เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
สถาพเธอในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเขาเลย
ท่อนล่างที่เปลือยเปล่า เนินสวาทที่เปียกเยิ้ม
กำลังเคลื่อนกายลงมาช้าๆ
ก่อนที่จะค่อยๆกลืนท่อนเอ็นขนาด 8 นิ้วนั้นเข้าไป
"ซิ๊ดดดดดดดด" เธอสูดปากอย่างเร่าร้อน
เนื่องจากพลังมาน่าที่ปั่นป่วนในร่างกาย
มันก็ส่งผลกระทบให้ช่องคลอดของเธอบีบรัดรุนแรงขึ้นเป็นพิเศษ
ทำให้ทุกครั้งที่เธอขยับสะโพกเข้าใส่
หัวหยักก็จะยิ่งครูดไปมากับช่องคลอด
นั่นก็ยิ่งทำให้เธอเสียวซ่านขึ้นเป็นทวี
จนเธอต้องยิ่งกระแทกสะโพกหนักเข้าไปอีก ถึงตอนนี้
ภายในรถตอนนี้มีเพียงเสียงเนื้อกระแทกกันป๊าบๆ
สลับกับเสียงครวญครางอย่างเร่าร้อนที่ดังระงม
"อาร์ตตตต อาร์ตตตตต ........ อ๊า ..........อ๊า"
วิเวียนร้องครางอย่างสุขสม
มือที่ว่างอยู่ของเธอเอื้อมลงมาถลกเสื้อของเขาทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
จนตอนนี้สภาพของเขาเปลือยเปล่าปราศจากอาภรใดๆ
สภาพแบบนี้แหละที่เธอรู้สึกเร้ารวญใจเป็นที่สุด
แต่ไม่ทันที่เธอจะทำอะไรต่อชายหนุ่ม
ก็เอื้อมมือไปจับสะโพกกลมสวยของเธอ
ก่อนจะกระเด้าเอวสวนเข้าไปอย่างรุนแรง
เล่นเอาหญิงสาวต้องผวาลงไปกอดร่างเปลือยเปล่าของเขาอย่างสุดเสียว
"อย่าหยุดน่ะ อย่าหยุดน่ะ"
เธอพร่ำร้องอยู่ข้างหูเขาอย่างแผ่วเบา
ตอนนี้ตัวเธอเดินทางมาถึงปลายทางแล้ว
หญิงสาวยิ่งผวากอดชายคนรักตรงหน้าแน่นไปอีก
พร้อมกับเด้งสะโพกสวนเข้าใส่ชายหนุ่มอย่างเร่าร้อน
ริมฝีปากของเธอวางประกบกับปากของเขา
ช่องคลอดของเธอก็บีบรัดเข้าไปอีกอย่างรุนแรง และใส่ที่สุด
"อ๊ายยยยย" เธอหวีดร้องออกมาเสียงดังลั่น
ตอนนี้เธอถึงจุดหมายที่ต้องการแล้ว
พลังต่างๆที่อัดแน่นอยู่ในร่างกายถูกปล่อยออก
พร้อมๆกับความเสียวซ่านที่ได้ระบายออกมา
"โอ๊ะ" ส่วนชายหนุ่มก็ตกใจไม่แพ้กัน
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงพลังที่ไหลออกมาจากตัวผู้อื่น
พลังเหล่านั้นไหลผ่านเข้ามาสู่ร่างเขา ผ่านทางท่อนเอ็น
แล้วไปสู่ทั่วร่างกาย แต่เมื่อมันแล่นเข้ามาสู่หัวเขานี่สิ
ภาพบางอย่างก็ผุดขึ้นมาทันที
นครศักดิ์สิทธิ์ แซงจูรี่ย์
นครแห่งนี้แม้เนื้อที่บริเวนจะไม่ได้กินเนื้อที่มากมายเชกเช่นนครใหญ่อื่นๆ
แต่ความสำคัญนั้นกลับยิ่งใหญ่สำคัญกว่านครมนุษย์ไหนๆ
ใน wonderland เสียอีก เนื่องจากนครแห่งนี้
เป็นศูนย์กลางของศิลปวัฒนธรรมต่างๆทั่วโลก
ซึ่งเห็นได้จากสถาปัตยากรรมต่างๆ
ที่ขึ้นเรียงรายโดยล้อมนั้นมีความสวยงาม
ตระการตายิ่งกว่าสถานที่ไหนๆ
ขนาดเวลาล่วงเลยผ่านพ้นมาหลายพันปี
นครแห่งนี้กลับดูไม่เสื่อมโทรมลงเลย
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้นครแห่งนี้ถูกขนานนามว่านครศักดิ์สิทธิ์
ก็เนื่องจากว่าที่นี่เป็นสถานที่ตั้งของโบสถ์คาดินัลล์
โบสถ์ศักดิ์สิทธ์ที่ยิ่งใหญ่และงดงามที่สุดราวกับราชวังก็ไม่ปาน
โบสถ์ที่เป็นสถานที่พำนักของสังฆราชสูงสุด
ผู้ที่เป็นผู้นำของเหล่าพรีส ไม่แค่นั้น
ภายในโบสถ์แห่งนี้ยังประกอบไปด้วย
สถานที่ฝึกวิชาหลายแขนงที่ช่วยสรรสร้าง
พรีสรุ่นใหม่ออกมามากมาย เปรียบแล้วก็เท่ากับว่า
นครแห่งนี้ก็คือนครหลวงของเหล่าพรีสนั่นเอง
ทำให้ผู้คนที่ใฝ่ฝันอยากเป็นพรีสเดินทางมาที่นครแห่งนี้ไม่ขาดสาย
นครแห่งนี้จึงไม่เคยหลับใหลไม่ว่าจะทั้งกลางวันหรือกลางคืน
"แม่จ๋า แม่จ๋า"
เด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยร้องเสียงใส
พร้อมกับกระตุกแขนมารดาของเธอเบาๆ
พร้อมกับชี้ให้ดูภาพเบื้องหน้า
ภาพเบื้องหน้าที่เป็นร้านขายไอครีมเลื่องชื่อของที่นี่
สิ่งที่ทำให้ร้านแห่งนี้พิเศษกว่าร้านอื่นก็คือรสชาติที่หอมหวาน
แถมเจ้าของร้านยังสามารถตกแต่งตัวไอครีม
จากไอครีมธรรมดาเป็นรูปทรงอะไรก็ได้
ทำให้ร้านนี้มีไอครีมที่ปั้นเป็นรูปสิงสาราสัตว์อยู่เต็มไปหมด
"ขอถ้วยหนึ่งจ๊ะ"
หญิงผู้เป็นแม่ทนเสียงรบเร้าจากลูกสาวไม่ไหว
จึงตัดสินใจซื้อให้เธอถ้วยหนึ่ง
เป็นไอครีมก้อนที่ปั้นแต่งเป็นกระต่ายน้อยน่ารัก 3 ตัว
ลูกสาวตัวน้อยของเธอร้องขึ้นอย่างดีใจ
ก่อนจะตักไอครีมแสนหวานนี้เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
มารดาของเธอต้องเผลอยิ้มแย้มอย่างมีความสุขตามไปด้วย
แต่ชั่วขณะเดียวหญิงสาวก็ต้องหุบยิ้มลง
เมื่อชายที่อยู่ด้านข้างขยับเข้าหาเธอพร้อมกับจ้องมาที่เธอเขม็ง
แม้เขาจะไม่พุดอะไรแต่เธอก็เข้าใจความหมายนั้นดี
"ไปต่อเถอะลูก เดี๋ยวท่านจะรอ"
สองแม่ลูกเดินตามทางช้าๆโดยมีจุดหมาย
ก็คือโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์คาดินัลล์ที่ตั้งอยู่กลางใจเหมือง
โดยรอบข้างของเธอมีพรีสกลุ่มหนึ่งคอยอารักขาไม่ห่าง
แต่ยิ่งเธอขยับเข้าใกล้โบสถ์มากเท่าไหร่
เธอก็ยิ่งใจหายเพราะเท่ากับว่าเธอ
ใกล้จะต้องแยกจากกับลูกสาวผู้เป็นที่รักของเธอ
"ลูกอยู่นี่ต้องขยันตั้งใจเรียนนะ"
เธอบีบมือลูกสาวก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ
"ค่ะแม่ .... หนูจะตั้งใจเรียนจะได้เป็นพรีสเร็วๆ
แล้วจะได้กลับมาที่หมู่บ้าน ปกป้องแม่
ลุงอาโนลด์ ป้ามิเชล แล้วก็ทุกๆเลยด้วย"
เด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยตอบเสียงใส
ทำเอามารดาของเธอแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ต้องอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นมากอดไว้แนบอก
เพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เธอก็ต้องจากลูกสาวไปนาแสนนาน
"ถึงแล้ว" เสียงพรีสที่ติดตามมากับเธอเอ่ยขึ้น
ช่วยลุกเธอให้หลุดจากภวังค์
และเมื่อเธอมองตามออกไปก็จะพบโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์
ที่มีขนาดใหญ่โตยิ่งกว่าที่เธอจิตนการไว้เสียอีก
โดยเฉพาะประตูหน้าของโบสถ์ที่ใหญ่โตจยิ่งกว่าประตูไหนๆ
ราวกับเป็นประตูที่กั้นระหว่างโลกข้างนอกกับภายในยังไงยังงั้น
แต่เธอก็ตื่นตะลึงกับตัวโบสถ์ได้ไม่นาน
เธอก็ต้องพบสิ่งที่น่าตื่นตกใจยิ่งกว่า
เมื่อมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งก้าวออกจากประตู
"ทะ ..... ท่านสาธุคุณรอส"
เหล่าพรีสที่ติดตามสองแม่ลูกเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ
ก่อนจะรีบก้มลงทำความเคารพแทบไม่ทัน
โดยที่สังฆราชสูงสุดผู้นี้ไม่ได้ให้ความสนใจแม้แต่น้อย
เพราะตอนนี้เขากำลังจับจ้องไปยังเด็กหญิงตัวน้อย
ที่อยู่ภายในอ้อมกอดของมารดา
ชายชราเปรยตาไปพรีสรับใช้คู่กายเล็กน้อย
ซึ่งพรีสผู้นั้นก็เข้าใจคำสั่งทันที
เดินไปอุ้มเด็กหญิงคนนั้นออกจากมารดาทันที
พร้อมกับปลดฮูดที่คลุมศีรษะออก
เผยให้เห็นผมยาวสลวยสีเงินแวววาวของเด็กน้อย
"วิเศษๆ" ชายชราผู้อยู่เหนือพรีสทั้งมวลเอ่ยร้องอย่างยินดี
ก่อน จะเอื้อมมือไปลูบไล้เรือนผมของเด็กหญิงตัวน้อย
"ตรงตามตำราว่าไว้ทุกอย่าง ไม่ผิดจริงๆ
หนูน้อยคนนี้แหละคือผู้ใช้ธาตุแสงสว่าง
ทีนี้แหละชัยชนะก็เป็นของข้าแล้ว ฮ่าๆๆ"
"พานางออกไปได้แล้ว"
พรีสรับใช้ของสาธุคุณรอสเอ่ยดังลั่น
พรีสเหล่านั้นคำนับรับคำสั่งไปหนึ่งที
ก่อนจะกันหญิงสาวออกห่างออกไป
ซึ่งเธอในตอนนี้ทำใจไม่ได้เสียแล้วกับการต้องจากลูกสาว
น้ำตาของผู้เป็นแม่หลั่งไหลออกมาดังลั่นไม่สนใจใคร
"แม่จ๋าๆๆ" เด็กหญิงร้องไฟ้ลั่นเมื่อเห็นแม่เดินห่างออกไป
ครั้นเด็กหญิงจะวิ่งตามก็ไม่สามารถทำได้
เนื่องจากมือของเธอ
โดนเกาะกุมโดยชายชราที่อยู่ด้านข้าง
เด็กน้อยในตอนนี้ก็จึงทำได้แค่เพียงร้องไห้สะอึกสะอื้นเท่านั้น
"โอ๋ ...... ไม่ต้องร้องน่ะหนูน้อย หนูชื่ออะไรหืม ?"
สาธุคุณรอสเอ่ยปลอบประโลมเด็กหญิง
พร้อมกับปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม
"วิเวียนค่ะ" เด็กหญิงตอบ
"ไม่ต้องเสียใจ อีกไม่นานหนูก็จะได้เจอแม่ของหนูอีกครั้งแล้ว
ตอนนี้หนูก็อยู่กับลุงไปก่อนน่ะ มาลุงจะเป็นพ่อให้หนูเอง
ไหนลองเรียกคุณพ่อสิ"