เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
จึงแท่นทรงกลมที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์
ที่จะสามารถรับพลังไฟฟ้าจำนวนมหาศาลนี้ได้
และผู้ที่จะส่งพลังงานนั้นได้
ก็มีเพียงเจ้าชายแวมไพร์ ทีโอดอร์ ผู้นี้เพียงคนเดียว
และบัดนี้ เจ้าชายได้มายืนอยู่ตรงใจกลางแท่นรับพลังทองคำนี้แล้ว
เขาหลับตาลงช้าเพื่อๆตั้งสมาธิก่อน
จะใช้พลังมาน่าดึงดูดพลังธาตุสายฟ้าจำนวนมาก
ที่อยู่รอบด้านเข้ามารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
จนแม้แต่ธรรมชาติยังต้องสั่นสะเทือน
เกิดเสียงฟ้าร้องลั่นคำรามอย่างกึกก้อง
ก่อนจะปล่อยอัสนีบาตรนับร้อยสาย
ฟาดลงมายังพื้นราวกับห่าฝน
จนแผ่นดินรอบด้านของตัวปราสาท
ต้องสั่นสะท้านราวกับผจญแผ่นดินไหวขนาดยักษ์
แต่ทั้งหมดนี้กินเวลาแค่เพียงชั่วลมหายใจ
เพราะทันทีที่ทีโอดอร์รวบรวมพลังธาตุได้ เขาก็ตวาดลั่น
"ราชันย์นาคราช !!!!!"
ราชันย์นาคราชเป็นเวทย์สายฟ้าระดับเลเวล 12
และเมื่อเวทย์สูงสุดแห่งสายฟ้าถูกร่ายออก
ก็บังเกิดเสียงคำรามดังลั่น
พลังสายฟ้ามหาศาลเหลือคณานับถูกฟาดเข้าที่กลางแท่นทองคำ
ก่อนที่พลังนี้จะถูกส่งต่อไปยังเตาพลังงาน ทันใดนั้น
ตัวปราสาทก็สั่นสะท้านเล็กน้อย
ก่อนที่ปราสาทจะค่อยๆทะยานขึ้นไปในอากาศ เท่ากับว่า
กระบวนการลอยฟ้าครั้งนี้ ดำเนินการเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์
"เป็นยังไงเวโรนิก้า ที่เจ้าได้เห็นเมื่อครู่
เป็นขั้นตอนการทะยานขึ้นฟ้าของแอสการ์ด
นี่เป็นข้อมูลลับสุดยอดของข้า
ที่ไม่เคยเผยแพร่แก่คนนอกมาก่อน
แม้แต่คนที่ให้ข้อมูลแก่เจ้า ท่านผู้นั้นก็ไม่รู้เรื่องนี้"
และเมื่อทุกอย่างดำเนินการเรียบร้อย
ทีโอดอร์จึงมีโอกาสพูดคุย
เป็นการส่วนตัวกับแวมไพร์สาวเสียที
และจากคำพูดประโยคนี้
ทำให้แวมไพร์สาวต้องประหลาดใจ
เมื่อเจ้าชายตรงหน้า
ทราบมาตลอดว่าเธอได้ข้อมูลแอสการ์ด
กับ อนุภาคลูบินนอฟมาจากใคร
"ใช่ ถ้ารู้แต่แรกแล้ว ว่าคนที่ให้ข้อมูลแก่เจ้า
คือท่านอาจารย์ ของข้า ท่านลินคอร์น"
ทีโอดอร์พูดขึ้นพร้อมกับใช้สายตาตำรวจ
เรือนร่างแวมไพร์สาวตรงหน้าไปพลาง
"ข้ายอมรับว่าในคราแรกข้าก็ประหลาดใจ
ที่ท่านลินคอร์นให้ข้อมูลลับนี้แก่เจ้า
ทั้งที่เจ้าเป็นแค่แวมไพร์ตีตราเท่านั้น"
"แต่เมื่อข้าได้พิจารณาตัวเจ้าข้าก็ได้เห็น
ทั้งทักษะการต่อสู้ที่เจ้าสามารถเอาชนะนางสนมของข้าอย่างง่ายดาย
ทั้งที่สายเวทย์ของเจ้าแพ้ทางแท้ๆ
หรือด้านปัญญาที่สามารถโน้มน้าวแม้แต่ตัวข้า
ให้ยอมเดิมเกมส์ตามหมากของเจ้า"
"เพราะเหตุนี้ ข้าจึงสนใจในตัวเจ้า และอยากให้เจ้า
มาเข้ากับแอสการ์ดของข้า !!"
เมื่อเป็นเช่นนี้ แวมไพร์สาวก็เข้าใจในทันที
เพราะเหตุใดเจ้าชายแวมไพร์ผู้นี้
จึงได้พาตัวเธอเข้าไปเห็นข้อมูลลับสุดยอด
อย่างการทำงานของแอสการ์ด
เพราะเขาอยากได้ตัวเธอมาไว้ครอบครอง และถ้าเธอปฏิเสธ
เธอก็จะโดนสังหารในข้อหารู้ความลับนี้ทันที
แวมไพร์สาวจึงลังเลขึ้นมาในทันที
ตัวเธอเป็นแวมไพร์ในสังกัดของท่านลินคอร์น
จึงไม่อาจจะเข้าร่วมกับแวมไพร์ในกลุ่มอื่นได้ แต่ถ้าเธอไม่ยอม
เธอก็ต้องโดนสังหารจากเจ้าชายแวมไพร์ตรงหน้า
"ถ้าเจ้าลังเลเพราะเรื่องท่านลินคอร์น
งั้นข้าจะบอกข่าวร้ายแก่เจ้าเรื่องหนึ่ง" ทีโอดอร์เอ่ยขึ้น
"ท่านลินคอร์น สิ้นชีพแล้ว !!"
ในขณะที่อันตรายกำลังคืบคลานเข้ามา
แต่ผู้คนในนครแซงจูรี่ย์กลับไม่มีใครร่วงรู้ถึงภัยร้ายนั้นเลย
ทุกๆคนยังใช้ชีวิตอยู่เหมือนเดิมไม่ต่างจากวันก่อนๆ
วิเวียนก็เช่นกัน ในแต่ล่ะวันเธอต้องฝึกฝน
การใช้เวทย์ในศูนย์ฝึกซ้อมที่ 1 ที่เป็นศูนย์ฝึกซ้อมที่ใหญ่ที่สุด
นั่นก็เพราะเวทย์ที่เธอใช้เป็นเวทย์ธาตุแสง
ที่ทั่วทั้งอาณาจักรมีเธอใช้อยู่คนเดียว
ดังนั้นจึงไม่มีพรีสอาวุโสคนไหนมาให้คำแนะนำได้เลย
ดังนั้นการที่เธอจะใช้เวทย์ชุดนี้ได้เต็มที่
จึงต้องให้เธอฝึกฝนและเรียนรู้ทำความเข้าใจด้วยตนเอง
"พร้อมหรือยังวิเวียน นี่จะเป็นการทดสอบจริงแล้วน่ะ"
แต่การฝึกซ้อมทั้งหมดของวิเวียนนั้น
อยู่ภายใต้การควบคุมดูแล โบน
ผู้ที่มีสถานะเป็นอาจารย์ของเธอ โดยตลอด
และในตอนนี้ตัวเขาก็ลงมาเป็นคู่ซ้อมให้เธอด้วยตนเอง
"พร้อมค่ะ" วิเวียนเอ่ยรับพร้อมกับ
โคจรพลังมาน่าในร่างกายเต็มที่
ไอสีเขียวเข้มพวยพุ่งไหลทะลัก
ออกจากร่างกายเธอขึ้นไปสูงเสียดฟ้า
เล่นเอาพรีสใหญ่น้อยที่อยู่ใกล้เคียง
บริเวณนั้นควยลุกเป็นแถบๆ
บางคนที่มีพลังไม่มากพอก็ถึงกลับ
น้ำแตกทะลักสิ้นเรี่ยวแรงไปในทันที
ไม่เว้นแม้แต่โบนก็เช่นกัน
ท่อนเอ็นของเขาก็ตั้งลำจนปวดไปหมด
"นี่นะเหรอพลังมาน่าที่ได้มาจากลินคอร์น
นี่มันมีปริมาณมหาศาลเกินกว่าแวมไพร์ชั้นขุนพลไปแล้ว
เทียบได้กับแวมไพร์ชั้นราชาแล้วมั่งน่ะ"
โบนเอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึงไม่น้อย
เมื่อได้เห็นปริมาณพลังมาน่าในกายพริสสาวอย่างเต็มตา
ชั่วเวลาไม่นานวิเวียนก็โคจรพลังเสร็จ
ตอนนี้ไอมาน่าสีเขียวเข้มจางหายไปแล้ว
นั่นก็แปลว่าในตอนนี้เธอสามารถผ่านบททดสอบ
การควบคุมพลังมาน่าอันมหาศาลในกายของเธอได้แล้วนั่นเอง
แต่จากนี้ต่างหากที่คือบททดสอบที่แท้จริง
บททดสอบเรื่องการใช้เวทย์ธาตุแสงในระดับเลเวล 9
"ฮ่าห์...." โบนเอ่ยร้องเบาๆเพื่อรวบรวมพลังธาตุลม
ที่ไหลเวียนรอบกายเข้ามาอย่างเต็มที่
จนเห็นเป็นลมหมุนม้วนวนอยู่รอบหมัด
แรงลมนี้รุนแรงมหาศาลเล่นสิ่งของ
ที่อยู่รอบด่นโดนลมพัดกระเด็นราวกับโดนพายุซัดก็ไม่ปาก
ก่อนเขาจะร่ายเวทย์ไม้ตายที่รุนแรงที่สุดของตนออกมา
"หัตถ์อสูรลมสะบั้น !!!"
โบนตวาดลั่นก่อนจะซัดหมัดออกไปเบื้องหน้า
แรงลมมหาศาลถูกซัดออกก่อน
จะดูดเอาฝุ่นทรายรอยด้านเข้ามารวมกัน
จนกลายรูปเป็นหมัดลมขนาดใหญ่พุ่งเข้าไปหาพรีสสาว
ซึ่งเธอก็ที่รู้ซึ้งถึงอานุภาพเวทย์บทนี้ดี
เพราะเวทย์บทนี้เป็นเวทย์ที่รุนแรงที่สุด
ของเวทย์ลมในระดับเลเวล 9
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะส่วนมากเวทย์ลม
จะแบ่งการโจมตีออกเป็นสองสายนั่นก็คือ
สายอัดกระแทกกับสายฉีกกระชาก
แต่เวทย์ 'หัตถ์อสูรลมสะบั้น'
นี้กลับพิเศษยิ่งกว่าเนื่องจากเป็นเวทย์
ที่รวมการโจมตีทั้งสองแบบเข้าไว้ด้วยกัน
ดังนั้นการที่เธอจะรับเวทย์ชุดนี้ได้
เธอจะต้องไม่ประมาทและทุ่มเทพลังให้สุดตัว
ซึ่งนี่แหละที่เป็นจุดประสงค์ของอาจารย์ของเธอ
"กระจกเงาหมื่นดารา !!" วิเวียนตวาดลั่น
พร้อมกับร่ายเวทย์รับมือในทันที
พลังธาตุแสงที่อยู่รอบด้านถูกเธอดึงดูด
เข้ามารวมกับจนเกิดเป็นประกายแสง
สว่างวาบขึ้นเบื้องหน้า และเมื่อแสงสว่างนั้นจางลง
ก็ปรากฏเป็นกระจกเงาบานใสขนาดใหญ่ขึ้นเบื้องหน้า
ก่อนที่เธอจะผลักกระจกบานนี้เข้ารับหมัดลมที่พุ่งเข้ามาทันที !!
"เปรี้ยงงงงงง !!" ทันทีที่เวทย์สองบทเข้าปะทะกัน
เสียงร้องก็ดังคำรามสนั่นไปทั่ว
แต่ฉับพลันก็เกิดเรื่องประหลาด
หมัดลมยักษ์ที่กำลังพรุ่งเข้าหาวิเวียน
เมื่อกระทบเข้ากับกระจกเงาบานนั้น
หมัดลมก็กลับเปลี่ยนทิศมุ่งเข้าใส่ร่างของโบนแทน
สิ่งนี้นี่เองที่เป็นอานุภาพของเวทย์ 'กระจกเงาหมื่นดารา'
เพราะถ้ากระจกเงาทั่วไป
สามารถสะท้อนแสงได้ 100 % เช่นไร
เวทย์กระจกนี้ก็สามารถสะท้อนเวทย์อื่นๆได้ 100 % เชกเช่นเดียวกัน
"ย๊ากกกก" เมื่อเวทย์ของตนถูกสะท้อนกลับมาในทันทีเช่นนี้
มันจึงยากที่โบนจะปัดป้องหรือหลบหลีกออกไปได้
ดังนั้นทางเดียวที่เขาจะทำได้ก็คือปล่อย 'หัตถ์อสูรลมสะบั้น'
ออกไปอีกครั้งเพื่อสกัดเวทย์ชุดแรกของตน
หมัดลมยักษ์ทั้งสองลูกจึงพุ่งเข้าปะทะกัน
กลางอากาศจนเกิดเสียงระเบิดดังกึก ก้องไปทั่วบริเวณ !!
นับว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
ที่ทำให้ตัวเขาสามารถรอดพ้นจากเวทย์ของ ตนเองมาได้
แต่แรงระเบิดที่ตามก็ยังมีอัดมหาศาล
จนมันกระแทกตัวเขากระเด็นออกไปไกล
"คุณโบน !!!" วิเวียนร้องเสียงหลง
ก่อนจะวิ่งเข้าไปดูอาการของอาจารย์เธอทันที
แม้แรงระเบิดเมื่อครู่จะทำเอาพรีสเฒ่าปวดระบมไปทั้งร่าง
แต่เขาก็ยังกัดฟันโบกมือไปมา
เพื่อจะบอกว่าตนเองไม่เป็นอะไร
"สำเร็จแล้วน่ะวิเวียน ตอนนี้ก็เท่ากับว่าเจ้าสามารถควบคุม
เวทย์ธาตุแสงระดับเลเวล 9 ได้สมบูรณ์แล้ว"
โบนเอ่ยขึ้นก่อนจะเอามือขยี้ผมของหญิงสาวไปมา
ทำให้สามารถเรียกรอยยิ้มจากหญิงสาวออกมาได้
"วันนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวเจ้าไปพักก่อนเถอะ
เพราะวันข้างหน้าเจ้าจะต้องการฝึกที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่านี้"
"คะ ??" วิเวียนเอ่ยรับด้วยความสงสัย
"พลังมาน่าที่เจ้าได้มาจากลินคอร์นนั้นวิเศษมาก
ปริมาณของมันเทียบเท่าแวมไพร์ชั้นราชาเลยทีเดียว
ดังนั้นข้าว่าถึงเวลาแล้ว
ที่เจ้าจะได้เรียนเวทย์แห่งแสงระดับเลเวล 10"