Your Wishlist

ดินแดนมหัศจรรย์ (ดินแดนมหัศจรรย์)

Author: xxx555

เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland

จำนวนตอน :

ดินแดนมหัศจรรย์

  • 09/08/2568

เมื่อสตินางแวมไพร์กลับมาได้

 เธอก็เลิกเข้าโจมตีแบบบ้าระห่ำอย่างเมื่อครู่แล้ว

 ก่อนจะใช้สายตาจับจ้องเพื่อนอ่านทางเวทย์มนต์ของฝ่ายตรงข้าม

 

 และด้วยประสบการณ์ที่โซกโซน

 แค่ครู่เดียวเธอก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เวทย์ของพรีสสาวนั้น

 แม้จะสามารถป้องกันได้ดี แต่ก็ไม่มีพลังที่จะโจมตีเลย

 

 ต้องรอให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีก่อนเท่านั้น และที่สำคัญ

 เวทย์มนต์ประเภทเน้นรับเช่นนี้ย่อมมีข้อจำกัดอย่างแน่นอน

 

 ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลา ที่ไม่สามารถกางได้ตลอด

 หรือถ้ารับการโจมตีมากเกินไป ก็จะแตกสลายไปเอง

 

เมื่อคิดได้ดังนี้นางแวมไพร์ก็เผยยิ้มที่เหี้ยมเกรียมออกมา

 ก่อนที่เธอจะเริ่มเข้าโจมตีอีกครั้ง

 แต่คราวนี้เธอเปลี่ยนจากใช้เศษอิฐเศษปูน 

มาเป็นของที่ใหญ่กว่า อย่างเช่น อาคารเล็กๆทั้งหลัง

 

 และก็เป็นไปตามที่เธอคาด 

พรีสสาวถึงกลับหน้าตาตื่นตกใจ 

ที่ต้องรับมือกับอาคารทั้งหลัง

 เธอกวัดแกว่งบานกระจกขึ้นมา

 

เพื่อสะท้อนเอาอาคารหลังนั้นกลับไป

 แต่แรงกระแทกที่มีมหาศาลคราวนี้

 กระแทกเอาร่างทั้งร่างของเธอลอยกระเด็นไปเช่นกัน

 

"ท่าทางให้รับทั้งหลังมันคงลำบากสิน่ะ" 

แวมไพร์สาวยิ้มเยาะอย่างสะใจ 

เมื่อเธอเห็นกว่าการโจมตีนี้ได้ผล

 

 อาคารอีกหลายหลังบริเวณนั้นก็โดนแวมไพร์สาวถอน

 แล้วเอามาทุ่มใส่ไปที่ร่างวิเวียนอย่างต่อเนื่อง

 ซึ่งพรีสสาวก็ทำได้แค่เพียง

กระแทกอาคารเหล่านี้กลับอย่างทุกลักทุเล

 

"สารรูปทุเรศจริงๆ เวทย์ของเจ้ามันก็แค่นี้สินะ

 ทำได้แค่คอยรับโดยไม่อาจตอบโต้ได้" 

 

ชอลลี่ตะโกนร้องอย่างย่ามใจ

 ก่อนที่คราวนี้จะทุ่มใส่ทีเดียว 3 อาคาร

 เล่นเอาวิเวียนไม่อาจจะใช้เวทย์รับได้ไหว ต้องใช้เวทย์ลม

 พาร่างพุ่งหลบอย่างล้มลุกคลุกคลาน

 

ชอลลี่หัวเราะอย่างสะใจ

 ก่อนที่ร่างน้ำนั้นจะก้าวเข้าไปประชิด

ตัวพรีสสาวที่กำลังค่อยๆลุกขึ้นมา

 ในมือของเธอก็แบกเอาอาคารขนาดย่อมๆไว้

 

 เพื่อเตรียมฟาดเข้าใส่ศัตรูที่อยู่เบื้องล่าง

 ในขณะที่วิเวียนเงยหน้ามองขึ้นไป

พร้อมกับเอ่ยคำถามคำหนึ่งออกมา

 

"เจ้ารู้ไหมกระจกมีคุณสมบัติอะไรบ้าง"

 

 นางแวมไพร์หน้านิ่วไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามนี้

 เมื่อนางแวมไพร์ไม่ตอบ วิเวียนก็เลยเอ่ยเฉลย

 " 1 สะท้อนแสง และ 2 รวมแสง"

 

ทันทีที่วิเวียนพูดจบ ชอลลี่ก็รู้สึกถึงอันตรายในทันที

 เธอจึงเงื้อมือขึ้นเพื่อจะฟาเอาคารหลังนั้นลงพื้น 

แต่นั่นก็ช้าไปเสียแล้ว 

เพราะวิเวียนเงยบานกระจกขึ้นพร้อมกับร่ายเวทย์ดังลั่น 

 

"กระจกเงาหมื่นดารา สาดแสง"

 

พริบตานั้นแสงสว่างจ้าก็เปล่งออกมา

จากกระจกเงาแล้วก็ฉายเข้าไปบริเวณใบหน้า

และลำตัวของชอลลี่ทันที

 

 นางแวมไพร์ร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด

ก่อนจะผงะถอยหลังไปหลายก้าว แต่วิเวียนก็ยังไม่หยุด

 ยังตามไปสาดแสงใส่อย่างไม่ปราณี

 

 จนเผยให้เห็นร่างแท้จริงของชอลลี่

ที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางร่างน้ำ กำลังโดนไฟลุกไหม้

 ซึ่งร้อนแรงขนาดที่ทำเอาร่างน้ำที่ล้อมรอบอยู่ใกล้กัน

นั้นเดือดปุดๆจนร้อนระเหยกลายเป็นไอ

 

ที่แท้เวทย์กระจกเงายังมีคุณสมบัติอีกอย่างที่ซ่อนอยู่

 คือทุกครั้งที่มันรับการโจมตีของศัตรู

 นอกจากมันจะสะท้อนเวทย์เหล่านั้นกลับไปแล้ว

 

 มันยังรวบรวมพลังเหล่านั้นเก็บไว้ด้วย 

และเมื่อที่มันรวมพลังจนเต็มที่แล้ว มันก็จะเปล่งแสงออกมา

 แสงนี้เป็นแสงที่เกิดจากเวทย์ธาตุแสงสว่าง

 

 จึงมีผลทำลายโดยตรงกับร่างของแวมไพร์

 ทำให้ชอลลี่ที่แม้จะได้รับการป้องกันด้วยร่างน้ำ

 ก็ต้องลุกไหม้กลายเป็นกองไฟอยู่ดี

 

"กรี๊ดดดดด !!" ชอลลี่หวีดร้องด้วยความเจ็บปวดเป็นครั้งสุดท้าย

 ก่อนที่ร่างทั้งร่างของเธอจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ

 แต่ทันทีที่ร่างจริงถูกทำลาย 

 

ร่างน้ำที่ห่อหุ้มโดยรอบก็เกิดปฏิกิริยาเช่นกัน

 ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มอย่างน่ากลัวก่อนที่จะระเบิดออกอย่างรุนแรง

 เกิดคลื่นน้ำขนาดยักษ์ซัดทำลายทุกสิ่งที่อยู่รอบด้านไม่มีเหลือ

 ไม่เว้นแม้แต่วิเวียนที่โดนคลื่นน้ำซัด จนจมหายไปกับสายน้ำ

 

ครืนนนนนน !!

 

เมฆฝนก้อนใหญ่ที่อยู่บนท้องฟ้าคำรามลั่น

 หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจเมฆฝนเหล่านี้

ก็กลั่นตัวลงมายังพื้นเบื้องล่าง

 

 จนตอนนี้เมืองทั้งเมืองชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดฝน

 แต่ไม่ว่าฝนจะตกสักเท่าไหร่

 ก็ไม่อาจดับไฟสงครามที่กำลังโหมประทุได้เลย

 ซ้ำร้ายไฟสงครามนี้กลับโหมหนักยิ่งกว่าเก่า 

 

เพราะแต่ล่ะฝ่าย ต่างก็เพิ่มกำลังคนมากกว่าเดิมเป็นทวีคูณ

 ฝ่ายพรีสใช้วิธีเรียกระดมพลให้พรีสทั้งหมดมารวมกันที่หน้าโบสถ์

 

 ส่วนฝ่ายแวมไพร์ก็ได้กำลังสนับสนุนจากทหารชุดที่สองมาช่วยเสริม

 จนตอนนี้ขนาดของวงสงครามขยายตัวยิ่งกว่าเดิมเป็นทวีคูณ

 

"คร๊อกๆๆๆ" แต่ห่างออกไปจากจุดปะทะ

 ร่างของพรีสสาวผมสีเงินที่นอนสลบอยู่กลางแอ่งน้ำ

 ค่อยๆพื้นสติขึ้นมาอีกครั้ง

 

 และสิ่งแรกที่เธอทำก็คือการสำรอก

เอาน้ำที่คั่งค้างในลำคอออกมาให้หมด

 นับว่าคลื่นน้ำเมื่อครู่นี้ก็สร้างปัญหากับเธอไม้น้อย

 แม้มันจะไม่ร้ายแรงถึงกับทำให้เธอบาดเจ็บหนัก

 แต่มันก็ทำเธอสลบไปพักใหญ่เลยทีเดียว

 

"จ๋อมๆๆ" แม้ชอลลี่จะสิ้นชีพไปแล้ว

 แต่ร่างน้ำที่เกิดจากเวทย์ของเธอก็ยังคงอยู่

 แม้มันจะไม่สามารถก่อตัวเป็นรูปร่างได้แล้ว

 

 แต่มันก็ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบเจ่อนองไปด้วยน้ำท่วมขัง

 สูงขึ้นมาประมาณข้อเท้า ซึ่งนี่ก็เป็นตัวส่งสัญญาณชั้นดี

 ที่บอกพรีสสาวให้รับรู้ว่า กำลังมีคนคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ

 

"เวโรนิก้า !!" วิเวียนเอ่ยขึ้น ที่แท้ผู้ที่ก้าวเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหน

 เป็นแวมไพร์คู่ปรับของเธอนี่เอง

 

"ไม่เจอกันไม่กี่วัน พัฒนาขึ้นเยอะเลยนี่

 ถึงขนาดฆ่าแวมไพร์ชั้นขุนพลได้ด้วย"

 เวโรนิก้ากล่าวขึ้นก่อนที่จะขยับดาบซามูไรในมือ

เพื่อเตรียมพร้อมที่จะใช้งาน

 

"กระจกเงาหมื่นดารา"

 เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูคู่ปรับที่เคยปะทะกันมา

 วิเวียนก็ไม่รอช้าที่จะร่ายเวทย์ของตนขึ้นมาทันที

 

 ด้วยเวทย์ธาตุแสงสว่างบทนี้ 

มันทำให้เธอมั่นใจอย่างมาก

 ไม่ว่าที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นแวมไพร์ที่ร้ายกาจแค่ไหน

 

 เพราะถ้าเป็นแวมไพร์ก็ต้องแพ้ทางแก่ธาตุแสงสว่างของเธออยู่ดี ........

 แต่แล้ว !!

 

"เผล้งงงงงง !!!!!"

 

แต่ไม่ทันที่กระจกเงาจะก่อตัวสำเร็จ

 ชั่วพริบตานั้นกระจกเวทย์ก็กลับแตกสลายลงเบื้องหน้าวิเวียน

 ทำเอาเธอร้องออกมาหนึ่งคำด้วยความตกใจ

 

 ส่วมแวมไพร์สาวที่อยู่เบื้องหน้า

 ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือ เธอพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง

 ก่อนจะชักดาบเข้าฟันใส่ในทันที !! ยังดีที่วิเวียนยังพอมีสติ

 

 เธอจึงกระโดดถอยฉากได้ทัน 

ดาบนี้ของแวมไพร์สาว

 จึงทำได้เพียงแค่เรียกเลือดจากเธอแค่เล็กน้อยเท่านั้น

 

"หึๆๆๆ" เวโรนิก้าหัวเราะออกมาเบาๆ

 แม้ดาบแรกเธอจะพลาดไปเล็กน้อยก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร

 เธอตั้งดาบในท่าใหม่ด้วยการถือดาบด้วยมือขวา

 

 ในลักษณะตั้งฉากกับพื้น

 มือซ้ายเอื้อมไปเบื้องหน้าเพื่อประครองดาบเบาๆ

 ส่วนเท้าซ้ายก็ขยับเบาไปข้างหน้าเพื่อเตรียมพร้อมจะพุ่งเข้าจู่โจม

 

 การตั้งดาบเช่นนี้เป็นการตั้งดาบของท่าทะลวง

 ซึ่งเป็นกระบวนท่าหนึ่งของเพลงดาบญี่ปุ่นที่เธอได้รับการฝึกฝนมา

 

'ทำไมกัน ทำไมเราใช้เวทย์มนต์ไม่ได้'

 วิเวียนเอ่ยเบาๆกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจ

 แต่เธอก็ไม่มีเวลามามัวสงสัยอะไรอีกแล้ว เพราะพริบตานั้น

 แวมไพร์สาวที่อยู่ตรงหน้าก็พุ่งดาบเข้าใส่เธอทันที

 

ไม่ใช่แค่วิเวียนเท่านั้น

 แต่พวกพรีสที่อยู่ในจุดปะทะก็ตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกัน

 เดิมทีพวกเขากำลังมั่นใจเต็มที่ว่าจะปราบเหล่าแวมไพร์ได้

 

 เนื่องจากฝ่ายตนมีจำนวนมากกว่า 

แต่เมื่ออยู่ๆเวทย์มนต์ก็ใช้ไม่ได้เช่นนี้ 

ความมั่นใจเมื่อครู่จึงจางหายไปหมด

 กลายเป็นความตื่นตกใจระส่ำระสายจน 

ไม่อาจจะคงรูปกระบวนทัพเช่นเดิมอีกต่อไปได้

 

ในขณะที่พวกแวมไพร์ 

แม้พวกเขาจะใช้เวทย์มนต์ไม่ได้เช่นกัน

 แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

 

 จึงมีการเตรียมพร้อมไว้อย่างดี

 พวกเขาต่างหยิบยกเอาอาวุธต่างๆที่เตรียมมาขึ้นมากวัดแกว่ง

 พร้อมกับกู่ร้องคำรามลั่น ก่อนที่แวมไพร์เหล่านั้น

 

 จะพุ่งกระโจนเข้าหาและไล่ล่าสังหารเหล่าพรีส

 จนฝ่ายพรีสล้มตายไปตามๆกัน

 

"พวกแกทำอะไร !!"

 พรีสชั้นสูงที่เป็นคนบัญชาทัพมาถึงตอนนี้เอ่ยร้องเสียงหลง

 

"หึ" ฝ่ายแวมไพร์ที่ถูกถามก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น วิคตอเรีย

 นางสนมอันดับหนึ่งของเจ้าชายทีโอดอร์นี่เอง 

 

เธอยิ้มเยาะเล็กน้อย กับคำถามที่ได้รับ

 ก่อนที่นางแวมไพร์จะชักปืนพกออกมา แล้วลั่นไกเข้าใส่ทันที

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป