เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
"ถ้าเจ้าไม่อยากให้เขาถูกฆ่าตาย ก็ปล่อยเขาไปกับข้าดีกว่า"
"ไม่นะ" วิเวียนร่ำร้องอยู่ภายในใจ
เมื่อเห็นแวมไพร์สาวตรงหน้ากำลังพาชายคนรักเธอจากไป
ถ้าเป็นยามปกติเธอคงพยามขัดขวางเต็มกำลังไปแล้ว
แต่คำพูดขอแวมไพร์สาวเมื่อครู่
มันเสียดแทงหัวใจของเธอเหลือเกิน
มันจริงอย่างที่นางว่าทุกอย่าง
เพราะความจริงนั้นเธอก็รู้ดี
นายอาร์ตอยู่กับเธอก็อาจจะโดนพรีสคนอื่นทำร้าย
และถ้าเขาไปอยู่กับแวมไพร์ เขาอาจจะปลอดภัยมากกว่า
ดังนั้นเธอควรจะทำอย่างไรดี จะขัดขวางหรือปล่อยเขาไป
เธอไม่รู้เลยจริงๆ
หญิงสาว ทำได้แต่เพียงร่ำไห้ด้วยความอัดอั้น
และมองดูชายคนรัก ทะยานหายลับตาไป
4 วันต่อมา
"อึกกกกก" นายอาร์ตครางออกมาหนึ่งคำ
ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ
แต่ภาพที่เขาเห็นกลับมีแต่แสงสว่างจ้าไปหมด
อีกทั้งภายในหัวของเขาก็มีเรื่องราววุ่นวายสับสนอลม่าน
จนเขาจับต้นชมปลายไม่ถูก
ดูท่านี่คงจะเป็นผลข้างเคียงจากการที่เขาสลบไปหลายวันเป็นแน่
ดังนั้นสิ่งที่เขาควรจะทำก่อนอันดับแรก
ก็คือเขาต้องหลับตาลงไปก่อน เพื่อตั้งสมาธิ
แล้วคิดทบทวนเรื่องราวความทรงจำในหัวใหม่อีกครั้ง
สิ่งสุดท้ายที่เขาพอจะจำได้ก็คือ .... ในตอนนั้น
ตอนที่เขามีพวกพรีสกลุ่มนั้นตามมาสมทบ
และด้วยความประมาทหรือความไว้ใจก็ไม่รู้
ทำให้เขาไม่ได้ระวังภัยอันตรายเลย
และเจ้าพรีสพวกนั้นก็ฉวยจังหวะดังกล่าว
แทงดาบเล่มยักษ์เสียบเข้าท้องเขาอย่างจัง
ก่อนที่มันจะชักออกอย่างแรง จนบาดแผลเปิดกว้าง
โลหิตในร่างของเขาจำนวนมาก
จึงไหลทะลักออกมาจากบาดแผลราวกับเขื่อนแตก
แม้เขาจะพยามใช้สองมือกดปิดบาดแผล
แต่มันก็ไม่อาจขว้างกันโลหิตเหล่านั้นได้เลย
เมื่อเป็นเช่นนี้เขาคงจะตายแน่ๆ แต่ก่อนที่เขาจะกำลังหมดสติลง
สายตาของเขาก็มองไปเห็น ......... เธอ
"ตื่นแล้วเหรอ นี่เจ้าสลบไป 4 วันเต็มๆเลยรู้หรือเปล่า"
เสียงหวานๆที่คุ้นหูก็ดังขึ้น ที่จริงจะไม่ให้เขาคุ้นได้ยังไง
เพราะเจ้าของเสียงนี่เขาก็ได้เจอมาหลายครั้ง
และที่สำคัญเจ้าของเสียงเสียงนี้
ก็คือคนเดียวกับหญิงสาวที่เขาเห็นในความจำสุดท้าย
ใช่แล้ว เธอก็คือ แวมไพร์สาว เวโรนิก้า
"รอก่อนน่ะ เดี้ยวข้าจะไปหาอะไรมาให้กิน"
เวโรนิก้าพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป ตรงนี้
ทำเขารู้สึกแปลกใจเล็กๆ แวมไพร์นี่นะเหรอจะหาอะไรให้เขากิน
หวังว่าคงจะไม่ใช่เลือดสดๆนะ
เวลาผ่านไปไม่นานนัก แวมไพร์สาวก็กลับมา
พร้อมกับข้าวต้มร้อนๆหม้อใหญ่ในมือ
ก่อนที่เธอจะวางมันลงบนโต๊ะ
แล้วจัดแจงตักแบ่งใส่ชามเล็กๆและพูดคุยกับชายหนุ่มไปพร้อมกัน
"เจ้าโชคดีน่ะ ที่แอสการ์ดนี้มีข้าอยู่
มันก็เลยยังมีคนพอทำอาหารมนุษย์ให้เจ้าทานได้
แต่ข้าก็ไม่รู้น่ะว่ามันจะทานได้ไหม
เพราะตั้งแต่ข้าเป็นแวมไพร์มา 50 กว่าปี
ข้าก็ไม่ได้ทำอาหารแบบนี้อีกเลย"
"ฉันไม่กิน !!" นายอาร์ตร้องเสียงแข็งกร้าว
"หืมมมมมม" แวมไพร์สาวลากเสียงสูง
ก่อนจะวางถ้วยชามลง
แล้วเดินไปหาชายหนุ่มที่นอนนิ่งบนเตียง
"พอตื่นขึ้นมาก็ออกฤทธิ์เลยน่ะ ทำไมเหรอ เจ้าต้องการอะไร"
"ฉันน่าจะเป็นฝ่ายถามมากกว่า ว่าเธอต้องการอะไร"
นายอาร์ตหันมาจ้องตอบ
"ถ้าแค่ไม่อยากให้ฉันต้องตายไปก่อน
ก็ไม่ต้องมาสร้างภาพทำเป็นดูแลฉันหรอก
เพราะยังไงเธอก็แค่ต้องการ
จะเอาตัวฉันไปทำพิธีที่ค้างไว้ต่อให้จบ
ถึงตอนนั้นฉันก็ต้องตายอยู่ดี"
"มันจะทำให้เจ้าตายได้ยังไง" แวมไพร์สาวเอ่ยถามกลับ
พร้อมกับนั่งลงที่ข้างเตียงเขา
ซึ่งชายหนุ่มก็ตอบโต้ด้วยการขยับตัวหนี
เพื่อบ่งบอกว่าเขาไม่ต้องการอยู่ใกล้เธอ
แต่แวมไพร์สาวก็ยังไวพอที่จะคว้าแขนชายหนุ่มไว้ได้ทัน
เพื่อให้เธอได้มีโอกาสพูดประโยคต่อไป
"พิธีปลุกวิญญาณมันไม่มีอันตรายกับเจ้าหรอก
พิธีนี้มันก็แค่ทำให้เจ้ากลับมาเป็น
ท่านอาลูคาร์ดโดยสมบูรณ์แค่นั้น"
"พอสักทีเถอะ !!" นายอาร์ตตวาดลั่น
พร้อมกับกระชากแขนออกอย่างแรง
"จะให้ฉันเชื่อเหรอ ฉันจะเชื่อใจใครได้อีก
เธอลองดูสิ แผลที่ท้องฉัน
ฉันก็ได้มาเพราะไอ้คำว่าเชื่อใจนี่แหละ"
"ก็เชื่อใจข้าไง" แวมไพร์สาวเอื่อมมือไปสัมผัสแก้มเขาเบาๆ
พร้อมกับค่อยๆหันใบหน้าของเขามาสบตากับเธอ
"ข้าจะไม่ยืนยันกับเจ้าด้วยคำพูดหรอกน่ะ
แต่ข้าอยากให้เจ้ามองตาข้าแล้วลองนึกย้อนดีๆสิ
ใครกันที่ช่วยชีวิตเจ้าอยู่เสมอ
แล้วแบบนี้เจ้าจะเชื่อใจข้าได้หรือยัง"
คำพูดของแวมไพร์สาวทำให้ชายหนุ่มที่มีท่าทีขัดขืนเมื่อครู่
ค่อยๆสงบลง จริงอย่างที่เธอว่า
เพราะเมื่อเขานึกย้อนกลับไป
ชีวิตของเขานี้ถูกเธอช่วยมาหลายครั้ง
เรียกได้ว่าถ้าไม่มีเธอ ป่านนี้เขาคงตายไปแล้ว
คนที่เคยช่วยชีวิตเขาก็ย่อมไม่มีเจตนาร้าย
เขาควรเชื่อเช่นนี้หรือเปล่า แต่ถ้าเขาเชื่ออย่างนั้น
นั่นไม่แปลว่าเขาควรจะอยู่กับพวกแวมไพร์อย่างงั้นเหรอ
"เจ้าก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ
ที่ผ่านมาทั้งหมดนี้ใครกันที่อยากฆ่าเจ้า
พวกพรีสพวกนั้นไม่ใช่เหรอ"
เวโรนิก้าเมื่อเห็นว่านายอาร์ตกำลังสับสน
ก็รีบพูดจาโน้มน้าวต่อทันที
"เชื่อข้าเถอะ เจ้าควรจะอยู่กับพวกเราต่างหาก
แล้วเราจะแก้ไขทุกอย่างด้วยกัน เมื่อถึงตอนนั้น
ก็ไม่มีอะไรจะทำร้ายเจ้าได้อีกแล้ว"
อยู่กับพวกแวมไพร์ ? เราควรอยู่กับพวกแวมไพร์อย่างนั้นเหรอ ?
นายอาร์ตได้แต่คิดสับสนอยู่ในใจ
เพราะจริงอย่างที่แวมไพร์สาวว่า
เขาเกือบโดนพวกพรีสฆ่า เมื่อเป็นแบบนี้
เขาก็คงไม่มีทางที่จะได้กลับไปอีกแล้ว
และเมื่ออยู่กับมนุษย์ไม่ได้
ที่ที่เขาควรอยู่ก็คืออยู่กับฝ่ายแวมไพร์หรือเปล่า .....
แต่ถ้าอยู่กับแวมไพร์ เขาไม่ต้องกลายเป็นแวมไพร์ไปด้วยงั้นเหรอ
และถ้าเขาเป็นแวมไพร์ ..... วิเวียนล่ะ
"ไม่ !!" นายอาร์ตตะโกนร้องในทันที
"ฉันรู้แล้ว ที่เธอพูดมาทั้งหมดก็เพราะ
จะให้ฉันยอมเป็นพวกแวมไพร์ใช่ไหม แต่ฉันไม่ยอมหรอกนะ
เพราะฉันไม่ใช่แวมไพร์ และก็ไม่มีวันที่จะเป็นด้วย"
"ทำไม !!" เวโรนิก้าตะโกนดังลั่นพร้อมกับ
แยกเขี้ยวอย่างเกรี้ยวกราด
ท่าทีที่ดูดุร้ายของเธอเช่นนี้ทำเอา
นายอาร์ตที่ต่อปากต่อคำกับเธอเมื่อครู่ถึงกับตกใจกลัว
พยามถอยหนี แต่ก็ยังช้าไป
เพราะแค่แวมไพร์สาวกระโจนทีเดียว
ก็สามารถขึ้นค่อมเขาได้ทันที
ก่อนที่แวมไพร์สาวจะกดชายหนุ่มให้นอนราบไปกับเตียง
จนสายตาของทั้งคู่ได้มาประสานกัน
"เพราะนางอย่างนั้นเหรอ"
แค่อ่านจากสายตาแวมไพร์สาวก็สามารถรับรู้ได้ในทันที
"เพราะนางพรีสคนนั้นใช่ไหม
ที่ฉุดรั้งเจ้าไว้ เจ้าถึงไม่ยอมเป็นพวกเรา
งั้นมาลองดูกันสิว่า ถ้าข้าทำให้เจ้าลืมนาง
เจ้าจะมีอะไรมาฉุดรั้งไว้ได้อีก"
"เธอจะทำอะไร !!" นายอาร์ตถามเสียงดังลั่น
แวมไพร์สาวจึงยิ้มน้อยๆแทนคำตอบ
ก่อนที่ร่างของเธอจะกระตุกอย่างรุนแรง
พริบตานั้นไอมาน่าสีเขียวเข้ม
ก็พุ่งกระจายออกมาจากร่างของเธอ
นายอาร์ตที่โดนแวมไพร์สาวค่อมอยู่
จึงต้องรับไอมาน่านี้เข้าไปเต็มๆ
ไอมาน่าที่มีสรรพคุณกระตุ้นความกำหนัดของเพศตรงข้าม
ซึ่งข้อนี้แม้แต่ตัวนายอาร์ตเอง ก็ไม่อาจต้านทานได้
อารมณ์ของเขาในตอนนี้พลุ้งพล่านอย่างบ้าคลั่ง
พอๆกับเลือดในกายเขาที่กำลังสูบฉีดอย่างรุนแรง
เมื่อเจอเข้าไปแบบนี้สติของเขาก็เริ่มจะเลือนลาง
ผิดชอบชั่วดีกำลังจะเลือนหาย
และเหลือเพียงสัญชาติญาณของสัตว์ป่า
ที่ต้องการจะเสพสมเท่านั้น
เวโรนิก้าก้มลงมองชายหนุ่มที่อยู่เบื้องล่าง
ด้วยประสบการณ์ของแวมไพร์สาวเริงกามอย่างเธอ
มองปราดเดียวก็รู้แล้ว
ว่าชายหนุ่มตกอยู่ภายใต้พลังมาน่าของเธอเต็มเปา
ดังนั้นเธอจึงไม่รอช้าที่จะดำเนินการขั้นต่อไป
ด้วยการกระชากผ้าห่มผืนบางที่คุมร่างชายหนุ่มออก
เผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าที่ซ่อนอยู่ข้างใต้ ไม่แค่นั้น
เธอยังถลกชุดแซกบางเบาของเธอขึ้นมาจนเหนือเอว
จนเห็นเนินหีอวบอิ่มของเธออย่างชัดเจน
จากนั้นเธอก็วางเนินหี นาบลงบนท่อนควย
ก่อนจะค่อยๆขยับเอวไปมา ให้เนินหีถูขึ้นลงตามลำควย
ลำพังแค่พลังมาน่าก็ทำเขาเงี่ยนจนแทบคลั่งอยู่แล้ว
นี่เขายังมาเจอเนินหีอุ่นๆที่ถูไปมาบนลำควยของเขาอีก เพียงเท่านี้
สามัญสำนึกของเขาก็ขาดลงอย่างไม่มีชิ้นดี
สองมือที่ว่างอยู่ก็คว้าหมับเข้าที่เต้าคู่สวยทั้งสอง
ก่อนที่จะขยำเล่นอย่างรุนแรง
เล่นเอาแวมไพร์สาวเผลอร้องออกมาหนึ่งคำ
แต่กระนั้นแทนที่เธอจะถอยหนี เธอกลับแอ่นหน้าอก
ราวกับท้าทายให้ชายหนุ่มขยำเล่นให้หนักขึ้นไปอีก
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังขยำเต้างามคู่สวยอย่างสนุกมือนั้น
สติที่เขาขาดหายไปเมื่อสักครู่ ก็กลับคืนมาเล็กน้อย
เมื่อมือเรียวงามของแวมไพร์สาว