เสียงสองสาวปะคารมกันอย่างมีความสุข

 แถมกะแซะเราเหมือนรู้ใจเรา มันเข้าทางเราอีกตามเคย

 แต่น้องหยกพูดเหมือนจงใจจะทำอะไรบางอย่างหรือป่าวนะ

 ทำไมมันมีแต่เรื่องถูกใจเราทั้งนั้นเลย หลังจากหยกเดินขึ้นบันไดไป

 น้องมายก็เดินไปเปิดตู้เย็นในครัว ด้วยความเบิกบานใจ

 ด้วยใบหน้าและรอยยิ้มเธอ เราเดินตามน้องมายไปติดๆ

 เหมือนถูกมนต์สะกด ทำทีเป็นผู้ช่วยเธอ

"อาจะทานอะไรดีค่ะ

"น้องมายทำอะไรได้บ้างล่ะจ๊ะ"

"เอาสลัดผักกับเนื้อชิ้นโตๆ ดีไหมค่ะ"

"ก็ได้จ้ะ อาทานได้ทั้งนั้นแหละ แต่ทำไม่ค่อยเป็น ทานอย่างเดียว"

     จริงแล้วอยากจะบอกว่า อาลืมหิวตลอดเวลาเลย

 อิ่มอกอิ่มใจกับเธอสองคนมากๆ อาขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น เป็นวันที่สองแล้ว

 หลังจากก่อนหน้านี้ค่อนข้างอดอยาก การได้สัมผัส

 ได้มองเด็กสาวที่กำลังเต่งตึงเติบโต นับว่าเป็นความสุขของผู้ชายทั่วโลก 

คิดไปพลางสายตาก็จับจ้องอิริยาบถของน้องมาย 

"ไอ๋หย๊า......เธอก้มตัวเอาเนื้อเข้าเตาอบช่างน่ารักเหลือเกิน"

 หัวใจเรากระเจิงอีกครั้ง อย่างมิได้นัดหมาย

 เราเผลอจ้องมองเนื้อก้อนนั้นแบบตาไม่กระพริบ

 ช่างสวยสะอาดตาเสียนี่กระไร ใครหนอจะอดใจได้

 ใจเราเตลิดวาดฝันทั้งยังตื่นอีกแล้ว

 "ถ้าได้เข้าไปด้านหลังน้องมาย

 แล้วชวนเธอทำกิจกรรมร่วมกันคงจะดีไม่น้อย"

 มังกรน้อยเราพลิกตัวอีกครั้ง เราเริ่มเจ็บไข่ดันอ่อนๆ 

และในขณะที่ มองน้องมายอยู่เพลินๆ เธอเอี่ยวตัวกลับมา

 สังเกตเห็นเราแว็บนึง

"อาเห็นเนื้อก้อนนั้นไหมค่ะ"

     เราผวานิดๆยังไม่ทันจะตอบอะไรไป เธอก็พูดว่า

"มันจะพอทานสามคนหรือป่าวค่ะ เรารับคำตอบเธอไปทันใด "น่าจะพอนะ" 

เรารู้ทันทีว่าเธอรู้ตัวว่าเราจ้องมองของรักของหวงของเธอ

 แต่เธอกลับช่วยเราเบี่ยงเบนประเด็น เหมือนจะบอกว่า

 อยากมองก็มองไปเถอะ เหมือนจะตั้งใจยั่วยวนเราว่า 

จะทนได้สักกี่น้ำ โอ้.....มายก๊อด.......นางฟ้าน้อยๆของฉัน

 เธอทรมานฉันด้วยความรู้สึกได้ลึกจริงๆ

น้องหยกเดินลงบันไดมา แล้วร้องทัก

"ไปถึงไหนกันแล้วค่ะ ทานได้หรือยังนะ"

"ยังย่ะ.....แม่สาวน้อย เธอต้องมาช่วยเราอบเนื้อ ไม่รู้ว่าตั้งไฟถูกหรือป่าว"

"ได้เลยมายที่รัก ......รู้สึกไฟจะแรงไปหน่อยนะ

 เวลาก็มากไปเดี๋ยวเราลดไฟให้"

     เสียงสองหลานคุยกันด้วยความสนิทชิดชอบ

 วันนี้น้องหยกแต่งตัวแบบสบายๆ เหมือนเป็นแฟชั่นที่เรียนแบบกันมา

 เสื้อเชิ้ตตัวเดียว เปิดเผยพอให้น้ำลายหก แต่ดูดีมีรสนิยม

 ไม่แน่ใจว่าเธอจะรู้เรื่องแบบผู้ใหญ่ๆ กันมากน้อยแค่ไหน

 บางครั้งดูเธอบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้เดียงสา จะว่าไม่มียางอายก็ไม่ใช่

 จะว่ามียางอายก็ไม่เชิง หรือเธอมีอะไรในใจกันแน่

 ยิ่งคิดยิ่งชวนให้หาคำตอบ ใจหนึ่งก็เป็นห่วงหลาน

 อีกใจหนึ่งก็ชอบที่เธอทำคัวสบายๆ เป็นกันเองแบบไม่มีสะดุด

 ถ้าขืนปล่อยสถานการณ์ไปเป็นเช่นนี้ คนที่แย่คงไม่พ้นเรา

 ใจเราคงจะวาดภาพเกินขอบเขตอยู่ตลอดเวลา จะทำอย่างไรดี

 ถ้าเกิดมันมาก นึกถึงพี่ชายแล้วไม่หาย คงได้เกิดวีรกรรมทำชั่วแน่ๆ

"เป็นอย่างไรบ้างค่ะ หลานหยกที่รักของอา

 สวยไหมเสื้อเชิ้ตตัวเดียว กระดุมเม็ดเดียวที่สะดือ

 นี่ถ้าคุณพ่ออยู่จะโดนมิใช่น้อย"

ยังไม่ทันจะตอบคำน้องมาย ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

 กริ๊ง.....กริ๊ง.....กริ๊ง......

"ไชโย......คุณพ่อโทรมาแล้วค่ะ"

     น้องหยกรีบไปรับโทรศัพท์หน้าบาน

 ตั้งหลักนอนคุยกับพ่อบนโซฟาอย่างสบายใจ

 ส่วนน้องมายคุยโน่นคุยนี่ไปเรื่อยเปื่อย หัวเราะคิกคัก

 พร้อมกับจัดการอาหาร โดยมีเราเป็นลูกมือ

 หยิบโน่นนิดนี่หน่อยจนอาหารเสร็จพร้อมเสริฟ

 โดยมีอารมณ์เราที่เคลิมเคลิ้มสิงใจอยู่โดยตลอด

"เดี๋ยวรอหยกก่อนนะค่ะอา เป็นไงน่าทานไหม

 ฝีมือมายของแท้ต้องมีเนื้อก้อนโตๆอบเนย

 เนื้อสันในนะค่ะเนี่ย ไม่ใช่เนื้อสด อิ อิ อิ"

"น่าทานมากเลยจ๊ะ ทำอาหารเป็นเหมือนกันนะมายเนี่ย

 จะเนื้อสดเนื้อสัน อาทานได้หมด รับรองเกลี้ยงไม่มีเหลือแน่ๆ 5 5 5 5"

     เราแกล้งชมเธอเล่นพร้อมทั้งหยอกเย้า

 หลังจากนั้นน้องมายก็ชวนไปนั่งคุยต่อ รอน้องหยก

 ที่คุยโทรศัพท์อย่างมีความสุข แล้วเสียงน้องหยกก็ดังขึ้น

"คุณอาจะคุยกับคุณพ่อหรือป่าวค่ะ"

     เรายกมือบ๊ายบายว่าไม่ แค่ได้ยินคำว่า"พ่อ" ใจเราก็เหี่ยวแล้ว

 และในที่สุดเวลาอาหารก็มาถึง เราทานกันอย่างมีความสุข

 พอทานอาหารเสร็จน้องหยกรับอาสาเก็บกวาดล้างจาน

 ส่วนน้องมายกับเราเก็บกวาดบ้านเล็กน้อยแล้วก็นั่งพักผ่อน

 ดูหนังฟังเพลงเบาๆ ไปตามเรื่อง บางทีก็ดูนิตยสาร

 แล้วแต่ใครจะชอบอะไร ไม่นานเท่าไร น้องหยกเสร็จงาน

 แล้วมานั่งๆนอนๆตามอิริยาบถสบายๆของเธอ

 บางทีก็แวะเวียนมากอดมาเบียดเราซ๊ะงั้น

 ส่วนเราเองก็ลอบชมความงามของเธอทั้งสอง นั่งๆนอนๆหามุมสวยๆ

 ดูสองสาวอย่างชื่นตา สังเกตเห็นน้องหยกดูจะมีการเคลื่อนไหวเสรี

 เปิดเผยดู เนียนตา ระหว่างคุยเล่นกับเพื่อน

 แต่น้องมายเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ ถึงแม้จะดูว่าเคลื่อนไหวปรกติ

 แต่ก็เหมือนมีลูกยั่วแบบตั้งใจแฝงอยู่ตลอด

 สองพฤติกรรมดูเหมือนกัน แต่ให้รสชาติที่แตกต่าง

 เราเองก็รู้สึกชอบมากๆ

     มีอยู่ช่วงหนึ่ง เธอนอนคว่ำหันหน้ารวมหัวกันท้าวคาง

ดูทีวีรายการตลก หัวเราะคิกคัก

 เรานั่งที่โซฟามองเห็นเลขสามตัวตรงของเธอสองคน

 ที่ร่างกายเธอขยับเขยื้อนไปตามอาการของความสุขที่ดูรายการตลก

 เห็นความน่ารักถนัดตา

 ชายเสื้อเชิ้ตตัวเดียวติดกะดุมเม็ดเดียวที่ปิดก้นพอมิด

 บัดนี้มันชักจะไม่มิดดังเก่า เรียวขางามๆสี่ขา งอเข่าปลายเท้าชี้ฟ้า

 แกว่งไปแกว่งมาขึ้นๆลงๆตามเสียงหัวเราะ ปิดๆเปิดๆ

 ตามพฤติกรรมการบิดตัวไปมา นี่แหละหนอ

 วัยแห่งความสุขสดชื่นของเด็กๆ แล้วจู่ๆสิ่งที่รอคอยก็เข้ามาอีก

 พอจบรายการตลก น้องหยกเกิดอยากออกกำลังกาย

 เล่นท่าสะพานโค้งขึ้นมาซ๊ะงั้น เวลาสะพานมันโค้ง

 ชายเสื้อเชิ้ตก็แตกปลาย

 กระดุมเม็ดเดียวที่สดือไม่เพียงพอที่จะความคุม

ความเรียบร้อยของทรงเสื้อ ช่วงอกเปิดเห็นนมโผล่ออกมาข้างหนึ่ง

 อีกข้างหนึ่งถูกเสื้อทับไว้ แต่ก็ยังมองเห็นเนินเขาอยู่ดี

 ส่านข้างล่างไม่ต้องพูดถึง เนินสวรรค์ดูโดดเด่นลอยฟ้า

 แต่กลีบกุหลาบที่มีขนพองามกลับปิดสนิท ไม่อ้าดังที่ใจอยากให้เป็น

 ตัวเราร้อนผ่าว เอาละซิ เป็นเรื่องจนได้

 พลังแห่งความเป็นสาวแรกรุ่นคงจะเหลือเฟือ

 ทำให้พวกเธออยู่นิ่งกันได้ไม่นาน ในที่สุดน้องมายก็ทำตาม

 หันมาใช้ท่าหกสูง

 จึงต้องขอความช่วยเหลือจากอาคนนี้พร้อมรอยยิ้มจนได้

"อาช่วยจับเท้าให้มายหน่อยค่ะ แล้วจับเวลานับให้มายด้วยนะค่ะ"

     เราไม่รอช้ารีบเข้าไปให้ความช่วยเหลือในทันที

 ถึงแม้ในใจจะตั้งข้อสังเกตว่า เธอจงใจยั่วยุอารมณ์เพศเรา

 หรือไม่ยึดถือเรือนร่างตัวเองสำหรับเรา ที่เธอรู้สึกสนิทมากๆ

 ด้วยรู้สึกเป็นญาติใกล้ชิดกันแน่

"จับปลายเท้าแล้วจับเวลาด้วยเลยนะมาย ใช่หรือป่าวนะ"

"ใช่ค่ะ.....เริ่มเลยค่ะ"

     เธอหกหัวลงให้เราจับปลายเท้า

 ในขณะนั้นเสื้อตัวเดียวของเธอก็กองลงไปคุมหัวเธอ

 เผยให้เราเห็นของดีขาวสะอาดเต็มตา

 ล่องกลีบกุหลาบเธอปิดสนิทเห็นแต่เส้นตรงรอยแยก

 มีขนเพชรปุกปุยขวางสายตาอยู่บ้าง

 แต่ก็ยังเห็นล่องนั้นชัดอยู่ดีเพราะเธอใช้มือแทนเท้าแบบ

 เรียวขาเธอมีกล้ามเล็กๆเป็นลูกคลื่นสวยงาม

 กล้ามก้นเธอยิ่งเนียนขาวไม่มีที่ติ

 เป็นจุดที่ผิวละเอียดมากๆจุดหนึ่งของร่างกาย

 ก้อนเนื้อที่ก้นงอนสวยเป็นลอนโค้ง

 เราดูแบบไม่ต้องกังวลว่าเธอมองเรา เราจ้องเนินสวรรค์นั้น

 แล้วสมองก็แล่น เราทำเป็นจับเวลานับให้เธอ แบบจงใจแกล้งเธอ

"หนึ่งงง.....สองงงง...... สามมม.......ลากเสียงยาวเฟื้อยยย......."

     การนับเลขเวลาของเราได้ผลดังใจนึก พอนับถึงแปด

 เธอก็ทนอยู่ไม่ไหว

 โรยตัวลงมานอนหอบเล็กน้อยเนื่องจากการเกร็งกล้ามเนื้อ

 ยิ่งตอนเธอจะทิ้งขาลงมา มีช่วงอ้าขาอยู่เสียววินาที แต่ก็เพียงพอ

 ให้เราได้เห็นล่องสวาทนั้น แต่มันก็ปิดสนิทมากๆ

"อาขี้โกง มายเคยทำได้อย่างน้อยก็ยี่สิบ นี่ได้แค่แปดเอง

 มายไม่ยอมจิงๆด้วย ฮือๆๆๆ"

     หลังจากนั้นเธอก็ทำท่าแสนงอนไม่พอใจการนับ

 ทำท่าเข้ามาเอาเรื่องกับเรา คลานปรี่เข้ามาคิดจะดึงขาเราให้ล้มลง

 ทั้งที่ตัวเองยังอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่

 น้องหยกนอนหอบเห็นพฤติกรรมเรากับน้องมาย 

คงนึกสนุกด้วย จึงร้องบอกเพื่อน

"มายหยกมาช่วยแล้ว.......เราจะช่วยเธอจัดการกับคนขี้โกงด้วย"