำแพงกั้นขวางอยู่กลางถนน

 

"หึ !" สโตนเฮดสบถมาคำหนึ่งราวกับ

จะดูแคลนการกระทำตรงหน้า

 วิชาอาภรณ์เทพศิลาของเขาเป็นวิชาชุดเกราะธาตุดินระดับเลเวล 9

 

 ท่อนไม้ที่ขวางหน้าพวกนี้ก็เป็นเหมือนไม้ซี่เล็กๆ

ในสายตาของเขาเท่านั้นเอง

 ว่าแล้วเขาก็ตัดสินใจวิ่งเข้าชนท่อนไม้เหล่านั้นตรงๆ

 แรงปะทะทำให้ท่อนไม้เหล่านั้นฉีกกลางอย่างง่ายดาย

 

แต่นั่นก็เข้าแผนของพรีสสาวเต็มๆ

 เพราะทันทีที่สโตนเฮดวิ่งฝ่าท่อนไม้เหล่านั้น

จนหมดเขาก็พบว่าทางข้างหน้าเป็นโค้งหักศอกที่ลาดชัน

 

 ท่อนไม้เหล่านี้แท้จริงแล้วไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อกีดขวางเขาแต่แรก

 แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือกีดขวางทัศนวิสัย

ของเจ้าพาลาดินให้พลาดท่าพลัดตกลงไปนั่นเอง

 

"เยี่ยม !!"

 นายอาร์ตร้องออกมาอย่างลิงโลด

ก่อนจะถือโอกาสเร่งเครื่องยนต์ขับหนีไปทันที

 

 

 เพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าแค่พลัดตกลงไปอย่างมาก

ก็แค่ทำให้เจ้าพาลาดินเสียเวลานิดหน่อยเท่านั้น

 

แต่ทันใดนั้น ชายร่างยักษ์ที่หุ้มเกราะทั้งร่าง

ก็พุ่งพรวดออกจากข้างทาง 

ก่อนจะวิ่งเข้ากระแทกที่ตัวรถอย่างแรง

 

 แรงกระแทกทำเอาตัวรถเสียหลักวิ่งเข้าอัดข้างทางอย่างจัง

 โชคที่ระบบนิรภัยของตัวรถทำงานได้ทันเวลา

 นายอาร์ตกับวิเวียนก็เลยไม่ได้รับบาดเจ็บมาก

 

 แต่ยังไม่ทันที่พวกจะได้ตั้งตัว ประตูรถก็ถูกกระชากออก

 พร้อมกับร่างชายหนุ่มที่โดนเหวี่ยงกระเด็น

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป