**แปล Auto โดย AI จาก Raw ต้นฉบับ คำเรียก สรรพนาม ชื่อ อาจมีผิดเพี้ยน แต่ยังสามารถเข้าใจเนื้อหาโดยรวมได้** 796 ตอนจบ
**แปล Auto โดย AI จาก Raw ต้นฉบับ คำเรียก สรรพนาม ชื่อ อาจมีผิดเพี้ยน แต่ยังสามารถเข้าใจเนื้อหาโดยรวมได้** 796 ตอนจบ
บทที่ 86: พี่รองผู้โอหัง แห่งสกุลหลู่
“เจ้ากินเพียงบะหมี่เท่านั้นหรือ?”
หลู่หรันเหลือบมองหลู่เซิงพลางเอ่ยถามเสียงเรียบ “ยังอยากลิ้มลองสิ่งใดอีกหรือไม่”
หลู่เซิงพยักหน้าเบา ๆ “ข้าเพิ่งมาถึงนครตงเฉิงครั้งแรก ไม่รู้ว่าที่ใดมีอาหารเลิศรสบ้าง”
“อืม” หลู่หรันผงกศีรษะ “รอข้าอยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวข้ากลับไปเก็บของก่อน แล้วค่อยพาเจ้าออกไปกิน”
กล่าวจบเขาก็ยกสัมภาระจากไป เรือนพักนี้มีศิษย์อยู่แปดคน บัดนี้เหลือเพียงสอง สำนักศึกษาแห่งนี้มีศิษย์แค่ราวสามสิบคนก็เพราะได้ ท่านเจิน บัณฑิตหนุ่มผู้มีชื่อเสียงมาเป็นอาจารย์ผู้สอนจึงค่อยมีคนแห่มาสมัคร ก่อนหน้านั้นเหลือเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น
ผู้พักอาศัยมีทั้งผู้ยากไร้และผู้มั่งมี แต่กลับอยู่ร่วมกันอย่างสงบ
“พี่หลู่กลับมาแล้ว!”
อวี๋หยางยิ้มพลางลุกขึ้น เขาคือบุตรชายคนโตแห่งสกุลอวี๋ และเป็นพี่ชายของอวี๋หมิงเยว่ ผู้มีนิสัยสุภาพ
อีกผู้หนึ่งคือ มู่เอี่ยน บุตรชายของเถ้าแก่ร้านอาหารเทียนเสียง ผู้ร่าเริงคึกคัก
ทั้งสองเห็นหลู่หรันกลับมาจึงรีบเข้ามาแย่งสัมภาระในมือเขา “ได้ยินว่ามีแม่นางรูปงามมาหาพี่หลู่ ของในห่อนี้คือของกำนัลจากนางหรือ”
หลู่หรันทำท่าเฉยชา เอ่ยอธิบาย “แม่นางที่เจ้าว่านั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นน้องสาวข้าเอง”
“อ้อ…เป็นน้องสาว!” มู่เอี่ยนหัวเราะพลางแก้ผ้าเช็ดห่อออก พอเห็นของในห่อก็ร้องเสียงสูง “โอ้!”
เขามองหลู่หรันอย่างตะลึง ตบลิ้นดัง แปะ ๆ “พี่หลู่เอ๋ย พวกเราถูกเจ้าหลอกจนหัวปักหัวปำเสียแล้ว”
อวี๋หยางเองก็มองตาม พอเห็นของก็ถึงกับเบิกตากว้าง
หลู่หรันแต่ไหนแต่ไรล้วนมัธยัสถ์ยิ่งนัก ถึงขั้นไม่ค่อยซื้อเนื้อกิน ส่วนใหญ่ก็มีเพียงหมั่นโถวกับผักดอง แม้พู่กันขนร่วงก็ยังไม่กล้าซื้อใหม่
ทว่าในห่อกลับมีทั้งอาภรณ์แพรไหมหลายชุด ทั้งยังมีพู่กัน หมึก และฝึกหินหมึกชั้นเลิศ ราคาหลายร้อยตำลึง!
อวี๋หยางยิ้มกล่าว “พี่หลู่ ท่านช่างสำแดงความสามารถเพียงครั้งเดียวจนโลกตื่นตะลึง!”
ในเรือนพักนี้ นอกจากอวี๋หยางแล้ว ก็มีแต่มู่เอี่ยนเท่านั้นที่พอจะซื้อของพวกนี้ได้ ผู้ใดเลยจะคาดคิดว่า หลู่หรันผู้มัธยัสถ์ จะมีของหรูหราเช่นนี้
หลู่หรันขมวดคิ้วแน่น มองทั้งคู่ราวกับไม่เข้าใจ “พวกเจ้ากำลังพูดเรื่องอันใดกัน”
เหตุใดเขาจึงฟังไม่รู้เรื่อง?
“ยังจะทำเป็นไม่รู้เรื่องหรือ” มู่เอี่ยนแค่นเสียง “พู่กันด้ามนี้เป็นของชั้นเลิศ อย่างน้อยต้องร้อยตำลึง ส่วนฝึกหินหมึกนี่ ต่ำสุดก็สามร้อยตำลึง หมึกพวกนี้ก็อีกหลายสิบตำลึง พี่หลู่ ช่างใจกว้างเสียจริง”
หลู่หรันคิ้วขมวดลึกกว่าเดิม “พวกเจ้าไม่ได้ล้อข้าเล่นหรอกหรือ”
หลู่เซิงจะเอาเงินจากที่ใดมาซื้อของแพงลิบเหล่านี้?
“ล้อเล่นอันใดกัน” มู่เอี่ยนทำหน้าแปลกใจ “ท่านไม่รู้ราคาของพวกนี้จริง ๆ หรือ”
อวี๋หยางก็พลันเข้าใจเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของหลู่หรัน ดูท่าเขาจะ ไม่รู้จริง ๆ
“สิ่งของเหล่านี้ผู้ใดมอบให้ท่าน” อวี๋หยางถามอย่างระมัดระวัง
“อาภรณ์พวกนี้ล้วนเป็นแพรไหม ในร้านขายผ้าราคาก็หลายสิบตำลึงต่อตัวแล้ว” มู่เอี่ยนยกเสื้อให้ดู
“ข้าจะออกไปข้างนอกสักครู่” หลู่หรันเดินออกจากเรือนพักด้วยสีหน้าว่างเปล่า ไม่สนใจเสียงเรียกของมู่เอี่ยนแม้แต่น้อย
หลู่เซิง หลู่เจียง และหลู่ซินยืนรออยู่ด้านนอก พอเห็นหลู่หรันก้าวออกมาด้วยสีหน้าเย็นชาและห่อของในอ้อมแขน ต่างก็ทอดถอนใจ
ดูท่า…พี่รองคงเห็นของเหล่านั้นและเดาราคาคร่าว ๆ ได้แล้ว
จริงดังคิด หลู่หรันดึงน้องสาวออกไปด้านข้างทันที เอ่ยถามเสียงเย็นเฉียบ
“ของพวกนี้ เจ้าได้มาจากที่ใด แล้วเหตุใดจึงไปยังจวนหลินเจียง”
หญิงสาวผู้ไม่ค่อยได้ออกจากตำบลหวงหยาง เหตุใดจึงไปถึง จวนหลินเจียง แถมยังหอบของล้ำค่ากลับมามากมายเช่นนี้?!