เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
พรีสชั้นสูงที่บัญชาการรบหน้าโบสถ์เอ่ยเสียงดังลั่น
เหล่าพรีสแถมนั้นขานรับคำในทันที
ก่อนที่จะแยกย้ายเข้าโจมตี ด้วยเวทย์สายฟ้าที่ตนถนัด
เข้าใส่ร่างน้ำขนาดยักษ์ของแวมไพร์สาวชอลลี่
"ทำได้แค่นี้เหรอไอ้พวกกระจอก !! งั้นเจอนี่หน่อย"
ชอลลี่คำรามลั่น แม้เวทย์ของเธอจะแพ้ทางสายฟ้า
แต่เพราะร่างน้ำมีขนาดใหญ่โตมหาศาล
เวทย์สายฟ้าปกติจึงทำให้เธอแค่สั่นสะเทือนเล็กๆเท่านั้นเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ชอลลี่จึงโต้กลับด้วยเวทย์อีกแขนง
"ทัณฑ์พิฆาตอัสนีบาต !!"
ทันทีที่เธอร่ายเวทย์จบ
ท้องฟ้าตรงจุดเหนือเธอขึ้นไปก็ร้องคำราม
ก่อนที่สายฟ้าหลายสายจะฟาดลงมา
แต่เวทย์นี้พิเศษตรงที่สายฟ้าที่ฟาดลงมานั้น
จะฟาดลงมาที่จุดเดียว ทำให้แค่พริบตาเดียว
มีสายฟ้าฟาดถึง 1,000 ครั้ง นับว่าน่าแปลกไม้น้อย
ที่แวมไพร์ธาตุน้ำอย่างเธอเลือกใช้เวทย์สายฟ้า
แต่ที่น่าแปลกยิ่งก็กว่าก็คือจุดที่เธอส่งให้ผ่าลงมานั้น
ก็คือร่างน้ำยักษ์ของตัวเธอเอง
"ย๊ากกกกก"
พริบตาที่สายฟ้าฟาดใส่เธอจบลง
ร่างน้ำของเธอก็เต็มไปด้วยประจุไฟฟ้าขนาดมหาศาล จนร่างของเธอสว่างสไวไปด้วยประกายแสง
และหลังจากนั้นเธอก็ฟาดมือกระแทกพื้น
เกิดเป็นคลื่นยักษ์มโหฬารยิ่งกว่าในคราแรก มิหนำซ้ำ
ประจุไฟฟ้าที่เปี่ยมล้นบนตัวเมื่อเมื่อครู่
ถูกถ่ายเทมาบนคลื่นนี้เสียหมด
ดังนั้นเมื่อคลื่นนี้ถูกซัดเข้าใส่เหล่าพรีส
ถ้าไม่มีใครตายเพราะโดนคลื่นกระแทก
ก็ต้องตายเพราะโดนไฟซ็อตอยู่ดี
"ฮ่าๆๆๆๆ" ชอลลี่หัวเราะสะใจที่สามารถสังหาร
พรีสไปเป็นจำนวนมาก
เหตุที่เธอสามารถใช้เวทย์คอมโบชุดนี้ได้ก็มาจาก
'ร่างจำแลงเทพโคงคา' ของเธอสามารถ
ทนเวทย์สายฟ้าระดับเลเวล 9 ได้นานถึง 30 วินาที
อีกทั้งยังถ่ายเทกระแสไฟฟ้าได้อีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้
ชอลลี่จึงนำมันมาปรับใช้
จนเกิดเป็นเวทย์ประสานที่มีพลังในการสังหารอยู่ในระดับสูง
เหล่าแวมไพร์ต่างโห่ร้องด้วยความสะใจ
การที่พวกมันมีชอลลี่เป็นแนวหน้า
พวกมันจึงเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบของศึกนี้อย่างเห็นได้ชัด
เหล่าแวมไพร์เปิดเกมส์รุกหนักขึ้นไปอีก
ด้วยการใช้เวทย์โจมตีขนาบไปทั้งสองด้าน
เพื่อหวังจะไล่ต้อนเหล่าพรีสให้ถอยไปกระจุกตัวรวมกัน
"ทัณฑ์พิฆาตอัสนีบาต"
และเมื่อชอลลี่เห็นว่าเหล่าพรีสโดนไล่ต้อนจนพอใจแล้ว
เธอจึงร่ายเวทย์สายฟ้าอีกครั้ง ก่อนจะยกเท้าขึ้น
เป้าหมายก็คือกลุ่มพรีสที่อยู่เบื้องล่าง
แวมไพร์สาวแสยะยิ้มอย่างสะใจ
ก่อนจะกระทืบเท้าเข้าใส่อย่างรุนแรง
"กระจกเงาหมื่นดารา"
แต่ก่อนที่ฝ่าเท้าจะกระแทกลง
ก็มีกระจกเงาบานใหญ่ขึ้นมาขวางกั้น
เท้าของชอลลี่จึงกระทืบใส่กระจกบานนั้นอย่างรุนแรง
พร้อมๆกับพลังทั้งหมดที่เธอโจมตีไป
ได้ถูกสะท้อนกลับมายังร่างตัวเอง
ทำให้เกิดระเบิดดังขึ้นอย่างรุนแรง ก่อนแรงระเบิดทั้งหมด
จะกระแทกเอาร่างน้ำกระเด็นลอยขึ้นไปเหนือพื้น
และตกลงมายังจุดที่เหล่าแวมไพร์ปักหลักอยู่
จนเกิดเป็นคลื่นยักษ์ตีวงกว้างเข้าใส่เหล่าแวมไพร์
ทำให้คราวนี้เป็นฝ่ายแวมไพร์บ้าง
ที่โดนล้างบางด้วยเวทย์ของพวกเดียวกัน
"โจมตีเข้าไปอย่าไปหยุด" แวมไพร์ตนหนึ่งตะโกนดังลั่น
เพื่อเตือนสติพวกเดียวกันให้หันกลับมา
เล่นงานเหล่าพรีสต่อ ซึ่งก็ได้ผล
แวมไพร์เหล่านั้นระดมซัดเวทย์เข้าโจมตีทันที
แต่พรีสสาวผมสีเงินวาววับนั่นรอท่าอยู่แล้ว
เธอจึงหลับตาลงก่อนจะร่ายเวทย์รับมือทันที
"กระจกเงาหมื่นดารา ... ต่อเนื่อง"
ทันทีที่เธอร่ายเวทย์มนต์จบ
กระจกเงาจำนวนมากนับร้อยบาน
ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ก่อนที่แต่ละบาน
จะตรงเข้ารับเหล่าพลังเวทย์ที่ฝ่ายแวมไพร์โจมตีมา
และแทบจะในพริบตาเดียวกัน
ทุกบานก็สะท้อนเวทย์เหล่านั้นให้ย้อนศร
กลับไปเล่นงานผู้ร่ายในทันที ทำให้การโจมตีในชุดนี้
เหล่าแวมไพร์เป็นฝ่ายโดนสังหารไปเป็นจำนวนมาก
เหล่าพรีสร้องลั่นอย่างสะใจ
การปรากฏตัวของวิเวียนส่งผลอย่างมากต่อการต่อสู้
เพราะรูปเกมส์โดนพลิกลับมาเป็นของฝ่ายพรีสเสียแล้ว
เหล่าพรีสต่างซัดเวทย์ของตนเข้าใส่เหล่าแวมไพร์อย่างต่อเนื่อง
โดยที่ฝ่ายแวมไพร์ทำได้เพียงตั้งรับเป็นพัลวัน แค่พริบตาเดียว
ฝ่ายแวมไพร์เริ่มถูกล้มตายเป็นใบ้ไม้ร่วง
"แก ...... นังแพศยา !!" เวทย์ 'ร่างจำแลงเทพโคงคา'
ได้สร้างปาฏิหาริย์ขั้นมาอีกครั้ง
ร่างของชอลลี่ที่โดนพลังตัวเองเล่นงานย้อนศรไปเมื่อครู่
พริบตาเดียวก็พื้นตัวขึ้นมาราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
แถมตัวชอลลี่เองก็ยิ่งเดือดดาด
ร่างน้ำยักษ์ที่ขนาดใหญ่โตอยู่แล้ว จึงยิ่งใหญ่โตขึ้นไปอีก
"ชอลลี่ อย่าเข้าไปปะทะ ให้ล่อพรีสธาตุแสงออกมาจากตรงนั้น"
แต่ก่อนที่ชอลลี่จะทำอะไร
เสียงของเจ้าชายทีโอดอร์ที่
มองดูการต่อสู้จากบนแอสการ์ดก็ดังขึ้น
ด้วยคำสั่งที่ส่งผ่านโทรจิตมาโดยตรงเช่นนี้
ทำให้ชอลลี่ร้องลั่นอย่างเจ็บใจ
ก่อนที่จะล่าถอยจากตำแหน่งทันที
"มันหนีไปแล้ว พวกเราลุยเลย"
พรีสชั้นสูงที่บัญชาการรบเอ่ยร้องอย่างลำพองใจ
แต่ว่าพรีสสาวกลับไม่เห็นเช่น
เพราะทิศทางที่เจ้าแวมไพร์มุ่งไปนั้นนั้น ....
"คุณมาร์กาเร็ต !!" วิเวียนร้องอย่างตกใจ
ถูกต้องแล้วเพราะทิศทางที่ชอลลี่มุ่งไปนั้น
เป็นหลุมหลบภัยที่ชาวเมืองหนีไปหลบซ่อน
แม้ชอลลี่จะไม่ร่วงรู้ถึงข้อนี้
แต่ก็นับว่าเธอโชคดีไม่น้อยที่เลือกเส้นทางถูก
ในขณะที่พรีสสาวไม่รอช้า เธอร่ายเวทย์ธาตุลม
เพื่อเตรียมจะพุ่งทะยานตามไปทันที
"เจ้าจะไปไหนวิเวียน !!!"
พรีสระดับสูงคนนั้นร้องสียงหลงเมื่อเห็นวิเวียนกำลังจะตามไป
"เจ้านั่น มันกำลังมุงไปตรงจุดหลุมหลบภัยของชาวเมือง"
วิเวียนเอ่ยตอบ
"ช่างมัน !! ชีวิตพวกเราสำคัญกว่า !!
นาทีนี้พวกเราต้องปักหลักที่จุดนี้ ไม่ให้พวกมัน ......"
วิเวียนตกตะลึงแถบไม่อยากเชื่อกับหูตัวเองเลยว่า
ว่าคำเหล่านี้จะมีพรีสคนไหนกล้าพูดออกมาได้
"เมื่อกี้ท่านว่าอะไรน่ะ" วิเวียนถามกลับไปอีกครั้ง
ก่อนจะสืบเท้าเข้ามาใกล้ๆ
"อะไร !! ..... แค่นี้เจ้าไม่เข้าใจเหรอ
ข้าสั่งให้เจ้าอยู่ตรงนี้ คอยช่วยพวกข้า ไม่ต้องไปสนใจพวกชาวบ้าน
เพราะยังไง ชีวิตพวกมันก็ไม่มีค่าเท่า ...."
วิเวียนไม่อาจทนฟังจนจบประโยคได้อีกแล้ว
เธอกำหมัดในมือแน่น
ก่อนจะซัดมันเข้าเต็มใบหน้าของพรีสคนนั้น
จนมันถึงกับหงายท้องล้มทั้งยืน
เสร็จแล้วเธอก็หันหลัง ร่ายเวทย์ธาตุลม
พร้อมกับพุ่งทะยานตามร่างน้ำยักษ์ตรงหน้าไปทันที
แม้ร่างน้ำยักษ์ของชอลลี่จะสูงใหญ่เสียดฟ้า
หนึ่งก้าวของมันจะก้าวได้ไกลเป็นร้อยเมตร
แต่เมื่อเทียบในแง่ความเร็วแล้ว
ร่างน้ำนี้ก็ยังเป็นรองเวทย์ธาตุลมอยู่ดี
ทำให้ชั่วระยะเวลาไม่นาน
วิเวียนก็สามารถบินไปดักหน้านางแวมไพร์ได้ทัน
"กระจกเงาหมื่นดารา" และถัดจากนั้น
วิเวียนก็ร่ายเวทย์เฉพาะตนอีกครั้ง
กระจกเงาบานยักษ์ถูกกางออกดักหน้าชอลลี่ทันที
ทำเอาชอลลี่ที่กำลังพุ่งมา ไม่สามารถเบรกได้ทัน
ต้องกระแทกเข้ากับบานกระจกเต็มแรง
ก่อนที่แรงทั้งหมดจะย้อนศร
กลับมาเล่นงานนางแวมไพร์อีกครั้ง
จนร่างของเธอต้องล้มฟาดลงกับพื้น
เกิดเป็นคลื่นน้ำซัดกระจาย
"แก ~~~~ นังพรีสชั่ว" ชอลลี่ร้องอย่างเดือดดาด
ก่อนที่จะถีบตัวลุกขึ้น
จากนั้นนางแวมไพร์ก็ระดมซัด
ทั้งหมัดทั้งเท้าเข้าใส่เป็นการตอบโต้
แต่วิเวียนที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว
ใช้พลังเวทย์บังคับกระจกเงา
ให้รับการโจมตีได้ทั้งหมด
ทำให้ทุกการโจมตีย้อนศรเข้าเล่นนางแวมไพร์เสียเอง
เมื่อโจมตีด้วยน้ำไม่ได้ผล ชอลลี่ก็ยิ่งคลุ้มคลั่ง
เธอทั้งทุบทั้งฟาดอาคารที่อยู่บริเวณนั้นจนพังทลาย
ก่อนที่นางแวมไพร์จะหยิบเอา
ซากอิฐซากปูนเหล่านั้นมาขว้างปาแทน
แต่การกระทำของชอลลี่ก็เหนื่อยเปล่า
เพราะอานุภาพของเวทย์กระจกเงานั้น
สามารถสะท้อนกลับได้แม้แต่เศษอิฐเหล่านี้ก็ตาม
ทำให้สิ่งของที่ชอลลี่ของขว้างมา
จึงโดนสะท้อนกลับไปยังร่างของเธอเอง
อย่างหินก้อนยักษ์ก้อนหนึ่ง ก็พุ่งกระแทกเข้าบริเวณใบน้ำ
จนร่างน้ำของชอลลี่ทะลุเป็นรู
แต่หินก้อนนั้นก็ไม่ได้ทำให้ชอลลี่บาดเจ็บแม้แต่น้อย
เพราะแค่ชั่วพริบตาเดียว
บริเวณใบหน้าที่ทะลุเป็นรูก็กลับมาสนามเช่นดังเดิม แต่ซ้ำร้าย
หินก้อนนั้นกลับเรียกสติที่ขาดไปของชอลลี่ให้กลับมา
ที่แท้ที่นางแวมไพร์ต้องตกเป็นรองอยู่ชั่วขณะหนึ่งเช่นนี้
ก็เพราะเธอปล่อยให้โทสะเข้าครอบงำไปนั่นเอง