**แปล Auto โดย AI จาก Raw ต้นฉบับ คำเรียก สรรพนาม ชื่อ อาจมีผิดเพี้ยน แต่ยังสามารถเข้าใจเนื้อหาโดยรวมได้** 796 ตอนจบ
                        **แปล Auto โดย AI จาก Raw ต้นฉบับ คำเรียก สรรพนาม ชื่อ อาจมีผิดเพี้ยน แต่ยังสามารถเข้าใจเนื้อหาโดยรวมได้** 796 ตอนจบ
บทที่ 81 : หลอกจนเกือบสิ้นชีพ
“พวกท่านว่ามันอร่อยจริง ๆ หรือเจ้าคะ” หลู่เซิงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก
แม้นางได้ชิมไปแล้วและรู้ดีว่ารสชาติกลมกล่อมเพียงใด แต่สำนวนที่ว่า ‘ร้อยคนร้อยลิ้น’ ย่อมจริงแท้ ของที่นางพอใจ ไม่แน่ว่าผู้อื่นจะชอบด้วยเช่นกัน
“อร่อยสิ!” เหลียงผิงตอบทันควัน “เนื้อนุ่มแต่ไม่เละ มันแต่ไม่เลี่ยน ข้าว่านี่เป็นหมูสามชั้นที่อร่อยที่สุดที่ข้าเคยกินมาเลยล่ะ”
แม้รูปลักษณ์ของเขาจะดูซอมซ่อไปบ้างเพราะเป็นบัณฑิต แต่ถ้อยคำที่พูดออกมากลับมีสำเนียงแห่งวิชาการอยู่ในนั้น
ป้าอี้กับพี่สะใภ้เฉินก็พยักหน้าเห็นพ้องกัน สีหน้าทั้งคู่เปี่ยมด้วยความพึงพอใจ
“งั้นก็ดีแล้วเจ้าค่ะ” หลู่เซิงยิ้มบาง ๆ ก่อนถอนหายใจอย่างโล่งอก
นางเป็นคนที่มีความฝันอยากเปิดโรงเตี๊ยมของตนเองในอนาคต หากของที่ทำยังไม่เป็นที่ถูกใจผู้คน วันหนึ่งคงต้องปิดร้านไปอย่างแน่นอน ดังนั้นคำชมเพียงเล็กน้อยในยามนี้ก็มีค่าสำหรับนางนัก
คืนนั้นอากาศเย็นกว่าทุกคืนที่ผ่านมา
หลู่เซิงห่มผ้าหนาอยู่บนเตียง ทว่ากลับรู้สึกหนาวยะเยือกอย่างประหลาด นางลุกขึ้นตรวจดูห้องของอาเจียงกับอาซิน กลัวว่าเด็กทั้งสองจะไม่อบอุ่นพอ พอเห็นว่าทั้งคู่หลับสนิทใต้ผ้าห่มหนาแล้ว นางจึงค่อยวางใจกลับออกมา
แต่พอก้าวถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบามาจากนอกกำแพงเรือน
นางหยุดฟังอย่างตั้งใจ เสียงนั้นเป็นของบุรุษหลายคน พูดคุยกันแผ่วเบาแต่เร่งเร้าในที
กลางดึกเช่นนี้... มีบุรุษมาทำอะไรกันนอกกำแพงบ้านข้า?
คิ้วของหลู่เซิงขมวดแน่น ก่อนมุมปากจะค่อย ๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นยะเยือก
นางควักยันต์ออกมาจากอกเสื้อหนึ่งแผ่น ฉีกมันออกด้วยปลายนิ้ว ทันใดนั้นหมอกสีดำก็ลอยคลุ้งออกมา พร้อมลมเย็นที่พัดวูบเข้ามาจนขนลุกซู่
“ไปเฝ้ากำแพง” เสียงของหลู่เซิงราบเรียบแต่เด็ดขาด “หากผู้ใดกล้าข้ามเข้ามา... จงปรากฏกายให้เห็น แล้วทำให้มันขวัญหนีดีฝ่อเสีย”
หมอกดำทั้งหลายขานรับด้วยความยินดี ก่อนลอยไปเกาะตามแนวกำแพงอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน ด้านนอกกำแพงบ้าน
หลู่ชวนแบกบันไดไม้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งมาด้วยกัน ด้านหลังยังมีชายอีกหลายคนเดินตามมาพร้อมเครื่องมือครบมือ
“ระวังหน่อย อย่าให้คนบ้านข้าง ๆ รู้เรื่อง” หลู่ชวนกระซิบเตือนเสียงเข้ม ทุกคนในหมู่บ้านล้วนรู้ดีว่าหลู่เซิงสนิทกับบ้านเหลียงมากเพียงใด ยิ่งหลี่เจิ้ง หัวหน้าหมู่บ้านยังคอยปกป้องนางอยู่เสมอ หากเขากับพวกถูกจับได้ว่าร่วมมือกับคนแปลกหน้าเพื่อมาขโมยของจากบ้านหลู่เซิงล่ะก็...เกรงว่าจะได้ถูกลากไปฟ้องต่อหน้าเจ้าเมืองไม่วันใดก็วันหนึ่ง
“เมื่อเข้าไปแล้ว เจ้าจุดกำยาน เจ้าคนนั้นไปจูงม้าออกมา” หลู่ชวนสั่งเสียงเบา “ม้าตัวนั้นข้าเห็นแล้ว วันนี้มันไม่ใช่ม้าธรรมดาแน่ ๆ ราคาคงไม่ต่ำกว่าร้อยตำลึงในตลาดม้า ส่วนข้า... จะไปเอาผ้าทอพวกนั้น”
เพียงเห็นผ้าทอไม่กี่พับ เขาก็รู้แล้วว่ามันเป็นของดี คนอย่างหลู่หรันไม่มีปัญญาใช้แน่ ขายได้คงพอซื้อเหล้าอยู่ได้อีกหลายเดือน...
ชายร่างใหญ่ที่ถือยานอนหลับในมือปีนขึ้นบันไดไปก่อนด้วยความกระสันอยาก เขาได้ยินจากหลู่ชวนว่าหลู่เซิงเป็นหญิงงามล้ำ จึงแอบคิดเรื่องต่ำช้าในใจ ขายให้นางโลมทั้งที เสียดายของแท้ ๆ... ถ้าได้ลิ้มรสก่อนก็คงคุ้มค่าร้อยตำลึงแล้ว
เขาคิดพลางหัวเราะเบา ๆ อย่างหื่นกระหาย
แต่ยังไม่ทันได้ปีนพ้นกำแพงดี เงาดำรูปร่างคล้ายคนก็ค่อย ๆ ปรากฏอยู่ตรงหน้า
เงานั้นมีจมูก มีตา แต่ทุกอย่างพร่ามัวคล้ายหมอกหนาทึบ จากนั้นริมฝีปากก็แย้มยิ้มกว้างจนผิดธรรมชาติ พร้อมเสียงหัวเราะ “เจี๊ยก... เจี๊ยก...” ดังลอดออกมา
ความหนาวแล่นขึ้นจากฝ่าเท้าถึงกระหม่อม ชายร่างใหญ่หน้าซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้างจนแทบถลน
“มัวทำอะไร! เร็วเข้าสิ!” เสียงหลู่ชวนดังขึ้นจากข้างล่าง
แต่ชายคนนั้นกลับตัวแข็งทื่อ มองเงาดำเบื้องหน้าด้วยความสยดสยอง ก่อนจะกรีดร้องสุดเสียง
“ผะ... ผี! ผีหลอก!!”
เสียงร้องของเขาดังก้องจนฝูงนกกลางดึกสะดุ้งบินหนี ร่างใหญ่สะดุดขอบบันได พลัดตกลงมาทับพวกที่ยืนอยู่ข้างล่างเสียงดัง โครม!
คนที่ยืนอยู่เบื้องล่างไม่ทันระวัง พากันรับร่างเขาเต็มแรง กลายเป็น “เบาะรองศพ” อย่างไม่ตั้งใจ
เสียงโอดครวญระงม ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของกลุ่มโจรผู้โชคร้าย