Your Wishlist

ดินแดนมหัศจรรย์ (ดินแดนมหัศจรรย์)

Author: xxx555

เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland

จำนวนตอน :

ดินแดนมหัศจรรย์

  • 29/07/2568

แต่เจ้าแวมไพร์เบลลิคก็ยังไวพอ

 

 เสี้ยววินาทีก่อนที่การโจมตีนั้นจะมาถึงตัว

 

 มันก็กลิ้งหลบไปได้อย่างหวุดหวิด จากนั้นมันก็รวมพลังอีกเฮือก

 

 ก่อนจะรีบคลานไปหาแวมไพร์ทั้งสองตนที่อยู่ด้าน

 

 พร้อมกับร่ำร้องอย่างตื่นตระหนก 

 

"พวกเจ้าทำอะไรสักอย่างสิโว้ยยยยย !!"

 

"ผลึกเกล็ดน้ำแข็ง !!" ก่อนจะมีใครจะขยับตัว

 

 เวโรนิก้าก็พุ่งทะยานมาด้านหลังนายอาร์ต 

 

พร้อมกับร่ายเวทย์ดังลั่น ไอเย็นจัดของเวทย์น้ำแข็งเลเวล 6

 

 ถูกปล่อยออกจากมือทั้งสองข้างของเธอทันที 

 

แค่พริบตาเดียว

 

 ไอเย็นเหล่าก็เกาะกุมไปร่างของนายอาร์ตแล้ว

 

 

 

เปลี่ยนเป็นผลึกน้ำแข็ง

 

 คลุมทั้งร่างของเขาไว้จนเหมือนรูปสลักน้ำแข็งก็ไม่ปาน 

 

"หยุดมือก่อนเถอะค่ะท่านอาลูคาร์ด"

 

"ฮ่าๆๆ ทำได้เจ๋งมากเวโรนิก้า" 

 

เจ้าเบลลิคหัวเราะร่าอย่างสะใจ

 

 ที่เห็นร่างผู้ที่ไล่ต้อนมันเมื่อสักครู่สิ้นท่าอยู่ภายใต้ผลึกน้ำแข็ง

 

 และมันก็ไม่ปล่อยช่วงเวลานี้ไปเฉยๆแน่

 

 ว่าแล้วมันก็จัดการเอาคืนทันที

 

 "ทีกูละมึงงงงง !! ประกายแสงสายฟ้าฟาด"

 

พลังธาตุสายฟ้าในอากาศถูกดึงดูดมารวมไว้

 

ที่อุ้งมือของเจ้าแวมไพร์ยักษ์

 

 ก่อนจะรวมผสานเข้ากับพลังมาน่าในร่างของมัน

 

 เพื่อรวมเป็นมนต์ทำลายของธาตุสายฟ้าในระดับเลเวล 6

 

 ชั่วพริบตาที่การผสานเสร็จสมบูรณ์ 

 

เจ้าเบลลิคก็ซัดพลังสายฟ้าที่รุนแรงนั้นเข้าในร่างน้ำแข็งตรงหน้าทันที

 

"เจ้าโง่ .......... !!"เวโรนิก้าตวาดดังลั่น

 

 ที่เธอเลือกใช้เวทย์น้ำแข็งก็เพื่อเพียงจะหยุด

 

การเคลื่อนไหวของร่างนายอาร์ต

 

โดย​ให้เกิดการบาดเจ็บน้อยที่สุดเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่า

 

 เจ้าแวมไพร์หน้าโง่ตรงหน้ากับอาศัยโอกาสนี้

 

 ใช้เวทย์ของเธอไปเสริมกับเวทย์สายฟ้าของมันแทน

 

 โดยที่แม้แต่ตัวเธอก็ไม่อาจหยุดยั้งการโจมตีนั้นได้

 

 เนื่องจากตัวเธออยู่ในระหว่างใช้เวทย์ระดับสูงอยู่นั่นเอง

 

 ตัวเธอในตอนนี้ทำได้แค่เพียงมองดูกระแสไฟฟ้าแรงสูง

 

 พุ่งเข้าใส่ร่างชายหนุ่มตรงหน้าเท่านั้น

 

"โล่พิทักษ์ธาตุลม"

 

แต่ชั่วพริบตานั้นเอง .............

 

 โล่พิทักษ์ธาตุลมสีขาวก็ถูกกางขึ้นหน้าร่างชายหนุ่ม

 

 โล่นั้นดูดกลืนพลังเวทย์อีกสายที่แพ้ทางเข้าไปจนหมด

 

 ก่อนจะสะท้อนเวทย์สายฟ้านั้นกลับไปยังผู้ร่าย

 

 จนเจ้าเบลลิคถึงกับล้มทั้งยืน ไม่แค่นั้น

 

 ผลึกน้ำแข็งที่เกาะกุมทั่วร่างของชายหนุ่มนั้น

 

ก็ระเบิดออกกระจัดกระจายไปทั่ว 

 

เศษน้ำแข็งก้อนหนึ่งก็พุ่งใส่ร่างเวโรนิก้า 

 

จนตัวเธอต้องเซถลาไปตามแรง ได้รับบาดเจ็บไปเช่นกัน

 

"ร่ายเวทย์โล่ห์พิทักษ์ได้ ทั้งๆที่โดนผนึก

 

 พร้อมกับใช้เวทย์ธรรมดาสะลัดผลึกน้ำแข็งจากภายใน

 

 ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ .... ระดับของท่านอาลูคาร์ด 

 

ต่างจากพวกเราจนเกินไป"

 

 เจ้าแวมไพร์มาโฮนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเลย

 

สามารถเข้าใจได้ในทันที

 

 "จัดการแวมไพร์ระดับแม่ทัพได้ 2 ตัวในชั่วพริบตา

 

 แล้วแบบนี้เราจะทำไงดีว่ะ"

 

แต่ชายหนุ่มตรงหน้า

 

 นอกจากจะไม่ยินดียินร้ายในผลงานของตัวเองแล้ว 

 

ตรงกันข้าม ดูท่าเขาจะไม่สบอารมณ์อีกด้วย

 

 "การผสานร่างยังไม่สมบูรณ์ 

 

พลังของข้าโดนลดทอนไปมากขนาดนี้เลยรึ 

 

เจ้านั่นโดนข้าโจมตีไปถึง 3 ครั้ง แต่มันก็ยังรอดมาได้ 

 

แถมเวทย์ของนางแวมไพร์นั่น ข้าก็ป้องกันไม่ทัน ฮึ !

 

 ท่าทางข้าจะยังควบคุมร่างนี้ไม่ได้ดั่งใจง่ายๆแน่"

 

เขาค่อยๆเดินเข้าไปช้าๆ

 

 เป้าหมายก็คือแวมไพร์ร่างยักษ์ตรงหน้า

 

ที่พึ่งโดนเวทย์สายฟ้าสะท้อนเข้าไปจังๆ 

 

นับว่าเจ้าเบลลิคนี่อึดไม่น้อยเลย 

 

โดนเข้าไปขนาดนี้แต่ก็ยังทนอยู่ได้ 

 

แต่สภาพของมันก็ร่อแร่เกินทน

 

 ชายหนุ่มไม่รีบร้อนเข้าไปจู่โจมนัก 

 

เพราะเขามีบททดสอบอย่างอื่นที่อยากทดสอบมากกว่า

 

"ขอยืนเจ้าเป็นเป้าทดสอบพลังเวทย์ของข้าหน่อยน่ะ"

 

 เขาเอ่ยเบาๆแต่แผงไว้ด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม

 

 มวลพลังธาตุมหาศาลในอากาศ 

 

โดนดึงดูดเข้ามาร่ายล้อมรอบตัวเขา

 

 ก่อนที่เขาจะใช้พลังมาน่าระดับแวมไพร์ใน 

 

ตำนานหน่วงพลังธาตุเหล่านั้น

 

 ก่อนจะเปลี่ยนเป็นให้กลายเป็นลูกไฟทรงกลมขนาดใหญ่

 

ราวกับพระอาทิตย์ก็ไม่ปาน 

 

"เริ่มจากเวทย์ธาตุไฟเลเวล 9 นี่แหละ ........... จักรพรรดิแดง !"

 

ลูกไฟขนาดใหญ่ที่เกิดจากเวทย์มนต์ระดับเลเวล 9

 

 สาดแสงส่องประกายไปทั่วบริเวณ 

 

เปลี่ยนเอาท้องฟ้าที่มืดมิดของยามค่ำสว่างไสวราวกับเวลาเที่ยงวัน

 

 

 

 บ่งบอกถึงอานุภาพของมันได้เป็นอย่างดี

 

 และก็บ่งบอกได้ถึงชะตาของเป้าหมาย

 

 ว่าไม่มีทางที่จะหลุดพ้นลูกไฟดวงนี้ไปได้เลย

 

 เจ้าเบลลิคได้แต่สั่นเป็นเจ้าเข้าอย่างตื่นกลัว 

 

ของเสียในร่างกายไหลทะลักราวกับเขื่อนแตก 

 

ครั้นจะใช้สมองหาทางรอด 

 

ปัญญาของมันก็ด้อยเกินกว่าจะคิดอะไรได้ทัน

 

 สุดท้ายมันก็ทำได้แต่เพียงนั่งรอความตาย

 

ที่กำลังคลืบคลานมาตรงหน้าเท่านั้นเอง

 

บรึมมมมมมมม !!

 

แต่ชั่วพริบตานั้นเอง 

 

ลูกไฟขนาดใหญ่ราวกับพระอาทิตย์ดวงน้อยนั้น

 

ก็ระเบิดสั่นกลางอากาศ

 

 ท่ามกลางความตื่นตกใจของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ตรงหน้า

 

 ไม่เว้นแม้แต่ราชาแวมไพร์อาลูคาร์ดที่อยู่ในร่างชายหนุ่ม

 

 เพราะอะไรกัน ทำไมอยู่ๆดวงไฟเวทย์ของเขาจึงระเบิดไปก่อน

 

 เพราะมาน่าของเขาไม่พอจะหน่วงพลังธาตุของดวงไฟงั้นเหรอ ไม่ใช่

 

 มันเกิดมาจากที่เขายังไม่สามารถควบคุมร่างนี้ได้เต็มที่

 

 พลังมาน่าก็เช่นกัน เขาไม่อาจะหน่วงรั้งพลังไว้ได้ตลอด

 

 

 

 เมื่อเขาทดลองใช้พลังเวทย์ชั้นสูง มันจึงระเบิดไปก่อนนั่นเอง

 

 แต่ไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไรต่อ

 

 แรงระเบิดจากดวงไฟก็กระแทกร่างเขาลอยกระเด็นออกไปทันที

 

"แฮ่ก ๆๆๆๆๆ" ชายหนุ่มหอบหายใจอย่างแรงตัวโยน

 

 เหงื่อกาฬของเขาผุดขึ้นเต็มร่าง จนเสื้อผ้าของเขาเปียกโชกไปหมด 

 

เล่นเอาเขาสิ้นเรี่ยวแรงแม้แต่จะเอ่ยคำใดๆออกมาเลยทีเดียว

 

 แต่ดูท่าผลกระทบจะไม่ได้มีแค่นั้น

 

 เพราะวิญญาณอาลูคาร์ดในร่างของเขา

 

ไม่อาจทนกระแสพลังที่ปั่นป่วนในตัวได้

 

 สุดท้ายก็หลุดออกจากร่างเข้ากลับไปสู่โลกของจิตใต้สำนึกอีกครั้ง 

 

และเป็นวิญญาณของนายอาร์ตที่กลับเข้ามาครองร่างใหม่

 

 เท่ากับว่า ทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนดังเดิม

 

แต่ดูท่างานนี้ คนที่ดีใจที่สุดก็คงไม่พ้นเจ้าแวมไพร์ยักษ์เบลลิคนี่แหละ

 

 เมื่อครู่นี้มันเกือบจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปอยู่แล้ว 

 

แต่เพราะเหตุใดมันก็ไม่รู้ อยู่ๆเจ้าดวงไฟนั่นก็ระเบิดไปก่อน

 

 แถมพลังมาน่าของเจ้ามนุษย์ที่ไล่ต้อนมันเมื่อครู่

 

ก็กำลังลดระดับลงจนไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาทั่วไป เมื่อเป็นเช่นนี้

 

 ความคิดชั่วร้ายบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว มันค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ

 

 

 

 ก่อนจะเดินโซเซไปที่ร่างของนายอาร์ต 

 

มือข้างหนึ่งของมันดูดเอาพลังธาตุมารวมกันจนเกิดประกายแสงออกมา

 

 พร้อมกับคำรามอย่างกราดเกรี้ยว

 

 "เมื่อกี้ทำกูแสบนักน่ะมึง กูขอเอาคืนหน่อยเถอะว่ะ ..... ทุบหินผา !"

 

หมัดที่รวบรวมพลังธาตุของเจ้าเบลลิคถูกปล่อยเข้าใส่ทันที

 

 พร้อมกับเสียงร้องลั่นอย่างเจ็บปวด

 

"อ๊ากกกกก"

 

แต่เสียงร้อง กับเป็นเสียงของเจ้าเบลลิคซะเอง

 

 เพราะทันทีที่มันปล่อยหมัดออกไปนั้น

 

ก็มีร่างบางร่างหนึ่งมาขวางกลางพร้อมกับร่ายเวทย์

 

 โล่พิทักษ์ธาตุไฟ ขึ้นมาขวาง

 

 และทันทีที่หมัดธาตุดินปะทะเข้ากับโล่ธาตุไฟ

 

 เจ้าแวมไพร์ยักษ์ก็ต้องร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด

 

"ทำอะไรของเจ้าว่ะ เวโรนิก้า !"

 

 มันร้องถามแวมไพร์สาวตรงหน้าอย่างเดือดดาด

 

 

 

"ข้าต่างหากที่ต้องถาม เจ้าคิดจะทำอะไรเบลลิค 

 

เจ้าจะทำร้ายท่านอาลูคาร์ดหรือไง"

 

 แวมไพร์สาวเอ่ยตอบเสียงเรียบ

 

 แต่คำถามของเธอก็เล่นเอาเจ้าแวมไพร์ยักษ์ถึงกับสะอึก

 

 แต่ไม่ทันที่มันจะพูดอะไรตอบ แวมไพร์คู่หูของมันก็เอ่ยแทรกขึ้นมา

 

"ก็ทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่างไงล่ะเวโรนิก้า" 

 

เจ้าแวมไพร์มาโฮนเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะทะยานเข้ามาร่วมวง 

 

"เจ้าก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ 

 

เมื่อครู่ท่านอาลูคาร์ดคลุ้มคลั่ง

 

ไม่สามารถควบคุมพลังของตนเองได้

 

 ถ้าส่งท่านไปทั้งอย่างนี้

 

 ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อท่านลินคอร์นหรือท่านเลอเซอโร่ก็ได้

 

 ยังไงเราก็หาทางควบคุมท่านอาลูคาร์ดก่อนไม่ดีกว่าเหรอ"

 

"แค่หักแขนหักขาสักหน่อยไม่เป็นอะไรหรอกน่าเวโรนิก้า

 

 ถึงยังไงเดี๋ยวเราก็ใช้เวทย์รักษาทีหลังได้ไม่ใช่เหรอ"

 

 เจ้าเบลลิคพูดจบก็เค้นเสียงหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย

 

 แวมไพร์สาวก็ได้ขบกรามกรอดอย่างเจ็บใจ

 

 เธอรู้ดีว่าไอ้เหตุผลที่พวกมันยกมาเมื่อครู่นี้น่ะก็แค่ข้ออ้างชัดๆ

 

 พวกมันแค่อยากเอาคืนท่านอาลูคาร์ดเท่านั้น

 

 แต่ในเมื่อเธอไม่สามารถหาเหตุผลใดมาหักล้างพวกมันได้

 

 เธอก็ไม่อาจขวางมันได้อีกแล้ว

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป