เธอ ‘หัวหน้าแม่มดแห่งเมียวเจี่ยง’ เกิดใหม่ในร่างสาวน้อยที่น่าสมเพชที่ถูกทุกคนรุมรังแก เธอกลายเป็นคนมีชื่อเสียงและโลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจบันเทิงและกลายเป็นเจ้าชายแห่งชาติที่มีเสน่ห์ต่อหัวใจของหญิงสาว
เธอ ‘หัวหน้าแม่มดแห่งเมียวเจี่ยง’ เกิดใหม่ในร่างสาวน้อยที่น่าสมเพชที่ถูกทุกคนรุมรังแก เธอกลายเป็นคนมีชื่อเสียงและโลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจบันเทิงและกลายเป็นเจ้าชายแห่งชาติที่มีเสน่ห์ต่อหัวใจของหญิงสาว
หลิงจื่อเบี่ยงตัวหลบ พลางมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “ฉันยังไม่ตายซะหน่อย”
“เสี่ยวจื่อ น้องสาวเธอไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรอกนะ ให้อภัยน้องเถอะ”
“เธอไม่ใช่น้องสาวผม” หลิงจื่อขัดขึ้นมากลางคัน แล้วก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง “ผมเห็นพวกคุณมาเยี่ยมแล้วล่ะ เดี๋ยวพอเขามาผมจะบอกให้ว่าพวกคุณแวะมาแล้ว พวกคุณกลับไปได้แล้ว”
แน่นอนว่า “เขา” ที่หลิงจื่อหมายถึง ก็คือ หลิงเจิ้นเซิง
“เสี่ยวจื่อ อย่าคิดแบบนั้นเลย พวกเราเป็นครอบครัวกันนะ พี่ชายกับน้องสาวมาเยี่ยมก็เป็นเรื่องปกติ” มู่เสวี่ยหลิงพูดพลางมองใบหน้าเบื่อหน่ายของหลิงจื่อ ก่อนจะชี้ไปที่ของขวัญที่วางอยู่ข้าง ๆ ด้วยท่าทีจนปัญญา “ดูสิ ของพวกนี้พี่ชายกับน้องสาวเธอเอามาให้ แสดงว่าพวกเขาเป็นห่วงเธอนะ”
หลิงจื่อเหลือบตามองหลิงเซิงกับหลิงเซียว แล้วมองไปที่หลิงอิง เธอไม่เห็นเลยสักนิดว่าทั้งสามคนจะมีความห่วงใยใด ๆ อยู่ในสายตา
“พวกคุณกลับไปได้แล้ว ผมอยากพักผ่อน” เธอโถมหน้าลงกับผ้าห่ม คนกลุ่มนี้น่ารำคาญจริง ๆ
มู่เสวี่ยหลิงมองผ้าห่มกองนั้นด้วยสีหน้าอับจนหนทาง “ได้ เด็ก ๆ เรากลับกันเถอะ”
“ดีเลยค่ะ รีบหน่อย หนูยังมีธุระต้องทำอีก” หลิงอิงพูดอย่างอารมณ์ดี พลางเดินนำหน้าออกไปก่อน
หลิงเซิงกับหลิงเซียวเดินตามออกไป มู่เสวี่ยหลิงเดินมาถึงข้างเตียงแล้วตบเบา ๆ บนตัวหลิงจื่อ “เสี่ยวจื่อ พรุ่งนี้เธอมีสอบนะ วันนี้พักผ่อนให้เพียงพอล่ะ จะสอบได้หรือไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่ากดดันตัวเอง ดูแลร่างกายให้ดีก็พอนะ”
“แกล้งทำตัวไม่รู้เรื่องไม่เหนื่อยเหรอ” หลิงจื่อยกผ้าห่มขึ้น มุมปากยิ้มเยาะทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนของอีกฝ่าย “ไม่รู้เลยเหรอว่าผมเป็นแบบนี้ก็เพราะใคร”
หลิงจื่อจ้องตาเธอแน่นิ่ง รอยยิ้มร้าย ๆ บนริมฝีปากทำให้ใจมู่เสวี่ยหลิงสั่นวาบ ทำไมถึงรู้สึกเหมือนเด็กคนนี้รู้ทุกอย่าง
มู่เสวี่ยหลิงเบี่ยงสายตาไปเล็กน้อย แล้วกลับมาทำหน้าปกติ “บางทีเธออาจเข้าใจฉันผิดไปนิดหน่อย พักผ่อนเถอะนะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็รีบเดินออกไปทันที รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย หลิงจื่อเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ไม่ใช่แค่หน้าตาเท่านั้น เด็กคนนี้เคยซีดเซียว ผอมแห้งแทบไม่มีแรง แต่วันนี้กลับดูสดใสมีชีวิตชีวา
เกิดอะไรขึ้นกันแน่
หรือโรงพยาบาลนี้จะมีวิธีรักษาเขาได้งั้นเหรอ
ไม่มีทาง!
ไม่มียาอะไรที่รักษาเขาได้ คน ๆ นั้นเคยบอกไว้ว่าไม่มีทางรักษาโรคนี้ได้
มู่เสวี่ยหลิงเก็บรอยยิ้มไว้ แล้วเดินมาหาพยาบาลพิเศษที่ยืนอยู่หน้าห้องพัก “ช่วงนี้เสี่ยวจื่อได้รับการรักษาอะไรเป็นพิเศษไหม หรือมีอะไรผิดปกติ ฉันเป็นแม่แต่ไม่มีเวลาได้ดูแลลูกเลย ฝากเธอด้วยนะ”
พูดจบก็หยิบธนบัตรปึกหนึ่งมายัดใส่มือ
ฉู่ม่อยิ้มบาง ๆ แล้วคืนเงินให้ “คุณนายคะ นี่เป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วค่ะ ช่วงนี้เขาไม่ได้รับการรักษาอะไรเลย และก็ไม่มีเหตุการณ์พิเศษอะไรด้วยค่ะ”
“เหรอ งั้นก็ขอบคุณมาก” เธอพูดพร้อมรอยยิ้ม แต่ในดวงตามีแววหม่นเล็กน้อย การดูแลพิเศษที่หลิงเจิ้นเซิงจัดให้กับหลิงจื่อช่างคุณภาพสูงจริง ๆ ถึงขนาดไม่ยอมรับเงินเลยด้วยซ้ำ
มู่เสวี่ยหลิงเดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม ฉู่ม่อมองเข้าไปในห้องพักเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้หน้าห้องแล้วหยิบมือถือออกมา
หลิงจื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อตอนเธอเข้ามาอยู่ในตระกูลหลิงใหม่ ๆ มู่เสวี่ยหลิงเคยดูแลเธออย่างดี ทำซุปให้กินทุกวัน บอกว่าเพื่อบำรุงร่างกาย จากนั้นสุขภาพเธอก็แย่ลงเรื่อย ๆ
เมื่อก่อนเธอไม่เคยสงสัยเลย คิดว่าอีกฝ่ายเป็นแม่ที่ใจดีจริง ๆ แต่ตอนนี้ เธอแค่หัวเราะ
หล่อนวางยาเธออย่างเงียบ ๆ ด้วยยาพิษบางอย่าง ทำให้ปอดติดเชื้อ ไตล้มเหลว กระเพาะเป็นรู
ถ้าเธอตายช้า ๆ คนพวกนั้นก็แค่พูดว่า "ร่างกายเธออ่อนแออยู่แล้ว" — หึหึ เล่นได้แนบเนียนจริง ๆ