เธอ ‘หัวหน้าแม่มดแห่งเมียวเจี่ยง’ เกิดใหม่ในร่างสาวน้อยที่น่าสมเพชที่ถูกทุกคนรุมรังแก เธอกลายเป็นคนมีชื่อเสียงและโลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจบันเทิงและกลายเป็นเจ้าชายแห่งชาติที่มีเสน่ห์ต่อหัวใจของหญิงสาว
เธอ ‘หัวหน้าแม่มดแห่งเมียวเจี่ยง’ เกิดใหม่ในร่างสาวน้อยที่น่าสมเพชที่ถูกทุกคนรุมรังแก เธอกลายเป็นคนมีชื่อเสียงและโลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจบันเทิงและกลายเป็นเจ้าชายแห่งชาติที่มีเสน่ห์ต่อหัวใจของหญิงสาว
ตอนที่ 22: หลิงเซิง คุกเข่าลง! (Re-edited)
“หลิงเซิง คุกเข่า!” หลิงเจิ้นเซิงโมโหจัดขณะที่จ้องไปยังลูกชายคนโต
“เจิ้นเซิง ค่อยๆ พูดจา...”
“ค่อยๆ พูดจา? หลิงจื่อยังเป็นแค่เด็ก เขาจะไปสถานที่แบบนั้นด้วยตัวเองได้ยังไง นี่คือสิ่งที่พี่ชายคนโตทำกับน้องตัวเองอย่างนั้นเรอะ”
“พ่อครับ ไม่ใช่ความผิดผมสักหน่อย หลิงจื่อเป็นคนอยากไปเอง” หลิงเซิงไม่ยอมคุกเข่า เขามองหลิงจื่อด้วยสายตาเจ็บแค้นและเชิดหน้าขึ้นอย่างดื้อรั้น
“หลิงจื่อ บอกพ่อมาให้หมด”
หลิงจื่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและหัวเราะคิกคัก “ผมจะไปที่นั่นทำไม ผมเข้าไปไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะผมยังไม่บรรลุนิติภาวะ พี่ใหญ่เป็นคนพาผมเข้าไป นั่นแหละผมถึงเข้าไปได้”
“หลิงจื่อ แก…” หลิงเซิงโกรธจนเกือบตาย เขารู้สึกว่ากรามของเขาเริ่มเจ็บอีกครั้ง
“หลิงเซิง คุกเข่าลง!” หลิงเจิ้นเซิงคำรามอีกครั้ง “น้องชายของลูกอายุแค่สิบห้าปี ถ้าพาเขาไปที่นั่นแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเขา พ่อจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
ริมฝีปากของหลิงจื่อยกโค้งเมื่อได้ยินอย่างนั้น หลิงเจิ้นเซิงใส่ใจเฉพาะชื่อเสียงของตัวเองเท่านั้น
เฮอะๆ
เธอหัวเราะและมองไปที่พ่อและลูกชายด้วยสายตาสมเพช
“อีกอย่าง ลูกจงใจพูดต่อหน้าเยว่ฉานว่าน้องชายของลูกไปปรากฏตัวที่นั่น ลูกกำลังวางแผนอะไรอยู่ อยากให้เขาเห็นพ่อเป็นตัวตลกนักเหรอ”
“เจิ้นเซิง หลิงเซิงยังเด็กอยู่นะ ลูกจะรู้ได้ยังไง ลูกเพิ่งได้ยินจากสารวัตรเยว่ว่ามีวัยรุ่นไปที่นั่น ลูกก็เลยพูดออกมา ทำไมคุณต้องโมโหมากขนาดนั้นด้วย”
“ทำไมงั้นเหรอ คุณรู้ไหมว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลิงจื่อในสถานที่แบบนั้น ผมอาจรักษาตำแหน่งของผมไว้ไม่ได้”
“ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะ” มู่เสวี่ยหลิงอดใจหายวาบไม่ได้
“ร้ายแรงขนาดนั้นเลยล่ะ ผู้หญิงอย่างคุณจะไปรู้อะไร ถ้าเรื่องหลิงเซิงพูดกลายเป็นเรื่องจริงจังขึ้นมาและเยว่ฉานบอกกับท่านประธานาธิบดีว่าผมปล่อยให้เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะไปที่สถานที่แบบนั้น ครอบครัวของเราจบสิ้นแน่” หลิงเจิ้นเซิงไม่ได้พยายามทำให้เธอกลัว สิ่งที่เขาพูดคือความจริง
เขาทำงานให้กับฮ่องเต้และคอของเขาถูกผูกไว้กับเข็มขัดของฮ่องเต้ หากเขาไม่ระวัง หายนะย่อมมาเยือน
ตำแหน่งของเขาต้องไม่มีอะไรผิดพลาด
มู่เสวี่ยหลิงมองลูกชายอย่างไม่พอใจ “เซิงเอ๋อ บอกแม่มาทีว่าความจริงคืออะไร ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ขอโทษน้องชายของลูกกับพ่อของลูกเถอะ”
“ผม…” หลิงเซิงเหลือบมองหลิงจื่อ จากนั้นมองไปที่พ่อของเขา เขากัดริมฝีปากและพูดว่า “เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ เพื่อนร่วมชั้นของผมบอกว่าน้องของเขาจะจัดงานรวมตัว และขอให้เสี่ยวจื่อไปกับพวกเขาด้วย น้องชายของเพื่อนผมอยู่ชั้นเดียวกับเสี่ยวจื่อ ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะไปสถานที่แบบนั้น จากนั้นผมก็พาน้องเข้าไป ผมรู้สึกไม่ชอบใจเลยออกมา แต่น้องไม่ออกมาด้วย เพื่อนร่วมชั้นของเขาบอกให้เขารออยู่ก่อน...”
(การเรียกคนที่อายุน้อยกว่าจะใช้เสี่ยวขึ้นต้นและตามด้วยชื่อค่ะ ใช้ได้ทั้งหญิงและชาย ใช้เรียกคนที่สนิทสนมหรือญาติพี่น้อง)
“หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมได้ยินมาว่าพ่อกำลังจะไปงานเลี้ยงของคุณปู่ ผมจึงรีบกลับบ้านทันที ผมรอน้องอยู่ที่นั่นทั้งคืนไม่ได้ ผมแค่อยากจะช่วยสารวัตรเยว่จริงๆ นะครับ ผมไม่ได้หมายถึงอย่างอื่นเลยจริงๆ”
เขาพูดจริงครึ่งเท็จครึ่ง ความดื้อรั้นบนใบหน้าหายไปแล้ว แทนที่ด้วยความเสียใจ “ผมจะไม่ไปที่นั่นอีกแล้วครับ ผมผิดเอง พี่ขอโทษนายด้วยนะเสี่ยวจื่อ”
“นี่ลูก…” หลิงเจิ้นเซิงโกรธจนนิ้วสั่น
หลิงจื่อยังคงยิ้มอย่างแผ่วเบา แต่เธอไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการยกโทษให้
“กลับไปคัดลอกค่านิยมหลักของลัทธิสังคมนิยมร้อยครั้ง” หลิงเจิ้นเซิงทำได้เพียงพูดคำเหล่านั้นด้วยความโกรธ “หลิงจื่อ ลูกต้องตั้งใจอ่านหนังสือ ถ้าเข้าโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งไม่ได้ก็ออกไปจากตระกูลหลิงไป”