Your Wishlist

ดินแดนมหัศจรรย์ (ดินแดนมหัศจรรย์)

Author: xxx555

เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland

จำนวนตอน :

ดินแดนมหัศจรรย์

  • 07/08/2568

"แค่คำพูดไม่กี่คำของเจ้า

 คิดว่าจะเปลี่ยนความคิดคนอื่นๆ

ให้ยอมรับตัวนายอาร์ตให้อยู่ในเมืองนี้ได้ งั้นเหรอ !!" 

 

โบนเอ่ยเสียงเข้ม แต่วิเวียนก็ไม่หวั่นไหว

 เธอจ้องตาเขาไม่กระพริบราวกับ

จะบอกถึงความมุ่งมั่นที่อยู่ในภายใน

 

"ค่ะ"

 

 

ใสซื่อ ใสซื่อเกินไป !! โบนร่ำร้องอยู่ภายในใจ

 เพราะทั้งหมดมันเป็นความผิดของเขาเอง ที่ผ่านมา

 แม้เขาจะฝึกฝนพรีสสาวตรงหน้าอย่างหนัก

 

จนเธอกลายเป็นพรีสที่เก่งกาจ

 แต่ได้ด้านอื่นเขากลับทำได้ไม่ดีเอาซะเลย 

ตัวเขาบ่มเพราะแต่สิ่งที่ดีงาม 

 

และปิดกั้นเธอจากเรื่องเลวร้าย

 ผลก็คือทำให้เธอกลายเป็นคนรู้จักโลกแค่เพียงด้านเดียว

 รู้จักมองโลกแต่ในแง่ดีเท่านั้น

 

อย่างเช่นเรื่องนี้ เธอคิดเอาง่ายๆว่า

 เธอจะสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยคำพูดแค่ไม่กี่คำได้

 วิเวียนเอ๋ยเจ้าคิดอะไรง่ายเกินไปแล้ว

 

 เพราะถ้าคำพูดของเจ้าสามารถ

ทำให้คนเปลี่ยนความคิดได้จริง

 สังฆราชสูงสุดอย่างเจ้ารอส คงไม่ออกคำสั่งลับ

 

 ให้แองเจลล่าสังหารนายอาร์ตหรอก

 นี่คงถึงเวลาแล้วเสียที 

 

ที่เขาจะทำให้เธอได้รู้จักโลกแห่งความเป็นจริง

 โลกที่ไม่ได้งดงามอย่างที่เธอเห็น 

โลกที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย และความเห็นแก่ตัว

 

"วิเวียนฟังข้าให้ดี" เขาตัดสินใจแล้ว

ที่จะบอกเธอถึงคำสั่งลับที่ออกมานั้น

 แม้เขาจะคาดเดาไม่ออกเลยว่า

 

ถ้าเขาบอกเรื่องนี้กับเธอไปแล้ว 

เรื่องราวมันจะเป็นเช่นไรต่อไป 

แต่เขาก็อยากจะบอกเธอ เพราะอย่างน้อย

 เธอจะได้หาทางแก้ปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ได้ทัน

 

"มันมีคำสั่งลับลงมา เกี่ยวกับเรื่อง ..."

 

 

เพล๊ง .......... !

 

 

เสี้ยววินาทีนั้น กรอบรูปที่ประดับร้านก็ตกลงมา 

ไม่ใช่แค่เพียงกรอบเดียว 

แต่กรอบอื่นๆนับสิบบานก็ร่วงกราวลงมาเช่นกัน ไม่แค่นั้น

 

 แก้วน้ำหรือจานชามที่วางเรียงราย 

ต่างก็ร่วงกระทบพื้นอย่างต่อเนื่อง

 พร้อมๆกับแรงสั่นสะเทือนมหาศาล

 

 ที่มากจนสั่นร้านทั้งร้านให้สะเทือนอย่างรุนแรง 

จนแถบจะพังถล่มลงมา

 ทำให้คนที่อยู่ภายในร้านต่างหวีดร้องกันอย่างโกลาหล

 

"อย่าตกใจ มันแค่แผ่นดินไหว หมอบลงใต้โต๊ะ" 

โบนตวาดลั่น ซึ่งก็ได้ผล 

 

คนในร้านต่างหลบลงใต้โต๊ะตามกันไป

 แต่แรงสั่นสะเทือนนี้ก็แค่เพียงไม่นาน ร้านทั้งร้านก็สงบลง

 เหลือเพียงคราบความเสียหายที่หลงเหลือเอาไว้

 

"วิเวียนเป็นอย่างไรบ้าง"

 นายอาร์ตเอ่ยร้องพร้อมกับพยามแหวกผู้คนเข้ามาหา

 

"ไม่เป็นไรค่ะ" วิเวียนเอ่ยตอบ

ก่อนที่จะจับมือนายอาร์ตพยุงตัวขึ้นมา

 

"ออกไปข้างนอกก่อนดีกว่า" โบนเอ่ยเตือนคนทั้งคู่

 เพราะแม้แผ่นดินไหวจะหยุดแล้ว 

แต่ก็อาจจะมี Aftershock ตามมาได้

 

แต่เมื่อออกไปด้านนอก พวกเขาก็ต้องประหลาดใจ

 เพราะทั้งๆที่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพลบค่ำ

 

 แต่เมืองทั้งเมืองก็มืดมิดราวกับยามค่ำคืน

 แต่เมื่อพวกเขามองไปยังบนท้องฟ้า

 เขาก็ต้องตกตะลึงยิ่งกว่า

 

 

เพราะบนท้องฟ้า มีปราสาทขนาดยักษ์ลอยอยู่เหนือเมือง !!!

 

นี่เองที่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมตอนนี้เมืองทั้งเมืองถึงได้มืดมิด

 เพราะเงาของปราสาทยักษ์ที่ทอดยาวลงมา

 มันสามารถปกคลุมได้ทั้งเมือง

 

แต่ทั้งๆที่พวกเขายังตกตะลึงไม่ทันไร

 เขาก็พบว่ามีร่างเงาหลายสายจำนวนมาก

 

 รวมไปถึงกระสวยขนาดพอดีคน

พุ่งทะยานลงมาจากปราสาท 

โดยมีจุดหลายอยู่ตรงด้านหน้าของโบสถ์คาดินัลล์

 

แต่ในสำกระสวยที่พุ่งออกมานั้น 

บางลำก็พุ่งพลาดเป้า อย่างลำนึงที่แทนจะพุ่งลงไปหน้าโบสถ์

 แต่มันกลับพุ่งลงมายังพวกเขา !!

 

ตูมมมมมม ! เสียงกระสวยลงกระแทกพื้นอย่างแรงจนควันตลบ

 แต่ควันเหล่านั้นก็ค่อยๆ

จางลงพร้อมกับกระสวยที่เปิดออกมา

 

 

เผยให้เห็นผู้ที่อยู่ข้างใน เขาเป็นชายร่างผอมสูง

 แต่เมื่อเขาได้ก้าวออกมาสัมผัสพื้นเบื้องหน้า 

เขาก็แยกเขี้ยวใส่อย่างดุร้าย

 

"พวกแวมไพร์ !!!"

 

เวโรนิก้าหยุดยืนหน้ากระจกเพื่อสำรวจร่างกายตัวเองอีกครั้ง

 ตอนนี้แวมไพร์สาวอยู่ในชุดหนังสีดำสนิททั้งชุด

 ประกอบไปด้วยชุดเกาะอกที่รัด

จนเห็นสองเต้าของเธอเป็นขึ้นมาลูกๆ

 

 กางเกงเข้ารูปที่ช่วยเสริมให้สะโพก

ของเธอให้ดูโค้งมนน่าเย้ายวน

 ปิดท้ายด้วยรองเท้าบูทหนังอย่างดี

 

และถุงมือหนังที่ยาวถึงข้อศอกสีดำสนิทเช่นกัน

 ด้วยเครื่องแต่งกายสีดำสนิทเช่นนี้

 จึงยิ่งทำให้ผิวของเธอที่ขาวใสอยู่แล้ว 

ถูกขับให้ขาวขึ้นมาอีก

 

เมื่อเครื่องแต่งกายเรียบร้อยดีแล้ว

 แวมไพร์สวยจึงละสายตาออกจากกระจก

ก่อนจะหันมองไปรอบๆห้องที่พักมาตลอด 3 วัน

 

 ห้องนี้เดิมทีถูกจัดเตรียมไว้

เพื่อรับรองขุนพลลินคอร์นโดยเฉพาะ

 มันจึงดูหรูหราสะดวกสบายสมกับ

ฐานะอาจารย์ของเจ้าชายทีโอดอร์อย่างเขา

 

 ดังนั้นเมื่อลินคอร์นสิ้นชีพไปแล้ว 

ห้องนี้ทีโอดอร์จึงยกให้เธอได้ใช้อาศัย

 แต่นี่ก็ไม่ใช้ครั้งแรกที่เธอได้พักในห้องนี้

 

 เพราะในครั้งก่อนๆที่เธอติดตามลินคอร์นมา

 เธอก็ได้พักอาศัยในห้องนี้กับเขาด้วยเช่นกัน

 ห้องนี้จึงเหมือนเป็นห้องที่เต็มไปด้วย

ความทรงจำของเธอและขุนพลลินคอร์น

 

อย่างโต๊ะอาหารที่ทำจากหินอ่อนนี้ก็เช่นกัน

 เธอเองก็มีโอกาสเคยได้ใช้มันร่วมดื่มเลือดกับลินคอร์นมาแล้ว

 

 อีกทั้งยังเป็นโต๊ะที่เธอและเขาเคยใช้สนทนาต่างๆกันมามากมาย

 หนึ่งในนั้นที่เธอจำได้ดี

 ขุนพลลินคอร์นเคยถามเธอขึ้นมาว่า

 

"ถ้าข้าตาย เจ้าจะแก้แค้นให้ข้าไหม เวโรนิก้า"

 

"ใครก็ตามที่ทำท่านลินคอร์น ข้าจะสังหารมันให้ได้ !!" 

เธอตอบไปเช่นนั้น

 

"เวโรนิก้า .... เจ้าว่าอะไรคือเกียรติสูงสุดของนักรบ"

 

 เขาเอ่ยถามเธออีกหนึ่งคำถาม

 แต่คำถามนี้ ตัวเธอกลับตอบไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น

 ลินคอร์นจึงเอ่ยคำตอบออกมา

 

 "การได้ตายในสนามรบยังไงล่ะ"

 

"เพราะนักรบอย่างเรา มีชีวิตอยู่ก็เพื่ออุทิศตัวให้กับมิดแลนด์

 การได้สู้รบเพื่อมิดแลนด์มันจึงเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ 

แม้ในที่สุดเราจะต้องตาย

 เราก็ยังได้ชื่อทำเพื่อมิดแลนด์จนวาระสุดท้ายของชีวิต ......

 ดังนั้นเวโรนิก้า ถ้าต่อจากนี้ข้าต้องตาย 

เจ้าจะต้องภูมิใจในตัวข้า อย่าคิดแก้แค้นให้ข้า

 เพราะนั่นมันจะทำให้เกียรติของข้าหม่นหมอง"

 

"ชีวิตของเจ้า มีแต่ความแค้นมากเกินพอแล้ว"

 

กึ๊งงงงงงง !!

 

เสียงนาฬิกาที่ดังขึ้นปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์

 เมื่อเธอหันไปมองก็พบว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว

 เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงเดินไปหยิบดาบซามูไรเล่มหนึ่ง

 

 ก่อนจะออกจากห้องรับรองไป โดยมีจุดหมาย

 เป็นลานกว้างบริเวณหน้าปราสาท

 แวมไพร์สาวใช้เวลาเดินทางไม่กี่อึดใจก็ไปถึง

 

 ก่อนที่เธอจะก้าวขึ้นไปนั่งในที่ที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้เธอ

 โดยที่ตรงนั้นเป็นที่ที่สงวนไว้

เฉพาะนางสนมที่เจ้าชายทีโอดอร์โปรดปรานเท่านั้น

 

 เมื่อเธอก้าวไปนั่ง เธอจึงกลายเป็นเป้าสายตา

ของแวมไพร์แท้ตนอื่นที่มองเธอมาอย่างไม่พอใจ

 

 แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ เพราะคนที่เลือกให้เธอนั่งในจุดนั้น

 ก็คือตัวเจ้าชายทีโอดอร์นั่นเอง

 

หลังจากนั้น เจ้าชายทีโอดอร์ 

ก็ก้าวไปยังเบื้องหน้าทหารหาญของเขา

 พร้อมกับกล่าวปลุกขวัญเหล่าทหารให้ฮึกเหิม ซึ่งก็ได้ผล

 

 เหล่าทหารต่างกระโกนร้องอย่างบ้าคลั่ง

 ก่อนที่เจ้าชายจะปิดท้ายด้วย

การส่งให้เหล่าทหารแยกย้ายจัดกำลังรบตามแผนทางที่วางไว้

 

 ซึ่งแผนนั้นก็ได้แก่การแบ่งกำลังทหารเป็นสองกลุ่ม

 กลุ่มแรกนำโดยแวมไพร์สาวชอลลี่

 โดนกลุ่มนี้คัดเลือกจากแวมไพร์

ที่ถนัดเวทย์บทใหญ่ที่มีพลังทำลายสูง 

 

เมื่อถูกส่งลงไปแล้ว แวมไพร์กลุ่มนี้

จะมีหน้าที่ใช้เวทย์สร้างความเสียหายให้กับแซงจูรี่ย์มาที่สุด

 โดยเฉพาะบริเวณหน้าโบถส์คาดินัลล์

 จุดประสงค์ก็เพื่อสร้างความแตกตื่น

 

 และล่อเหล่าพรีสที่อยู่ในเมืองให้ออกมามากที่สุด

แล้วหลังจากนั้น กลุ่มที่สองที่นำโดยวิคตอเรีย

จะถูกส่งลงมาสมทบ

 

 พร้อมกับปล่อยอนุภาคลูบินนอฟออกมา

 ทำให้ในตอนนั้นเวทย์มนต์จะไม่สามารถใช้ได้

 แวมไพร์ในกลุ่มที่สอง จึงต้องคัดเลือกจากแวมไพร์

 ที่มีทักษะการต่อสู้ด้วยอาวุธและมือเปล่าอยู่ในระดับสูง

 

"เจ้าชาย ตอนนี้เราลอยอยู่เหนือเมืองแซงจูรี่ย์

ในระดับ 10000 เมตรแล้วพะย่ะคะ"

 หนึ่งในวิศวกรที่ควบคุมการบินติดต่อเข้ามา

 

"เยี่ยม ไม่มีสัญญาณเตือนของพวกพรีสจริงๆ"

 เจ้าชายทีโอดอร์ยิ้มขึ้นอย่างยินดี

 ก่อนเอ่ยสั่งการตอบกลับไป

 "นับถอยหลังสู้การทิ้งดิ่งได้"

 

 

การทิ้งดิ่ง จะเริ่มจากการที่ไอพ่นด้านใต้ปราสาท

จะถูกปิดการทำงาน ทำให้ปราสาทยักษ์

 ตกลงสู้พื้นเบื้องล่างด้วยความรวดเร็ว ไม่แค่นั้น

 ไอพ่นเล็กๆรอบปราสาทจะเริ่มทำงาน

 

 ไอพ่นนี้ทำมุมตรงข้ามกับไอพ่นใต้ปราสาท

 ทำให้ปราสาทจะยิ่งตกลงเร็วขึ้น

 ด้วยวิธีนี้จะทำให้ปราสาท

สามารถเคลื่อนลงในแนวตั้งด้วยความเร็วสูง

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป