เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น
บาเรียที่เกิดจากมนต์แค่เลเวล 6
กลับดูดซับพลังโจมตีของสโตนเฮดได้หมด
ก่อนจะสะท้อนเข้าใส่ร่างยักษ์ของเจ้าพาลาดินธาตุดิน
จนมันเองต่างหากที่ต้องรับแรงกระแทกกระเด็นออกไป
"เวทย์เลเวล 6 แต่กลับสะท้อนเวทย์เลเวล 9 ได้"
ไอซ์เอจเอ่ยอย่างไม่เชื่อสายตา
"เวทย์นอกสาระบบแบบนี้มีแต่เวทย์ของพวกวิซาร์ดเท่านั้น
แวมไพร์ที่ใช้เวทย์ของวิซาร์ดได้เนี่ยน่ะ"
"เวทย์วิซาร์ด ที่ว่ากันว่า ไม่มีทางโดนดูดกลืนมาได้น่ะเหรอ"
พาลาดินแห่งลมที่ตามเข้ามาเอ่ยขึ้น
ก่อนจะสะบัดแขนเล็กน้อย
เพียงเท่านั้นมีดพกที่ถูกเก็บไว้
ในกลไกลของปลอกแขนก็หลุดออกมา
ไซโคลนเดินไปยังร่างของเวโรนิก้า
ที่นอนตัวชาก่อนจะจิกผมแวมไพร์สาวเพื่อดึง
เธอให้ลุกขึ้นมานั่งในท่าคุกเข่า
เพื่อให้เขาปาดคอเธอได้ถนัดๆ
"แต่ถ้าผู้ร่ายโดนปาดคอตายซะ เวทย์ก็สลายแล้วใช่ไหมล่ะ"
"ปล่อยนาง ไซโคลน !!" แต่ก่อนที่มันจะได้ปาดคอสมใจ
เสียงตวาดลั่นของพาลาดินแห่งไฟก็ดังขึ้น
ทำให้ไซโคลนต้องหันกลับไปมองอย่างไม่พอใจ
แต่สุดท้ายมันก็ต้องยอมถอยฉากออกไปโดยดี
เพราะทันทีที่มันสบตากับเบิร์น มันก็สัมผัสได้ถึงไฟที่ลุกโชน
ไฟที่ไม่ได้เกิดจากพลังเวทย์
แต่เป็นไฟที่เกิดจากความแค้นต่างหาก
เมื่อไซโคลนถอยไปแล้ว
เบิร์นก็ก้าวไปยืนเบื้องหน้าของแวมไพร์สาว
ก่อนจะนั่งลงพร้อมกับบีบใบหน้าของเธออย่างรุนแรง
เพื่อบังคับให้เธอหันมาสบตา
"มามุดหัวอยู่ที่โลกนี้เองเหรอ นังสารเลว !!
รู้ไหมว่าข้าใช้เวลาตามล่าเจ้ามานานแค่ไหน
เตรียมใจชำระหนี้แค้นที่เจ้าก่อไว้กับตระกูลรามิเรชแล้วหรือยัง !!"
"ตระกูลรามิเรช" เวโรนิก้าเอ่ยขึ้นช้าๆอย่างอ่อนแรง
ก่อนจะย้อนความทรงจำ
สมัยที่เธอยังอยู่ที่โลก wonderland
ในตอนนั้นเธอเป็นแวมไพร์สาว
ที่ปฏิบัติการภาคสนามมาอย่างโชกโชน
มีศัตรูมากมายที่โดนเธอล่าสังหาร
ตระกูลรามิเรชก็เช่นกัน
ตระกูลนี้เป็นตระกูลวอร์ริเออร์ตระกูลหนึ่ง
ที่ได้รับภารกิจมาจัดการกับเธอ เมื่อ 20 ปีก่อน
แต่ผลสุดท้ายก็เป็นเธอที่สังหารล้างตระกูลนี้จนหมด
เหลือไว้เพียงลูกชายคนเล็กที่วัยเพียง 10 ขวบ
"ข้าจำไม่ได้ว่ะ" เวโรนิก้าเอ่ยยั่วโทสะ
ซึ่งมันก็ได้ผล เบิร์นเลือดขึ้นหน้าทันที
เข้าปล่อยหมัดเข้าใบหน้าของแวมไพร์สาวอย่างแรง
จนเธอหน้าสะบัดไปตามแรงหมัด ไม่พอแค่นั้น
เจ้าพาลาดินแห่งไฟยังจิกผมเธอก่อนจะฟาดลงพื้นอย่างแรง
เลือดของแวมไพร์สาวสาดกระเซ็น
จนตอนนี้เธอแน่นิ่งสลบไปทันที
และทันทีที่เวโรนิก้าสิ้นสติ
เวทย์บาเรียที่กางคุมร่างนายอาร์ตไว้ก็สลายทันที
ทำให้สโตนเฮดที่โดนดีดกระเด็นไป
ในตอนแรกยิ้มเหี้ยมก่อนจะย่างสามขุมเข้าหา
เพื่อปิดบัญชีอีกครั้ง แต่ไม่ทันที่เขาจะเข้าถึงตัว
วิเวียนที่รักษาอาการบาดเจ็บได้ทันท่วงที
ก็ร่ายเวทย์ดาบแสงเข้าประจันหน้าเพื่อขัดขวางเหล่าพาลาดิน
"ข้าจะเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายน่ะนังพรีส
อย่ามาขวางข้า
ถึงพวกข้าจะไม่อยากมีปัญหากับพวกพรีส
แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้น่ะ"
สโตนเฮดเอ่ยขึ้นอย่างกราดเกรี้ยว
แต่นั่นมันก็ไม่ทำให้หญิงสาวหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
เธอยกดาบขึ้นประจันหน้าพร้อมกับเอ่ยตอบ
"คำตอบของข้าท่านก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้องเขา ต่อให้เป็นพวกท่านก็ตาม"
"ยิ่งเห็นก็ยิ่งทุเรศลูกตา ........
เจ้าได้รับภารกิจมาให้ฆ่ามันไม่ใช่เหรอไง
แต่ตอนนี้กลับเอาตัวเข้าปกป้อง หึ !
ปล่อยให้ความร่านมันทำลายภารกิจเนี่ยน่ะ !!"
พาลาดินแห่งไฟเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด
พร้อมกับย่างเท้าเข้าหาหญิงสาวทันที
พร้อมกับเกร็งพลังมาน่าไปที่มือขวา
จนมือของเขาไฟลุกท่วม
และเมื่อวิเวียนได้เห็นสายตาของพาลาดินที่กำลังก้าวเข้ามาตรงหน้า
เธอก็รู้แน่ว่าเบิร์นเอาจริง
แล้วแบบนี้เธอจะทำเช่นไรดี
ฝ่ายตรงข้ามคือพาลาดินแห่งไฟที่ว่ากันว่าเก่งกาจที่สุด
พลังเวทย์ของเขาก็ต่างระดับกับเธอถึง 3 ขั้น
ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางรับการโจมตีของเขาได้แน่ ......
แต่ ... เมื่อเธอมองพิจารณาตัวเขาดูดีๆ
กลับพบว่าพาลาดินผู้นี้เดินมาหาเธอในสภาพเปลือยเปล่า
ไม่มีเกราะหรืออาภรณ์ใดๆช่วยป้องกัน
แถมลักษณะเดินก็เต็มไปด้วยช่องโหว่ว
เพราะอะไรกัน หรือเขามั่นใจในตัวเองมาก
มั่นใจว่าจะหลบดาบเราทัน
แต่เพราะความมั่นใจนี้นี่แหละ
จะเป็นโอกาสเดียวให้เธอพลิกสถานการณ์
เพราะถ้าเขาเข้ามาในระยะทำการ
และเธอสามารถแทงดาบได้เร็วพอ
ดาบของเธออาจจะตัดขั้วหัวใจเขา
และเธอก็จะสถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้แน่
และทันทีที่หญิงสาวตัดสินใจได้
เธอก็เลยแทงดาบออกไปในทันที
ดาบของเธอพุ่งทะยานทะลุผ่านร่างพาลาดินตรงหน้า
เสียบเข้าที่ขั้วหัวใจทะลุออกด้านหลัง
โดยที่เจ้าพาลาดินแห่งไฟได้แต่เบื้องตาค้าง
ไม่ทันที่จะได้ขยับหลบหลีกเลยแม้แต่นิดเดียว
"นี่เจ้ากล้าแทงข้าจริงๆเหรอ"
แต่แล้ววิเวียนก็ต้องตกตะลึงยิ่งกว่า
เมื่อพาลาดินตรงหน้าที่ถูกเธอแทงไปแล้วกลับพูดขึ้นมาหน้าตาเฉย !!
และเมื่อเธอมองเข้าไปที่ร่างของพาลาดินแห่งไฟอีกที
เธอก็พบว่าบาดแผลที่เธอแทงเขากลับ
ไม่มีเลือดหรือร่องลอยบาดเจ็บอะไรเลย
มีแค่เพียงตรงบาดแผลที่ลุกไหม้เป็นไฟอยู่เท่านั้น
ไม่ต่างอะไรกับที่เธอแทงดาบผ่านกองเพลิงยังไงยังงั้น
"นี่มันอะไรกัน...."
แต่พรีสสาวก็ทำได้เพียงอุทานมาแค่นั้น
เพราะเจ้าพาลาดินแห่งไฟปล่อยหมัดฮุคซ้ายเข้าอัดร่างเธออย่างจัง
หมัดของเขาเข้ากระทบซี่โครงของเธออย่างจังจนมันหักในทันที
ทำให้พรีสสาวต้องล้มลงสิ้นท่าอีกครั้ง
และเมื่อสิ้นพรีสสาวที่มาคอยขัดขวางแล้ว
เบิร์นก็มุ่งหน้าเขาหาร่างนายอาร์ตที่นอนอยู่ในทันที
เปลวไฟที่ลุกไหม้ที่มือขวาก็โหมกระหน่ำลุกไหม้ยิ่งขึ้นไปอีก
ราวกับจะเป็นไฟบรรลัยกัลป์ที่สามารถ
เผาผลาญทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ก่อนที่เจ้าพาลาดินจะปล่อยหมัด
ไฟบรรลัยกัลป์นั้นเข้าใส่ร่างนายอาร์ตที่นอน
นิ่งไม่ไหวติงในทันที .....
แต่ก่อนที่หมัดเพลิงจะเข้าถึงตัวนายอาร์ต
กลไกในเตียงหินก็ทำงาน
พื้นด้านใต้ของเตียงเปิดออก
ส่งผลให้เตียงหล่นหายลงไปใต้พื้น
ก่อนที่พื้นจะปิดอย่างรวดเร็ว
ทำให้หมัดของเบิร์นทำลายได้แต่เพียงพื้นด้านบนเท่านั้น
และเมื่อตามไปดู
ก็พบว่าใต้พื้นที่เตียงหล่นไปมีสายพานลำเลียงอยู่
และตอนนี้เตียงเคลื่อนที่
ไปตามสายพานอย่างรวดเร็วจนเตียงถูกส่งหนีออกไปไกลแล้ว
เจ้าพาลาดินแห่งไฟหันหลังกลับไป
มองด้วยสัญชาติญาณในทันที
ภาพที่เขาเห็นก็คือแวมไพร์สาวที่เขาจับโขกพื้น
จนแน่นิ่งไปแล้วกำลังยืนอยู่
'นี่มันอะไรกัน'เขาได้แต่ร้องถามในใจ
นังนั้นมันแกล้งสลบเพื่อตบตาเขางั้นเหรอ
แกล้งสลบเพื่อหาจังหวะเปิดกลไกล
ให้ร่างกำเนิดใหม่ของอาลูคาร์คหายไป
แกล้งสลบเพื่อหาจังหวะหลบหนี
แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด
เจ้าพลาดินก็ไม่ได้คำตอบเสียแล้ว
เพราะเวโรนิก้ายิ้มเยาะเขาเล็กน้อย
ก่อนจะพุ่งทะยานหนีหายไปทันที ทิ้งให้เจ้าพาลาดินแห่งไฟ
ต้องกร่นร้องอย่างคลั่งแค้น
"นังสารเลวววววววว !!"
จุดที่สายพานลำเลียงเตียงหินไปนั้น
ก็คือจุดแรกที่มันตั้งอยู่นั่นเอง
ห้องควบคุมที่เป็นที่ตั้งของเครื่องข้ามมิติ
ที่ตอนนี้ตัวเครื่องซาร์ตพลัง ได้เต็ม 100 แล้ว
ตามที่จริงห้องนี้จะอยู่คนละด้าน
กับห้องโถงที่เป็นเวทีต่อสู้เมื่อครู่
แต่ห้องนี้กับห้องโถงนั้นสามารถเชื่อมต่อกัน
ด้วยกลไกสายพานความเร็วสูง
ที่มีเพียงความเร็วของผู้มีพลังเวทย์ลมระดับสูงเท่านั้นที่ตามทัน
ซึ่งในที่นี้ก็คือเวโรนิก้านี่เอง
"ได้เวลาพอดีเลยน่ะ"
เวโรนิก้าร้องอย่างตื่นเต้นที่ตอนนี้
เครื่องข้ามมิติพร้อมใช้งานแล้ว
ก่อนที่เธอจะปลดพันธนาการต่างๆ
บนร่างนายอาร์ตก่อนที่จะพยุงเขาเพื่อข้ามผ่าน
ไปยังโลกต่างมิติที่อยู่ตรงหน้า
"ฉันไม่ไป !!" นายอาร์ตพยามร้องขัดขืน
"เอาแต่ใจตัวเองตอนนี้ ไม่ได้แล้วย่ะ"
เวโรนิก้าเอ่ยว่าชายหนุ่มหนึ่งคำก่อนจะพาร่างเขาไปยังเครื่องทันที
แต่เสี้ยววินาทีนั้นเธอก็รู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังพุ่งเข้ามา
แต่นั่นมันก็ช้าไปเสียแล้ว
มีดบินเล่มหนึ่งพุ่งทะลวงหลังของเธอทะลุออกท้องไปทันที