เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
ขนาดที่ว่าในระยะ 10000 เมตรเช่นนี้
สามารถทำเวลาได้ภาย 10 วินาทีเท่านั้น
แต่ว่าคนในปราสาทเองก็ต้อง
พร้อมรับมือกลับแรงอัดมหาศาล
โดยเฉพาะอย่างยิงเวโรนิก้า
ที่ต้องเผชิญกับแรงอัดนี้เป็นครั้งแรก
ก็เล่นเอาเธอทรมานจนแทบอยากจะอาเจียนเลยทีเดียว
แต่ชั่วเสี้ยวขณะที่ปราสาทจะกระแทกลงสู้พื้น
ไอพ่นใต้ปราสาทก็จะทำงานทันที
ส่งผลให้ปราสาทกลับมาลอยได้อีกครั้ง
แถมยังส่งแรงอัดอากาศลงไปกระแทกพื้นเบื้องล่าง
จนเบื้องล่างเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่
ที่สามารถสั่นได้ทั้งเมือง
และเมื่อปราสาทลอยเหนือน่านฟ้าได้เรียบร้อย
สัญญาณก็เริ่มทันที เสียงกลองรบดังสนั่นหวันไหวไปทั่ว
เหล่าแวมไพร์ที่ถูกจัดในกลุ่มแรก
ก็พากันทะยานลงจากปราสาท
นำโดยชอลลี่และเหล่าแวมไพร์ที่สามารถใช้ธาตุลม
ในขณะที่แวมไพร์อีกหลายส่วนที่ใช้ธาตุลมไม่ได้
ก็ทะยานลงจากปราสาทเช่นกัน
โดยผ่านทางกระสวยที่เตรียมไว้
"ร่างจำแลงเทพโคงคา"
แต่ก่อนที่ชอลลี่จะถึงพื้น เธอก็ร่ายเวทย์ประจำตัวทันที
ร่างเนื้อของเธอกลายเป็นร่างน้ำขนาดยักษ์กลางอากาศ
ก่อนจะตกลงมายังพื้นเบื้องล่าง จนบังเกิดเสียงดังสนั่น
บ้านเรือนที่อยู่แถบนั้นถูกทำลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี
แวมไพร์สาวธาตน้ำหัวเราะร่างอย่างสะใจ
ก่อนที่เธอจะวาดซ้ายป้ายขวา
ทำลายอาคารบ้านเรือนที่อยู่รอบตัวให้รอบเป็นหน้ากอง
จากนั้นเธอก็เดินย่ำบ้านเรือนเหล่านั้น
โดยมีจุดหมายก็คือโบสถ์คาดินัลล์นั่นเอง
"แวมไพร์บุกๆๆๆ" เหล่าพรีสที่อยู่ในบริเวณนั้น
ร้องขึ้นอย่างตกตะลึง
ยิ่งเมื่อเห็นร่างน้ำขนาดยักษ์กำลังตรงเข้ามา
พวกพรีสเหล่านั้นก็ยิ่งแตกตื่นหวาดกลัว
แต่ยังดีที่มีบางคนตั้งสติได้
ร่ายเวทย์เข้าใส่ร่างยักษ์ตรงหน้าทันที
"มากันแล้วเหรอพวกพรีส" ชอลลี่ยิ้มเหี้ยมอย่างสะใจ
ที่เวทย์มนต์เหล่านั้นไม่อาจะสร้างความเสียหาย
ให้กับร่างน้ำขนาดยักษ์นี่ได้เลย เธอจึงเริ่มโต้กลับ
ด้วยการกระทืบเท้าอย่างแรง จนมันกลายเป็นคลื่นสึนามิ
ขนาดยักษ์พัดเข้าใส่พรีสกลุ่มนั้นจนกลืนหายไปกลับสายน้ำ
แต่ก่อนที่ชอลลี่จะเข้าใกล้โบสถ์ได้
สายฟ้าสายหนึ่งก็ฟาดใส่ร่างเธอทันที
แม้สายฟ้าสายนี้จะไม่รุนแรงพอที่จะสังหารเธอ
แต่ด้วยเวทย์ที่แพ้ทางกัน
ก็เพียงพอที่จะให้เธอต้องถอยหลังกลับไปได้
"ต้านมันไว้ อย่าให้มันเข้าใกล้โบสถ์ได้"
พรีสผู้หนึ่งที่เป็นเจ้าของสายฟ้าเมื่อครู่ตะโกนสั่ง
ดูจากการแต่งกายและยศที่
ประดับของเขาบ่งบอกว่าเขาเป็นพรีสระดับสูง
พรีสคนอื่นๆจึงรับคำเขาทันที
เหล่าพรีสทั้งหมดจึงเข้าไปล้อมหน้าล้อมหลังชอลลี่
ก่อนจะระดมร่ายเวทย์เพื่อหวังจัดการเธอให้ได้
"ไอ้พวกสวะ !!" ชอลลี่ร้องลั่นอย่างเดือดดาด
ก่อนจะที่จะเอื้อมมือไปฟาดเอาอาคารบ้านเรือนที่อยู่บริเวณนั้น
จนเศษอิฐเศษปูนปลิวกระเด็น
เข้ากระแทกเหล่าพรีสเป็นการตอบโต้
มิหนำซ้ำเธอยังสร้างคลื่นสึนามิซัดเข้าใส่อีก เพียงเท่านี้
เหล่าพรีสก็แตกขบวนไม่เป็นท่า
นี่ขนาดต้องรับมือแวมไพร์แค่ตนเดียว
เหล่าพรีสยังย่ำแย่ขนาดนี้
ดังนั้นเมื่อเหล่าแวมไพร์ที่ทะยานตามลงมาเข้ามาสมทบ
สถานการณ์หน้าโบสถ์จึงย้ำแย่ขึ้นเป็นทวีคูณ
แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนของเหล่าแวมไพร์ซะหมด
เพราะในหมู่กระสวยที่ทะยานลงมาก็มีไม่น้อยที่พลาดเป้าไปไกล
ดังเช่นลูกหนึ่งที่พลาดเป้าจากบริเวณหน้าโบสถ์
ไปตกลงที่เขตเมืองชั้นนอกของแซงจูรี่ย์
แต่ก็เหมือนโชคดีในโชคร้าย เพราะการพลาดเป้าของมัน
ทำให้มันได้พบเป้าหมายโดยบังเอิญ
"อาลูคาร์ดดดดด" มันเอ่ยขึ้นก่อนจะแยกเขี้ยวอย่างดุร้าย
ใช่แล้ว เจ้านี่ก็คือแวมไพร์ที่ปรากฏต่อหน้าวิเวียนนั่นเอง
"หัตถ์อสูรลมสะปั้น !!!" แต่ก่อนที่จะมีใครทำอะไร
คนแรกที่ขยับตัวก็คือโบน
เข้าจัดการร่ายเวทย์ไม้ตายเข้าใส่เจ้าแวมไพร์ตรงหน้าในทันที
แม้เจ้าแวมไพร์ตนนี้จะมีลำดับขั้นถึงชั้นแวมไพร์ขุนพล
เมื่อเจอเวทย์ที่ร้ายการเช่นนี้เข้าไป
มันก็ทำได้แค่ร้องออกมาหนึ่งคำก่อนจะสูญสลายไป
"อั๊กกกกก" แต่ชั่วเสี้ยววินาทีที่เขาจัดการเจ้าแวมไพร์ได้
โบนก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ก่อนจะล้มลง
"วันนี้.....ใช้เวทย์นี้ไป.....แค่ 3 ครั้งเอง
แค่นี้.....ก็ถึงกลับกระอักเลือด.....แล้วเหรอ
เกลียด.....ไอ้โรคบ้านี่จัง"
แต่ก่อนที่โบนจะล้มลงหัวฟาดพื้น
นายอาร์ตก็เข้าประครองไว้ได้ทัน
แต่แม้เขาจะป้องกันการล้มได้
แต่โรคที่พรีสเฒ่าเป็นก็ยังกำเริบไม่หยุด
จนนายอาร์ตต้องตระโกนถาม
"วิเวียน รีบใช้เวทย์รักษาเขาสิ !!"
"โรคของคุณโบน เวทย์มนต์รักษาไม่ได้หรอก
มีทางเดียวก็คือต้องพาไปรักษาตัวที่โบสถ์คาดินัลล์"
วิเวียนเอ่ยขึ้นก่อนจะหันหน้าไปทางมาร์กาเร็ต
"คุณมาร์กาเร็ตหนีไปยังหลุมหลบภัยก่อนดีกว่า
ตรงนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของวิเวียนเอง"
แม้มาร์กาเร็ตจะยังตื่นตกใจอยู่ไม่น้อย
แต่เธอก็ยังพอมีสติรับฟังคำจากวิเวียนได้
เธอจึงรีบถอยกลับไปบอกคนในร้าน
ให้รีบไปรวมตัวยังหลุมหลบภัยที่สร้างขึ้น
เมื่อวิเวียนเห็นผู้คนเริ่มทยอยหนีไปที่ปลอดภัยแล้ว
เธอก็เบาใจไปได้เรื่องหนึ่ง
ก่อนจะเอ่ยขอแรงนายอาร์ตเพื่อให้ช่วยพยุงตัวโบนไปที่รถ
ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึง
ก่อนจะประครองพรีสเฒ่าไปนั่งเบาะหลัง
โดยมีนายอาร์ตนั่งประกบด้านข้าง
ส่วนวิเวียนเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย
เธอก็เดินเครื่องก่อนจะพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง
แต่นับว่ามีเรื่องโชคดีอยู่อย่างหนึ่ง
เพราะพวกแวมไพร์ถูกเรียกไปรวมตัว
หน้าโบสถ์คาดินัลล์กันหมดแล้ว
จึงไม่มีแวมไพร์ตนใดเข้ามาขวางทาง
"วิเวียนเลี้ยวขวา"
โบนที่อาการพอจะทุเลาลงแล้วเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
"แต่ทางนั้นมันคนละทางกลับทางไปโบสถ์นะคะ"
พรีสสาวเอ่ยแย้ง
"เข้าโบสถ์ตรงๆ.....ได้เจอพวกแวมไพร์แน่"
โบนเอ่ยช้าๆก่อนจะพักหายใจชั่วครู่
"ต้องเข้าทางลับ.....ตามที่ข้าบอก"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นพรีสสาวก็หมดคำถามอีกต่อไป
เธอหักรถตามคำสั่งทันที
รถเหาะแล่นไปตามทางก่อนจะวกเข้าซอยเล็กๆ
ที่คดเคี้ยวมากมาย จนสุดท้าย
เส้นทางเหล่านั้นก็พารถของเธอเข้าไปเจอกับอาคารเก่าหลังหนึ่ง
ที่แท้อาคารเก่าหลังนี้ไม่ใช่อาคารธรรมดา
เพราะภายในอาคารมีทางลาดลงไปยังถนนใต้ดิน
ซึ่งถนนนี้เชื่อต่อไปยังชั้นใต้ดินของโบสถ์แซงจูรี่ย์ได้เลยทีเดียว
ซึ่งความลับของอาคารหลังนี้
ผู้ที่ทราบมีเพียงพรีสระดับสูงบางคนเท่านั้น
ด้วยเส้นทางนี้ เธอจึงสามารถเดินทางไปถึงโบสถ์ได้อย่างง่ายดาย
และจากการที่เธอวิทยุติดต่อไปยังศูนย์ ทำให้มีทีมแพทย์มารอรับ
โบนที่อาการเกิดกำเริบขึ้นมาอีกครั้งจึงถึงมือหมออย่างทันท่วงที
"อาร์ตค่ะ ฝากดูแลคุณโบนด้วยนะคะ"
วิเวียนเอ่ยฝากฝังอาจารย์ของเธอกลับชายคนรัก
และเพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเองด้วย
"แล้ววิเวียนล่ะ" ชายหนุ่มเอ่ยถาม
"วิเวียนจะไปช่วยคนอื่นๆ" เธอหันมาตอบ
อันที่จริงเขาก็พอจะเดาคำตอบนี้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว
แม้ใจเขาจะห่วงว่าเธอจะมีอันตราย
แต่เขาก็รู้ดีว่าคงห้ามเธอไม่ได้แน่
ทำได้แค่อวยพรให้เธอโชคดีเท่านั้น
เมื่อหญิงสาวพุ่งจากไปแล้ว
นายอาร์ตก็หันมาหาโบนที่กำลังนอนสลบบนเตียงไปแล้ว
ก่อนจะวิ่งตามทีมแพทย์ที่กำลังนำเขาไปห้องพยาบาล
แต่เขาก็วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
"คุณอาร์ตหยุดก่อน แล้วมากับพวกเราดีกว่า"
ผู้ที่พูดเป็นพรีสสาวหน้าตาสะสวย
ที่แม้จะมีวัยล่วงเข้าไปกว่า 40 ปีแล้ว
แม้เขาจะเคยเห็นเธอแค่ครั้งเดียวตอนเข้าเมืองมาช่วงแรกๆ
แต่เขาก็เชื่อเขาจำไม่ผิดแน่
พรีสคนนี้เป็นพรีสระดับรองสังฆราชสูงสุดฝ่ายซ้าย 'แองเจลล่า'
"แต่คุณโบน" นายอาร์ตเอ่ยขึ้นอย่างลังเลใจ
"คุณโบนได้ถึงมือแพทย์ ตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้ว"
แองเจลล่าเอ่ยตอบเสียงเย็ยเฉียบ
"แต่ตัวคุณต่างหากที่น่าเป็นห่วง
คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอที่พวกแวมไพร์มันแห่กันมา
เพราะอะไร มากับเราดีกว่า เราจะพาคุณไปที่ปลอดภัยที่สุด"
ทันทีที่แองเจลล่าพูดจบ
เหล่าพรีสหนุ่มที่ยืนแวดล้อมเธอก็เข้ามาประกบเขาทันที
ทำให้เขาในตอนนี้ไม่เหลือทางเลือกใดๆได้อีก
นอกจากจะยอมตามพวกเขาไป
ซึ่งเมื่อเห็นชายหนุ่มยอมเดินตามไปแต่โดยดีแล้ว
แองเจลล่าจึงละสายตาไปยังทางที่วิเวียนพึ่งจากไป
"นังเด็กเหลือขอ ชักศึกเข้าบ้าน"
แองเจลล่าเอ่ยขึ้นเบาๆอย่างกราดเกรี้ยว
ก่อนจะหันไปสั่งพรีสหนุ่มข้างกาย
"หาจังหวะเหมาะๆ แล้วสังหารร่างอวตารของอาลูคาร์ดซะ !!"
"มันเป็นแวมไพร์ธาตุน้ำ
ให้พรีสทุกคนที่ใช้เวทย์สายฟ้าระดมยิงใส่มันซะ"