เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เจ้าพาลาดินเอื้อมมือไปสัมผัสร่างแวมไพร์สาวตรงหน้า
เพื่อตรวจสภาพว่านางแวม ไพร์เละเทะเพียงใด
แต่มันก็ต้องแปลกใจเมื่อมันพบว่า
เต้านมคู่สวยของเธอยังเต่งตรึงชูชันอยู่เหมือนเดิม
ทั้งที่พึ่งผ่านการบีบเค้นฟอนฟัดมาอย่างหนัก
โพรงหีที่น่าจะหลวมโพรกเต็มไปด้วยน้ำเงี่ยนเหนอะหนะ
กลับยังแน่นกระชับดูดตอดเช่นเดิม
แถมภายในก็ไม่มีน้ำเงี่ยนคั่งค้างให้น่ารำคาญใจ
มีแต่เพียงน้ำรักหอมหวานเท่านั้น
ทำให้เจ้าพาลาดินเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
เพราะสิ่งที่เดียวมันกังวลสำหรับแผนเอาคืนนี้
ก็คือนางแวมไพร์จะมีสภาพเละเทะ จนมันเย็ดไม่ลงนี่แหละ
เจ้าไซโคลนปลดร่างแวมไพร์สาวจะพันธนาการ
ก่อนจะวางร่างบนฟูกนอนที่มันเตรียมไว้
ก่อนที่มันจะเริ่มปฏิบัติการเย็ดทันที
เจ้าไซโคลนมันงัดท่อนเอ็นแข็งปั๋ง
พร้อมใช้งานออกมาจ่อโพรงหีแวมไพร์สาว
ก่อนที่จะยัดเข้าไปทีเดียวมิดด้าม
แวมไพร์สาวที่อยู่ในสภาพสะลืมสะลือกระตุกร่างเบาๆ
รับกับสิ่งแปลกปลอมที่แหวก เข้ามาในร่างกาย
และเมื่อทุกอย่างเจ้าพาลาดินก็เริ่มโยกเอวเย็ดทันที
"อือออออ" เสียงครางเบาๆในลำคอของแวมไพร์สาว
เร่งเร้าอารมณ์ของเจ้าพาลาดินไม่น้อย
มันจึงเริ่มเร่งจังหวะการเย็ดให้หนักหน่วงยิ่งขึ้น
สองมือของมันฟอนเฟ้นเต้างามคู่สวย
ราวกับจะให้มันแหลกคามือ ส่วนหัวจุกที่ชูชันนั้น
มันก็ใช้ปากขบกัดช่วยอีกแรง
เล่นเอาแวมไพร์สาวที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับ
ถึงกลับดิ้นพล่านไปมา
ร่องหีที่ถูกลุกล้ำก็ขมิบรัดอย่างรุนแรงตอบสนองไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเจอการตอบสนองจากแวมไพร์สาวเช่นนี้
ก็เล่นเอาเจ้าพาลาดินต้องซี๊ดปากด้วยความเสียวเช่นกัน
มันจึงเร่งจังหวะเย็ดกระแทกอย่างหนัก
เพื่อระบายความเสียวเช่นนั้นออกมา
ทำให้ไม่นานนักการเย็ดครั้งนี้ก็เข้าใกล้จังหวะสุดท้าย
เจ้าพาลาดินกอดร่างบางๆของแวมไพร์สาว
ไว้แน่นก่อนที่จะระเบิดความอัดแน่นที่
อยู่ในลำควยออกมา เจ้าพาลาดินยิ้มร่าอย่างสมใจ
เพราะในความคิดของมันนั้น
มันจะเร่งรีบไปทำไมในเมื่อมีเวลาเย็ดทั้งคืน
มันขอระเบิดน้ำกามให้เต็มคราบก่อน
แล้วจึงค่อยดูดพลังมาน่านังแวมไพร์ก็ไม่สาย
แต่ในขณะนั้นเอง
ชั่วขณะที่มันกำลังแช่ควยสบายอารมณ์
ร่างของมันก็โดนพลิกหงายอย่างแรงจนหลังกระแทกพื้น
ทำเอามันจุกเสียดไปไม่น้อย
จนกลายเป็นเปิดช่องว่างให้สองมือสองขา
ของมันโดนกดกับพื้นแน่น .... เป็นเวโรนิก้านี่เอง
ที่แท้เธอแกล้งทำเป็นสะลืมสะลือ
เพื่อรอจังหวะที่เจ้าพาลาดินเผลอ
ก่อนจะพลิกร่างมันให้นอนหงายก่อนที่เธอจะขึ้นค่อม
กดแขนกดขาของมันไว้แน่นเพื่อที่จะได้เป็นฝ่ายคุมเกมส์เสียเอง
"แก.....นังแวมมม" แต่ไม่ทันที่เจ้าพาลาดินจะพูดอะไรต่อ
แวมไพร์สาวก็ก้มลงมาก่อนที่จะจูบปากมันไว้
เพียงเท่านี้มันก็ไม่อาจจะส่งเสียงใดๆได้อีกแล้ว
แต่เจ้าพาลาดินไม่ยอมแพ้
มันรวบแรงทั้งหมดที่เพื่อหวังจะใช้แรงกายสะลัดหลุดให้ได้
แต่สภาพของมันในตอนนี้เหมือนหนูตะเภาที่อยู่ในกรงเล็บเหยี่ยว
ที่ไม่อาจจะดิ้นหลุดได้อีกแล้ว
แถมเวโรนิก้ายังขยับสะโพกไปมา
เพื่อขย่มใส่ท่อนควยอีกด้วย
จุมพิตแสนเร่าร้อนที่สามารถปลุกอารมณ์
เจ้าพาลาดินจนกระเจิง
ลีลาการขย่มควยที่ดุเด็ดเผ็ดมัน
จนเจ้าพาลาดินเสียววาบไปทั้งแท่งลำควย
ทั้งสองสิ่งนี้เป็นตัวตัดทอนพละกำลัง
จนตอนนี้เจ้าพาลาดินไม่มีแรงขัดขืนแวมไพร์สาวได้อีกแล้ว
ตอนนี้มันรู้แล้วล่ะว่าทำไมเจ้าพาลาดินคนอื่นถึงใช้วิธีเวียนเทียน
และมันรู้แล้วล่ะว่าตัวมันเองโง่เง่าแค่ไหน
ที่ประมาทมาเย็ดนางแวมไพร์ตนนี้เพียงลำพัง
สติของมันตอนนี้เริ่มลางเลือน เคลิบเคลิ้มไปกับรสสวาท
ก่อนที่วาระสุดท้ายของมันจะมาถึง
เพื่อน้ำเงี่ยนของมันระเบิดออกเต็มโพรงหี
"อาหหหห์" แวมไพร์สาวร้องครางอย่างสุขสม
ก่อนที่มดลูกของเธอจะดูดซับน้ำเงี่ยนเหล่านั้นอย่างหื่นกระหาย
ไม่นานนักสิ่งที่เธอต้องการก็ออกมาทันที
พลังมาน่าที่ทั้งหมดในชีวิตของพาลาดินหนุ่มถูกปลดปล่อยออก
ไหลวนรวมเข้ากับน้ำเงี่ยนที่แตกซ่าน
จากร่างหนุ่มแน่นไหลเข้าสู่แวมไพร์สาว
เล่นเอาเธอกระตุกเล็กๆรับพลังอย่างเสียวซ่าน
ไม่นานนักการถ่ายเทพลังก็เสร็จสิ้น
แวมไพร์สาวรู้สึกเอ่อล้นถึงพลังที่เพิ่มพูน
ตรงกันข้ามกับผู้แพ้ที่โดนสูบพลังจนร่างกายแห้งเหือดเป็นศพตายซาก
"ดอกไม้ไฟแสงจันทรา"
เวโรนิก้าร่ายเวทย์ไฟขึ้นมาบทหนึ่ง
ใส่ร่างที่แห้งเหือดของพาลาดินตรงหน้า
เมื่อโดนเวทย์นี้เข้าไปร่างที่เหือดแห้งนั้น
ก็ลุกไหม้และดับลงอย่างรวดเร็ว จนไม่เหลือแม้แต่ควัน
ที่จริงเวทย์นี้ไม่ได้มีพลังในการโจมตีอะไรนัก
แต่ลักษณะเด่นที่ลุกไหม้และ
ดับลงได้ทันทีจึงเหมาะอย่างยิ่งที่พวกแวมไพร์
จะใช้เพื่อกลบเกลื่อนหลักฐาน แต่สิ่งที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้น
นั่นก็คือเวทย์นี้เป็นเวทย์ที่อยู่ในระดับเลเวล 7 !!
นั่นหมายความว่า เวโรนิก้าก้าวข้ามขอบเขตของแวมไพร์ชั้นแม่ทัพ
ไปสู้แวมไพร์ชั้นขุนพลเสียแล้ว
"พลังมาน่าของพาลาดินสามารถเติมเต็มให้ตัวข้าได้งั้นเหรอ ดีล่ะ"
เวโรนิก้ายิ้มเหี้ยมก่อนจะหันไปมองเหล่าพาลาดินที่เหลือ
ตอนนี้พวกมันโดนยานอนหลับเข้าไปทำให้ถ้าเธอจะสังหาร
ก็ง่ายดังพลิกฝ่ามือ แต่ตัวเธอกลับมีความคิดที่ดีกว่านั้น !!
"เฮ้ยยยยย !!"
สโตนเฮดร้องลั่นก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาทันที
ใบหน้าของมันตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อที่แตกผล่าน
แสงแดดที่ส่องเข้ามาบ่งบอกเวลาว่านี่เข้าสู่ตอนเช้าแล้ว 'ตอนเช้า'
มันนั่งทบทวนอะไรบางอย่าง
เพราะถ้านี่ตอนเช้าไม่เท่ากับว่านี่มันหลับไปทั้งคืนหรอกเหรอ "แย่แล้ว"
มันร้องลั่นก่อนจะหันขวับไปทันที
ร่างของแวมไพร์สาวเวโรนิก้า !! ......... ก็ยังถูกจับห้อยอยู่เช่นเดิม
สภาพรอบตัวมันก็ยังเหมือนเดิมอยุ่ทุกอย่าง
สิ่งที่ผิดก็มีเพียงสมาชิกที่หายไป 1 คน
"เมื่อคืนไซโคลนมันวางยาพวกเรารึ"
ไอซ์เอจเอ่ยเสียงเข้มอย่างไม่พอใจ
"นี่มันคงรู้ตัวเลยหนีไปก่อนพวกเราตื่นแล้ว" โวลต์เอ่ยขึ้น
"ไอ้เด็กบ้า ..... ถ้าเจอหน้าข้าจะซัดมันแน่"
สโตนเฮดเอ่ยร้องอย่างกราดเกรี้ยว
"เรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลัง
ถึงยังไงเราก็ต้องดำเนินการตามกำหนดการเดิม"
เบิร์นพูดมาพร้อมกับเก็บแผ่น CD ที่วางไว้
"งั้นเราแยกกันตรงนี้
ข้าจะนำข้อมูลเมืองแซงจูรี่ย์ไปให้ท่านแลนด์ซาร์ต
ส่วนพวกเจ้าก็คุมตัวนังกระหรี่นี่ไปที่คุกอินเฟอโนดีๆล่ะ"
หลังจากพูดจบ เจ้าพาลาดินแห่งไฟก็เป็นคนที่สองที่แยกตัวออกไป
โดยทิ้งเสียงค่อนขอดของสโตนเฮดไว้ข้างหลัง
"ถ้าอยากพาไปคุกทำไมไม่พาไปเองว่ะ
ทางไปคุกอินเฟอโนใช่ว่าจะสบายน่ะเว้ย"
"ช่างเถอะน่า" โวลต์เอ่ยปราม
ก่อนจะหันไปมองร่างของแวมไพร์สาว
พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
"เราเอาเวลามาทำอะไรดีๆกันดีกว่า"
"ข้ามีข้อเสนอ" ไอซ์เอจกล่าวเสริม
"เรามี 3 คน ก็แยกกันคนละรูเป็นไง"
ข้อเสนอของไอซ์เอจเป็นที่ชอบใจของพาลาดินที่เหลือ
พวกมันทั้งหมดเดินเข้าไปหาแวมไพร์สาวที่โดนมัดแขวนอยู่
ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลงและมีเสียงครางสวาทดังขึ้นมาแทนที่
"พวกเจ้าจะทนไปถึงเมื่อไหร่ว่ะ !!"
ชายผมแดงที่ท่าทางเหมือนแกนนำตะโกนดังลั่น
"พวกมันฆ่าท่านนายบ้านแล้วยังยึดเสบียง
ที่เราสะสมไว้หน้าหนาวไปอีก
แล้วแบบนี้พวกเจ้าจะทนไปถึงไหนว่ะ
แต่สำหรับข้า ข้าไม่ทนแล้วเว้ย !!"
"เจ้าใจเย็นๆหน่อยสิว่ะ" ชายผมสีทองร้องขัด
"พวกนั้นมันพวกพาลาดินน่ะเว้ย
พวกมันมีอาวุธแล้วก็เวทย์มนต์
พวกเราเป็นแค่ชาวบ้านจะไปสู้มันได้ยังไงว่ะ"
"ข้าไม่กลัวเว้ยยยยย !!" ชายผมแดงไม่ยอมแพ้
"ถึงพวกมันจะมีเวทย์มนต์ แต่พวกเรามีเยอะกว่า
ถ้าเรารีบเข้าไปจัดการมัน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเราจะแพ้"
"พวกเจ้าจะไปกับข้าหม๊ายยยย"
ชายผมแดงประกาศก้อง ซึ่งก็ได้ผล
เหล่าคนหนุ่มในเมืองนี้ต่างอยู่ในอารมณ์โกรธแค้น
ต่างก็หยิบฉวยทุกสิ่งที่จะใช้เป็นอาวุธได้
โดยมีจุดประสงค์เพื่อไปสังหารผู้ที่มารุกรานพวกเขา
โดยไม่สนว่าคนเหล่านั้น จะเป็นพาลาดินหรือแวมไพร์
เมื่อรวมคนพร้อมอาวุธครบมือเรียบร้อยแล้ว
คนหนุ่มเหล่านั้นก็มุ่งหน้าไปยังบ้านพักหลังใหญ่
บ้านที่เคยเป็นบ้านพักของนายอำเภอที่นี่
บ้านที่ตอนนี้เป็นแหล่งหลับนอนของพวกที่มารุกราน
โดยที่การบุกจู่โจมครั้งนี้ปราศจากแผนการใดๆ
พวกเขาตกลงกันแค่เพียงว่าจะบุกเข้าไปในบ้านให้เร็วที่สุด
เมื่อไปถึงก็จะฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า
ไม่กี่อึดใจพวกเขาก็มาถึงที่หมาย
ก่อนจะวิ่งเต็มกำลังเพื่อบุกเข้าไปในตัวบ้านทันที