เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
แต่เจ้าแวมไพร์เบลลิคก็ยังไวพอ
เสี้ยววินาทีก่อนที่การโจมตีนั้นจะมาถึงตัว
มันก็กลิ้งหลบไปได้อย่างหวุดหวิด จากนั้นมันก็รวมพลังอีกเฮือก
ก่อนจะรีบคลานไปหาแวมไพร์ทั้งสองตนที่อยู่ด้าน
พร้อมกับร่ำร้องอย่างตื่นตระหนก
"พวกเจ้าทำอะไรสักอย่างสิโว้ยยยยย !!"
"ผลึกเกล็ดน้ำแข็ง !!" ก่อนจะมีใครจะขยับตัว
เวโรนิก้าก็พุ่งทะยานมาด้านหลังนายอาร์ต
พร้อมกับร่ายเวทย์ดังลั่น ไอเย็นจัดของเวทย์น้ำแข็งเลเวล 6
ถูกปล่อยออกจากมือทั้งสองข้างของเธอทันที
แค่พริบตาเดียว
ไอเย็นเหล่าก็เกาะกุมไปร่างของนายอาร์ตแล้ว
เปลี่ยนเป็นผลึกน้ำแข็ง
คลุมทั้งร่างของเขาไว้จนเหมือนรูปสลักน้ำแข็งก็ไม่ปาน
"หยุดมือก่อนเถอะค่ะท่านอาลูคาร์ด"
"ฮ่าๆๆ ทำได้เจ๋งมากเวโรนิก้า"
เจ้าเบลลิคหัวเราะร่าอย่างสะใจ
ที่เห็นร่างผู้ที่ไล่ต้อนมันเมื่อสักครู่สิ้นท่าอยู่ภายใต้ผลึกน้ำแข็ง
และมันก็ไม่ปล่อยช่วงเวลานี้ไปเฉยๆแน่
ว่าแล้วมันก็จัดการเอาคืนทันที
"ทีกูละมึงงงงง !! ประกายแสงสายฟ้าฟาด"
พลังธาตุสายฟ้าในอากาศถูกดึงดูดมารวมไว้
ที่อุ้งมือของเจ้าแวมไพร์ยักษ์
ก่อนจะรวมผสานเข้ากับพลังมาน่าในร่างของมัน
เพื่อรวมเป็นมนต์ทำลายของธาตุสายฟ้าในระดับเลเวล 6
ชั่วพริบตาที่การผสานเสร็จสมบูรณ์
เจ้าเบลลิคก็ซัดพลังสายฟ้าที่รุนแรงนั้นเข้าในร่างน้ำแข็งตรงหน้าทันที
"เจ้าโง่ .......... !!"เวโรนิก้าตวาดดังลั่น
ที่เธอเลือกใช้เวทย์น้ำแข็งก็เพื่อเพียงจะหยุด
การเคลื่อนไหวของร่างนายอาร์ต
โดยให้เกิดการบาดเจ็บน้อยที่สุดเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่า
เจ้าแวมไพร์หน้าโง่ตรงหน้ากับอาศัยโอกาสนี้
ใช้เวทย์ของเธอไปเสริมกับเวทย์สายฟ้าของมันแทน
โดยที่แม้แต่ตัวเธอก็ไม่อาจหยุดยั้งการโจมตีนั้นได้
เนื่องจากตัวเธออยู่ในระหว่างใช้เวทย์ระดับสูงอยู่นั่นเอง
ตัวเธอในตอนนี้ทำได้แค่เพียงมองดูกระแสไฟฟ้าแรงสูง
พุ่งเข้าใส่ร่างชายหนุ่มตรงหน้าเท่านั้น
"โล่พิทักษ์ธาตุลม"
แต่ชั่วพริบตานั้นเอง .............
โล่พิทักษ์ธาตุลมสีขาวก็ถูกกางขึ้นหน้าร่างชายหนุ่ม
โล่นั้นดูดกลืนพลังเวทย์อีกสายที่แพ้ทางเข้าไปจนหมด
ก่อนจะสะท้อนเวทย์สายฟ้านั้นกลับไปยังผู้ร่าย
จนเจ้าเบลลิคถึงกับล้มทั้งยืน ไม่แค่นั้น
ผลึกน้ำแข็งที่เกาะกุมทั่วร่างของชายหนุ่มนั้น
ก็ระเบิดออกกระจัดกระจายไปทั่ว
เศษน้ำแข็งก้อนหนึ่งก็พุ่งใส่ร่างเวโรนิก้า
จนตัวเธอต้องเซถลาไปตามแรง ได้รับบาดเจ็บไปเช่นกัน
"ร่ายเวทย์โล่ห์พิทักษ์ได้ ทั้งๆที่โดนผนึก
พร้อมกับใช้เวทย์ธรรมดาสะลัดผลึกน้ำแข็งจากภายใน
ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ .... ระดับของท่านอาลูคาร์ด
ต่างจากพวกเราจนเกินไป"
เจ้าแวมไพร์มาโฮนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเลย
สามารถเข้าใจได้ในทันที
"จัดการแวมไพร์ระดับแม่ทัพได้ 2 ตัวในชั่วพริบตา
แล้วแบบนี้เราจะทำไงดีว่ะ"
แต่ชายหนุ่มตรงหน้า
นอกจากจะไม่ยินดียินร้ายในผลงานของตัวเองแล้ว
ตรงกันข้าม ดูท่าเขาจะไม่สบอารมณ์อีกด้วย
"การผสานร่างยังไม่สมบูรณ์
พลังของข้าโดนลดทอนไปมากขนาดนี้เลยรึ
เจ้านั่นโดนข้าโจมตีไปถึง 3 ครั้ง แต่มันก็ยังรอดมาได้
แถมเวทย์ของนางแวมไพร์นั่น ข้าก็ป้องกันไม่ทัน ฮึ !
ท่าทางข้าจะยังควบคุมร่างนี้ไม่ได้ดั่งใจง่ายๆแน่"
เขาค่อยๆเดินเข้าไปช้าๆ
เป้าหมายก็คือแวมไพร์ร่างยักษ์ตรงหน้า
ที่พึ่งโดนเวทย์สายฟ้าสะท้อนเข้าไปจังๆ
นับว่าเจ้าเบลลิคนี่อึดไม่น้อยเลย
โดนเข้าไปขนาดนี้แต่ก็ยังทนอยู่ได้
แต่สภาพของมันก็ร่อแร่เกินทน
ชายหนุ่มไม่รีบร้อนเข้าไปจู่โจมนัก
เพราะเขามีบททดสอบอย่างอื่นที่อยากทดสอบมากกว่า
"ขอยืนเจ้าเป็นเป้าทดสอบพลังเวทย์ของข้าหน่อยน่ะ"
เขาเอ่ยเบาๆแต่แผงไว้ด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
มวลพลังธาตุมหาศาลในอากาศ
โดนดึงดูดเข้ามาร่ายล้อมรอบตัวเขา
ก่อนที่เขาจะใช้พลังมาน่าระดับแวมไพร์ใน
ตำนานหน่วงพลังธาตุเหล่านั้น
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นให้กลายเป็นลูกไฟทรงกลมขนาดใหญ่
ราวกับพระอาทิตย์ก็ไม่ปาน
"เริ่มจากเวทย์ธาตุไฟเลเวล 9 นี่แหละ ........... จักรพรรดิแดง !"
ลูกไฟขนาดใหญ่ที่เกิดจากเวทย์มนต์ระดับเลเวล 9
สาดแสงส่องประกายไปทั่วบริเวณ
เปลี่ยนเอาท้องฟ้าที่มืดมิดของยามค่ำสว่างไสวราวกับเวลาเที่ยงวัน
บ่งบอกถึงอานุภาพของมันได้เป็นอย่างดี
และก็บ่งบอกได้ถึงชะตาของเป้าหมาย
ว่าไม่มีทางที่จะหลุดพ้นลูกไฟดวงนี้ไปได้เลย
เจ้าเบลลิคได้แต่สั่นเป็นเจ้าเข้าอย่างตื่นกลัว
ของเสียในร่างกายไหลทะลักราวกับเขื่อนแตก
ครั้นจะใช้สมองหาทางรอด
ปัญญาของมันก็ด้อยเกินกว่าจะคิดอะไรได้ทัน
สุดท้ายมันก็ทำได้แต่เพียงนั่งรอความตาย
ที่กำลังคลืบคลานมาตรงหน้าเท่านั้นเอง
บรึมมมมมมมม !!
แต่ชั่วพริบตานั้นเอง
ลูกไฟขนาดใหญ่ราวกับพระอาทิตย์ดวงน้อยนั้น
ก็ระเบิดสั่นกลางอากาศ
ท่ามกลางความตื่นตกใจของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ตรงหน้า
ไม่เว้นแม้แต่ราชาแวมไพร์อาลูคาร์ดที่อยู่ในร่างชายหนุ่ม
เพราะอะไรกัน ทำไมอยู่ๆดวงไฟเวทย์ของเขาจึงระเบิดไปก่อน
เพราะมาน่าของเขาไม่พอจะหน่วงพลังธาตุของดวงไฟงั้นเหรอ ไม่ใช่
มันเกิดมาจากที่เขายังไม่สามารถควบคุมร่างนี้ได้เต็มที่
พลังมาน่าก็เช่นกัน เขาไม่อาจะหน่วงรั้งพลังไว้ได้ตลอด
เมื่อเขาทดลองใช้พลังเวทย์ชั้นสูง มันจึงระเบิดไปก่อนนั่นเอง
แต่ไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไรต่อ
แรงระเบิดจากดวงไฟก็กระแทกร่างเขาลอยกระเด็นออกไปทันที
"แฮ่ก ๆๆๆๆๆ" ชายหนุ่มหอบหายใจอย่างแรงตัวโยน
เหงื่อกาฬของเขาผุดขึ้นเต็มร่าง จนเสื้อผ้าของเขาเปียกโชกไปหมด
เล่นเอาเขาสิ้นเรี่ยวแรงแม้แต่จะเอ่ยคำใดๆออกมาเลยทีเดียว
แต่ดูท่าผลกระทบจะไม่ได้มีแค่นั้น
เพราะวิญญาณอาลูคาร์ดในร่างของเขา
ไม่อาจทนกระแสพลังที่ปั่นป่วนในตัวได้
สุดท้ายก็หลุดออกจากร่างเข้ากลับไปสู่โลกของจิตใต้สำนึกอีกครั้ง
และเป็นวิญญาณของนายอาร์ตที่กลับเข้ามาครองร่างใหม่
เท่ากับว่า ทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนดังเดิม
แต่ดูท่างานนี้ คนที่ดีใจที่สุดก็คงไม่พ้นเจ้าแวมไพร์ยักษ์เบลลิคนี่แหละ
เมื่อครู่นี้มันเกือบจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปอยู่แล้ว
แต่เพราะเหตุใดมันก็ไม่รู้ อยู่ๆเจ้าดวงไฟนั่นก็ระเบิดไปก่อน
แถมพลังมาน่าของเจ้ามนุษย์ที่ไล่ต้อนมันเมื่อครู่
ก็กำลังลดระดับลงจนไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาทั่วไป เมื่อเป็นเช่นนี้
ความคิดชั่วร้ายบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว มันค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ
ก่อนจะเดินโซเซไปที่ร่างของนายอาร์ต
มือข้างหนึ่งของมันดูดเอาพลังธาตุมารวมกันจนเกิดประกายแสงออกมา
พร้อมกับคำรามอย่างกราดเกรี้ยว
"เมื่อกี้ทำกูแสบนักน่ะมึง กูขอเอาคืนหน่อยเถอะว่ะ ..... ทุบหินผา !"
หมัดที่รวบรวมพลังธาตุของเจ้าเบลลิคถูกปล่อยเข้าใส่ทันที
พร้อมกับเสียงร้องลั่นอย่างเจ็บปวด
"อ๊ากกกกก"
แต่เสียงร้อง กับเป็นเสียงของเจ้าเบลลิคซะเอง
เพราะทันทีที่มันปล่อยหมัดออกไปนั้น
ก็มีร่างบางร่างหนึ่งมาขวางกลางพร้อมกับร่ายเวทย์
โล่พิทักษ์ธาตุไฟ ขึ้นมาขวาง
และทันทีที่หมัดธาตุดินปะทะเข้ากับโล่ธาตุไฟ
เจ้าแวมไพร์ยักษ์ก็ต้องร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
"ทำอะไรของเจ้าว่ะ เวโรนิก้า !"
มันร้องถามแวมไพร์สาวตรงหน้าอย่างเดือดดาด
"ข้าต่างหากที่ต้องถาม เจ้าคิดจะทำอะไรเบลลิค
เจ้าจะทำร้ายท่านอาลูคาร์ดหรือไง"
แวมไพร์สาวเอ่ยตอบเสียงเรียบ
แต่คำถามของเธอก็เล่นเอาเจ้าแวมไพร์ยักษ์ถึงกับสะอึก
แต่ไม่ทันที่มันจะพูดอะไรตอบ แวมไพร์คู่หูของมันก็เอ่ยแทรกขึ้นมา
"ก็ทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่างไงล่ะเวโรนิก้า"
เจ้าแวมไพร์มาโฮนเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะทะยานเข้ามาร่วมวง
"เจ้าก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ
เมื่อครู่ท่านอาลูคาร์ดคลุ้มคลั่ง
ไม่สามารถควบคุมพลังของตนเองได้
ถ้าส่งท่านไปทั้งอย่างนี้
ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อท่านลินคอร์นหรือท่านเลอเซอโร่ก็ได้
ยังไงเราก็หาทางควบคุมท่านอาลูคาร์ดก่อนไม่ดีกว่าเหรอ"
"แค่หักแขนหักขาสักหน่อยไม่เป็นอะไรหรอกน่าเวโรนิก้า
ถึงยังไงเดี๋ยวเราก็ใช้เวทย์รักษาทีหลังได้ไม่ใช่เหรอ"
เจ้าเบลลิคพูดจบก็เค้นเสียงหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย
แวมไพร์สาวก็ได้ขบกรามกรอดอย่างเจ็บใจ
เธอรู้ดีว่าไอ้เหตุผลที่พวกมันยกมาเมื่อครู่นี้น่ะก็แค่ข้ออ้างชัดๆ
พวกมันแค่อยากเอาคืนท่านอาลูคาร์ดเท่านั้น
แต่ในเมื่อเธอไม่สามารถหาเหตุผลใดมาหักล้างพวกมันได้
เธอก็ไม่อาจขวางมันได้อีกแล้ว