เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
วิเวียนค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ
ก่อนที่เธอจะก้มลงมาสำรวจร่างกายตัวเอง
ด้วยเวทย์รักษาที่เธอใช้
ทำให้ตอนนี้บาดแผลที่ท้องจากการถูกแทงโดยเวโรนิก้า
ซี่โครงที่หักไปจากการทำร้ายของเบิร์น
ตอนนี้หายเป็นปิดทิ้งแล้ว
แถมกำลังของเธอก็กลับคืนมาได้บางส่วนแล้วอีกด้วย .......
แต่ปัญหาต่อจากนี้นี่สิ
ตอนนี้เธอสถานการณ์ของเธอกำลังแย่เข้าไปทุกขณะ
เพราะสิ่งที่เธอปรารถนาก็คือช่วยชายคนรัก
ให้กลับมาอย่างปลอดภัย
แต่จะทำยังไงในเมื่อเขาในตอนนี้ตกอยู่ในมือของแวมไพร์
ที่หมายจะพาเขากลับ wonderland
ไหนจะเหล่าพาลาดินที่ตามมาหมายจะเอาชีวิตเขาอีก
ทำให้เธอในตอนนี้ต้องรับมือกับศึกสองด้านเลยก็ว่าได้
แต่ฉับพลันนั้นเอง
เธอก็สัมผัสได้ถึงพลังมาน่ากลุ่มใหญ่
ที่มีปริมาณมากมายมหาศาล
มหาศาลขนาดที่สามารถปลุกไฟราคะที่มีอยู่ในตัวเธอ
ให้ออกมาลุกโชน
ร่องกลีบของเธอตอดรัดเป็นจังหวะอย่างเสียวซ่าน
จนตัวเธอเองไม่อาจทนไว้
ต้องใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางแหย่เข้าไปในร่างสวรรค์
เพื่อระบายความกำหนัดที่มีอยู่ออกมาให้หมด
แต่เธอก็แหย่ร่องสวรรค์นั้นไม่ได้นาน
เพราะแค่ครู่เดียวน้ำรักจำนวนมากของเธอก็หลั่งไหลออกมาเสียแล้ว
เล่นเอาพรีสสาวต้องนอนฟุบหายใจแรงอย่างเหนื่อยหอบ
หลังจากขึ้นสวรรค์ไปหนึ่งรอบแล้ว
พรีสสาวค่อยๆหลับตาลงเพื่อทำสมาธิ
สู้กับไฟราคะที่เกิดจากการโดนพลังมาน่าลึกลับนั่นปลุกโหม
แต่แม้ว่าเธอจะเคยผ่านบทเรียนนี้มาจนเชี่ยวชาญแค่ไหน
แต่คราวนี้มันกลับไม่ง่ายเลยเพราะพลังมาน่านี้
ที่เธอเจอมันรุนแรงกว่ามาก
แต่ว่าพลังมาน่าที่รุนแรงขนาดนี้เป็นของใครกัน
"หรือว่าเป็นของ ....." เมื่อคิดได้ดังนั่นวิเวียนจึงฝืนร่างกาย
รีบไปยังต้นตอของพลังมาน่านั้นทันที
และไม่กี่อึดใจ พรีสสาวก็มุ่งหน้ามาถึงห้องควบคุม
ห้องที่เป็นต้นตอพลังมาน่าลึกลับนั่น
แต่เธอก็คาดการณ์เจ้าของพลังมาน่าที่ว่านั่นผิดไป
เพราะในตอนแรกเธอกลับนึกว่าเป็นของนายอาร์ต
เหมือนที่ใช้ตอนสู้กับพวกเบลลิคเสียอีก
แต่เจ้าของกลับเป็นแวมไพร์ร่างสูงใหญ่
ที่มีไอสีดำพวยพุ่งอยู่ด้านหน้า
และจากคำบอกเล่าของไอซ์เอจ
แวมไพร์ตอนนี้คือแวมไพร์ลินคอร์น
ขุนพลไร้พ่ายที่เป็นทหารคู่ใจของราชาแวมไพร์เลอเซอโร่
แต่ที่น่าใจยิ่งกว่าก็คือแวมไพร์ผู้นี้ เป็นผู้ที่ใช้ธาตุความมืด
ธาตุพิเศษเช่นเดียวกับเธอ
แต่ถ้าเขาเป็นธาตุความมืด จะแพ้ทางธาตุแสงสว่างของเธอหรือเปล่า
"ลำแสงสะเก็ดดาว จงก่อร่างเป็นหอก"
วิเวียนร่ายเวทย์ของตัวเองทันที
ก่อนที่เธอจะซัดหอกลำแสงเข้าใส่แวมไพร์ตรงหน้า
แต่แล้วหอกลำแสงนั้นก็ถูกดูดกลืนเข้าไปในม่านควันเช่นกัน
ไม่ต่างอะไรกับเวทย์ก่อนๆของเหล่าพาลาดินเลย
แบบนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน
หมายความว่าเลเวลของเธอต่ำเกินไป
หรือธาตุความมืดไม่เคยแพ้ทางธาตุแสงแต่แรกอยู่แล้ว
"ผู้ใช้ธาตุแสง !!" ลินคอร์นเองก็ตกตะลึงไม่น้อย
เมื่อเห็นเวทย์ที่พรีสสาวใช้
ชั่วขณะนั้นทำให้เขารับรู้ถึงอันตรายของตัวเธอทันที
การมีอยู่ของเธอจะภัยพิบัติครั้งใหญ่ของเหล่าแวมไพร์
ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้าร่ายเวทย์เข้าโจมตีเธอทันที
"เกลียวคลื่นเงาราหู"
สิ้นคำร่ายเวทย์ ไอดำมหาศาลก็มารวมตัวกันอีกครั้ง
ก่อนที่มันจะถูกซัดออกไปเหมือนเกลียวคลื่นที่อยู่ในทะเลคลั่ง
เกลียวคลื่นสีดำถาโถมเข้าใส่เป้าหมายอย่างที่ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งได้
พลังโจมตีที่รุนแรงทำให้แม้แต่วิเวียนยังต้องหวาดหวั่น
เธอจึงเลือกที่จะพุ่งหลบแทนที่จะตั้งรับ
ซึ่งนั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
เพราะทุกสิ่งที่โดนเกลียวคลื่นนั้นซัดใส่
จะถูกกลืนกินหายไปตลอดกาล
แต่เพราะว่าลินคอร์นมัวสนใจโจมตีพรีสสาวนี้นี่เอง
ทำให้เหล่าพาลาดินที่เหลือถือโอกาสลอบจู่โจมในมุมอับ
เริ่มจากสโตนเฮดสวนเกราะศิลาก่อน
จะพุ่งหมัดเข้าใส่ร่างลินคอร์นทันที การลอบโจมตีนี้
ช่างเป็นการลอบโจมตีที่รวดเร็ว
ชนิดที่เป้าหมายอย่างลินคอร์นไม่อาจจะขยับตัวหลบหลีก
หรือต้านรับใดๆได้เลย
"พันธนาการแห่งความมืด"
แต่ความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้น
ทุกๆการโจมตีของเหล่าพาลาดินเป็นสิ่งที่ลินคอร์นรับรู้อยู่แล้ว
เขาจึงร่ายเวทย์อีกชุดเพื่อรับมือทันที
เวทย์ชุดนี้เมื่อร่ายจบก็บังเกิดเงาเป็นสาย
ที่ลักษณะเหมือนเชือก
พุ่งออกมาจากเงาของสโตนเฮดก่อนที่จะพุ่งรัดพันเจ้าตัวแน่น
ก่อนที่จะฉุดลากอย่างรุนแรง
จนเจ้าพาลาดินแห่งหินผาต้องนอนราบไปกับพื้น
อย่างหมดท่า ไม่เพียงแต่สโตนเฮดเท่านั้น
พาลาดินคนอื่นก็เช่นกัน
แต่ละคนเจอเงาเชือกพุ่งทะยานออกมาจากเงาตัวเอง
เข้ามารัดพันจนสินท่า
"แค่เวทย์ไม่กี่บท ก็เอาชนะพาลาดินได้หมด !!"
วิเวียนเอ่ยขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา
นี่น่ะเหรอคือฝีมือของแวมไพร์ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นขุนพลไร้พ่าย
แต่เธอก็ไม่มีเวลาคิดอะไรต่อเพราะแวมไพร์ตรงหน้า
เดินย่างก้าวเข้ามาหมายจะจัดการเธอเป็นคนต่อไป
ซึ่งเธอในตอนนี้ทำได้แค่เพียงร่ายเวทย์
เพื่อสร้างหอกลำแสงมาต่อกรแค่นั้นเอง
"อย่าดิ้นรนเลยอีหนู" ลินคอร์นกล่าว
"ไม่เกี่ยวกับเลเวลเวทย์ ไม่เกี่ยวกับการแพ้ทาง
แต่เพราะข้าคือความมืด
ความมืดที่สามารถกลืนกินได้ทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้แต่แสงของเจ้า .... อีหนูเอ๊ย
เจ้าไม่ทางที่จะเอาชนะพลังธาตุที่ชนะได้ทุกอย่างของข้าหรอก"
สิ้นคำกล่าวของลินคอร์น
เชือกดำจำนวนมากก็พุ่งจากเงาวิเวียนมารัดตัวเธอเช่นกัน
จนตัวเธอในตอนนี้ต้องนอนราบไปกับพื้น
มีสภาพไม่ต่างกับพาลาดินคนอื่นเลย
แต่ลินคอร์นก็ไม่หยุดแค่นั้น
เขาบังคับเงาดำในมือให้ไหลออกมาก่อรูปเป็นดาบขนาดพอดีมือ
พร้อมกับหันดาบนี้ไปยังวิเวียนที่นอนราบ
"และเพราะเป็นผู้ใช้ธาตุแสง
การมีอยู่ของเจ้าจะทำภัยมาสู่เหล่าแวมไพร์
ดังนั้นข้าจึงต้องจัดการเจ้าที่นี่ซะ !!"
"ม่ายยยยย" นายอาร์ตพยามร้องห้าม
"เวโรนิก้า พาเขากลับไปได้แล้ว !!"
ขุนพลแวมไพร์เอ่ยปากสั่งการลูกน้องสาวคู่ใจ
"ค่ะ" เวโรนิก้ารับคำในทันที
บาดแผลที่ท้องของเธอตอนนี้
ใช้เวทย์รักษาจนอาการบรรเทาแล้ว
เธอจึงมีแรงลุกขึ้นฉุดร่างของนายอาร์ต
เพื่อที่จะพาข้ามมิติไปในทันที แม้ว่านายอาร์ตจะพยามขัดขืน
แต่เขาก็ไม่อาจจะต้านแรงเธอได้เลย
"อย่าหวังเลยเว้ยยยยยย"
เสียงตวาดของพาลาดินแห่งไฟดังลั่น
เสียงนี้มีที่มาจากร่างของเขา
ที่โดนเผาจนเหลือแต่ท่อนร่าง
แต่บัดนี้ท่อนร่างนั้นกลับลุกไม้กลายเป็นไฟ
ก่อนที่ไฟจะก่อตัวกลับมาเป็นร่างของพาลาดินแห่งไฟผู้นี้ใหม่อีกครั้ง
และเมื่อร่างกายเขาก่อขึ้นเสร็จ
เขาก็ตวาดลั่นพร้อมกับร่ายเวทย์ไม้ตาย
สร้างลูกไฟดินแดนเพลิงพระกาฬรวมศูนย์ขึ้นทันที
"ตายยากนักน่ะ"
แวมไพร์ลินคอร์นกล่าวขึ้นพร้อมกับหันไปรับมือ
ในขณะที่เจ้าพาลาดินแห่งไฟยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์
ก่อนที่จะซัดลูกไฟเข้าใส่ทันที
แต่เป้าหมายของลูกไฟคราวนี้กลับไม่ใช่ร่างของลินคอร์น
ไม่ใช่ร่างของเวโรนิก้าและนายอาร์ต
แต่เป้าหมายนั้นกลับเป็นเครื่องข้ามิติต่างหาก !!
เครื่องข้ามมิติเป็นเครื่องมือธรรมดา
จึงไม่ได้สร้างจากโลหะพิเศษอะไรอยู่แล้ว
เมื่อกระทบเข้ากับพลังทำลายล้างของเวทย์ไฟนี้
ตัวเครื่องจึงระเบิดเสียหายทันที
ปล่อยให้แสงสีฟ้าที่เก็บไว้ในตัวเครื่อง สาดแสงจ้าไปทั่วทั้งห้อง
"ไม่มีไอ้เครื่องบ้านี่
แกก็หนีไป wonderland ไม่ได้แล้วเว้ยยยยย"
พาลาดินแห่งไฟหัวเราะร่าอย่างสะใจ
ในขณะที่ลินคอร์นเลือดขึ้นหน้าอย่างโกรธเกรี้ยว
ว่าแล้วเขาก็ซัดเวทย์ เกลียวคลื่นเงาราหู
เข้าใส่พาลาดินผู้นี้ทันที โดยที่เจ้าเบิร์นมัวแต่สะใจ
เลยไม่อาจหลบเวทย์ที่ซัดมาได้ทัน !! .....
แต่ก่อนที่เวทย์แห่งความมืดจะมาถึงตัวเขา
เบิร์นก็รู้สึกผิดปกติบางอย่าง
เพราะทันทีที่แสงสีฟ้าจากเครื่องข้ามมิติที่พังไปนั้นสาดใส่ร่างเขา
เขาก็เหมือนถูกแรงมหาศาลบางอย่างดูดอย่างรุนแรง
แรงขนาดที่ว่าดูดจนตัวเขาหายไปจากมิตินี้ทันที
แต่ไม่เพียงเขาเท่านั้น
พาลาดินและแวมไพร์คนอื่นๆที่กระทบแสง
ต่างก็โดนแรงดูดนี้เข้าไปเช่นเดียวกัน
จนแต่ละคนเริ่มหายร่างไป ไล่ตั้งแต่เวโรนิก้า
พาลาดินทั้ง 4 ลินคอร์น นายอาร์ต
"อาร์ตตตตต" วิเวียนร้องเสียงหลงก่อนที่เธอเองจะถูกดูดหายไปเช่นกัน
ณ ทุ่งหญ้ารกร้างที่ห่างไกลออกไป
ที่ตอนนี้กำลังปรากฏการณ์ประหลาดบางอย่าง
ท้องฟ้าที่เมื่อครู่สว่างไสวพลันมืดครึ้มราวกับมีเมฆฝน
สายลมที่พัดเอื่อยก็พลันรุนแรงราวกับจะมีพายุร้ายพัดผ่าน
สร้างความแตกตื่นให้กับบรรดาสัตว์เล็กสัตว์น้อย
ที่อาศัยอยู่ในทุ่งนี้เป็นอย่างมาก