เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
"อย่ามาพูดมาก เข้ามาเลยดีกว่า"
ทันทีที่เวโรนิก้าพูดจบ เจ้าสโตรเฮดก็พุ่งเข้าใส่ทันที
ร่างกายที่สูงใหญ่แถมยังสวมเกราะหนา
ไม่ได้สร้างความหวั่นเกรงให้แวมไพร์สาวแม้แต่น้อย
แถมเธอกลับพุ่งทะยานเข้าใส่เช่นเดียวกัน
ร่างทั้งคู่วิ่งเข้าหากันด้วยความเร็วสูง จนเมื่อเข้าระยะโจมตี
สโตเฮดก็ปล่อยหมัดออกไปทันที
แต่แล้วเวโรนิก้ากลับใช้วิธีสไลด์หลบ
รอดหว่างขาของสโตนเฮดออกไปได้อย่างสวยงาม
แต่ไม่ทันที่เจ้าสโตนเฮดจะได้ทำอะไรต่อ
แวมไพร์สาวก็พลิ้วร่างหนีออกไปได้ไกลเสียแล้ว ............
ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะตัวเวโรนิก้า
ตั้งใจหลบหนีตั้งแต่แรกอยู่แล้วนั่นเอง
และจุดหมายที่แวมไพร์สาวต้องการไปก็คือเขตแดนของแวมไพร์
ซึ่งถ้าเธอหนีเข้าไปได้ พวกพาลาดินก็ไม่อาจจะตามได้ต่อ
แต่การจะหนีกลับไปได้นั้น
เธอยังต้องผ่านสองจุดใหญ่ๆนั่นก็คือ
แนวภูเขาหินกับทุ่งโล่งกว้าง
เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงเร่งฝีเท้าเข้าไปอีก
จนเริ่มเห็นที่หมายอยู่ตรงหน้า
แต่ไม่ทันที่เธอจะเข้าถึงแนวภูเขาหิน
กระสุนเวทย์น้ำแข็งก็ยิงกราดใส่เธออีกชุด
จนเธอต้องพลิ้วกายหลบตรงข้างทาง ......
เป็นไอซ์เอจนั่นเองที่มาดักรอเธออยู่
เพราะมันเองก็คาดการไว้แล้วว่าเธอจะมุ่งมาที่นี่
จึงมาดักรอโจมตีตรงทางเข้าภูเขาหินพอดี .......
แต่แวมไพร์สาวยังมีโชคอยู่บ้างตรงที่ได้โขดหินใหญ่น้อยคอยกำบัง
"เปลี่ยนโหมดกระสุนระเบิด"
เมื่อกระสุนยิงกราดใช้ไม่ได้ผล
ไอซ์เอจจึงเปลี่ยนระบบกระสุนใหม่
เขาเอ่ยคำสั่งกับปืนคู่ใจซึ่งมันก็ขานรับโดยการเรืองแสงขึ้นมา
และเมื่อการเปลี่ยนโหมดเสร็จสิ้น
ไอซ์เอจก็ประทับยิงทันที
"วื๊ดดดดด" เสียงรวมพลังของปืนหินธาตุดังลั่นตามด้วย "บรึมมมมมม"
กระสุนเวทย์ลูกยักษ์ยิงออกไปทันที
ก่อนที่มันจะกระทบเข้ากับโขดหินที่แวมไพร์สาวหลบอยู่
เจ้าโขดหินยักษ์กลายสภาพเป็นก้อนน้ำแข็งในทันที
ก่อนที่มันจะระเบิดออกอย่างรุนแรง
จนสะเก็ดน้ำแข็งกระจายออกเป็นวงกว้าง .......
แต่ยังดีที่แวมไพร์สาวระวังตัวอยู่แล้ว
เธอจึงกระโดดหลบไปยังโขดหินที่อยู่ด้านข้างได้ทันท่วงที
มีเพียงบาดแผลที่ได้รับจากสะเก็ดน้ำแข็งเล็กน้อยเท่านั้น
"ยังมีต่อ" เจ้าพาลาดินแห่งน้ำตะโกนลั่น
ก่อนจะยิงกระสุนเข้าใส่ทันที
ทำให้แวมไพร์สาวต้องกระโดดหลบไปมาอย่างทุลักทุเล
แต่หลังจากที่ต้องหลบกระสุนอยู่ครู่ใหญ่
แวมไพร์สาวก็สังเหตุอะไรได้บางอย่าง
ปืนนี้แม้จะมีอานุภาพสูง
แต่ก็มีระยะดีเลย์ก่อนยิงและหลังยิงอยู่เล็กน้อย
ซึ่งถ้าเธอจับจังหวะดีๆก็สามารถหลบได้ ไม่แค่นั้น
แนวหินใหญ่น้อยที่เรียงรายนี้ถ้าใช้บังดีๆ
ก็สามารถพาเธอเข้าถึงตัวเจ้าพาลาดินได้เช่นกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้เธอจึงเริ่มลงมือตอบโต้ทันที
แวมไพร์สาวตั้งสมาธิใช้การฟังเสียง
การทำงานของปืนเพื่ออ่านจังหวะ
ก่อนจะพุ่งตัวไปยังโขดหินที่อยู่ตรงหน้า
ทำให้เธอสามารถหลบกระสุนเวทย์ได้ทัน
แถมยังร่นระยะระหว่างเธอกับเจ้าพาลาดินตรงหน้าได้อีกด้วย
และเมื่อการหลบครั้งแรกได้ผล
แวมไพร์สาวก็พุ่งหลบไปตามโขดหิน
จนเธอเข้าใกล้เป้าหมายไปทุกที
"บ้าเอ๊ยยยยย" พาลาดินแห่งน้ำร้องอย่างเดือดดาด
ก่อนจะยิงเข้าใส่แวมไพร์สาวตรงหน้า
แต่สุดท้ายกระสุนของเขาก็ทำลาย
ได้แค่โขดหินที่ตั้งเรียงรายเท่านั้น
แวมไพร์สาวรุกคืบเข้าใกล้เขาไปทุกขณะ
โดยไม่อาจจะหยุดยั้งได้
หลายครั้งที่เขาหันไปทำลายโขดหินล่วงหน้า
แต่ผลของมันก็แค่ทำให้แวมไพร์สาวเปลี่ยนทาง
ที่จะเข้าใกล้เขาเท่านั้นเอง และในที่สุด
แวมไพร์สาวก็หลุดแนวโขดหินพุ่งเข้าใส่เขาทันที
แต่นั่นมันก็เข้าแผนร้ายของเจ้าพาลาดินอย่างจัง
เพราะทันทีที่แวมไพร์สาวเขาถึงตัวเขา
มีดบินเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ร่างเธอทันทีจนร่างของเธอล้มลง
พร้อมกับร่างของไซโคลนที่แอบซุ่มอยู่จะออกมา
ทั้งหมดนี้เป็นแผนของเจ้าพาลาดินทั้งคู่นั่นเอง
ไอซ์เอจเป็นตัวล่อเพื่อให้เวโรนิก้าเข้ามาใกล้
ก่อนจะให้ไซโคลนที่ซุ่มอยู่เป็นคนจัดการ
ด้วยวิธีนี้ทำให้พวกเขาสามารถจับเธอได้เป็นๆ
"ฮ่าๆๆๆ คิดจริงๆหรือว่าข้าจะยอมให้เจ้าเข้าถึงตัวได้น่ะ หา......."
พาลาดินแห่งน้ำหัวเราะร่า
ก่อนจะเดินเหยียบไปที่แขนของแวมไพร์สาว
ก่อนจะใช้สายตาสำรวจไปตามเรือนร่างของแวมไพร์สาว
ซึ่งมันทำให้เขาสังเกตุได้ถึงความผิดปกติอะไรบางอย่าง
นางแวมไพร์ตนนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
"ก็ไม่คิดน่ะสิ" เวโรนิก้าเค้นยิ้มออกมาเล็กน้อย
ก่อนจะร่ายเวทย์ทันที "ประกายแสงหิงห้อย"
เวทยนี้เป็นเวทย์ไฟเลเวล 6 แต่ถึงจะอยู่ในเลเวล 6
เวทย์นี้ก็ไม่ได้มีพลังทำลายอะไร
เพียงแต่เมื่อใช้แล้วผู้ร่ายจะร่างกายเรืองแสง
เจิดจ้าดั่งดวงอาทิตย์ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้ตาพร่าไปชั่วขณะ
และเพื่อจะใช้เวทย์นี้ให้ได้ผล
เวโรนิก้าจึงจงใจแกล้งเจ็บเพื่อล่อให้พาลาดินเข้ามาใกล้
แม้จะผิดคาดเล็กน้อยที่มีพาลาดินอีกคน
"อ๊ากกกกก" เจ้าพาลาดินทั้งสองร้องขึ้นมาหนึ่งคำ
ก่อนจะดีดตัวถอยห่างตามสัญชาติญาณ
ทำให้เปิดโอกาสให้แวมไพร์สาวพุ่งทะยานหนีไปในภูเขาหิน
ซึ่งกว่าสายตาของเจ้าพาลาดินทั้งคู่จะกลับมาปกติ
แวมไพร์สาวก็พุ่งทะยานหนีไปไกลเสียแล้ว
อีกทั้งด้วยแนวหินที่สลับซับซ้อน
จึงยากที่จะหาตัวเธอได้เจอ
"ข้าตามเอง" แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาของไซโคลน
เพราะแวมไพร์สาวนั้นเคลื่อนไหวด้วยพลังเวทย์ลม
ทุกครั้งที่เคลื่อนตัว
เธอจะทิ้งร่องกระแสลมเอาไว้
ซึ่งมีแต่ผู้ใช้เวทย์ลมเท่านั้นที่สัมผัสได้
และเขาก็เคยใช้ร่องกระแสลมนี้ในการตามตัวเธอได้มาแล้ว
และทันทีที่พาลาดินแห่งลมอ่านกระแสพบ
เขาก็พุ่งทะยานเข้าไล่ล่าในภูเขาหินทันที
และด้วยพลังเวทย์ที่เลเวลสูงกว่า
ไม่นานเขาก็ไล่ตามแวมไพร์สาวได้ทัน
และเมื่อเห็นเป้าหมายตรงหน้า
ไซโคลนก็ระดมซัดอาวุธลับเข้าใส่ทันที
แต่แนวหินที่ตั้งเรียงรายนั้น
ก็ช่วยเป็นเกราะกำบังให้แวมไพร์สาว
จนเธอสามารถรอดพ้นคมอาวุธลับนั้นได้ทั้งหมด
"ท่าทางท่านพาลาดินจะเจาะหินพวกนี้ไม่เข้าสิน่ะ"
เวโรนิก้าเอ่ยเย้ยหยัน
"อย่างนั้นเหรอ" ไซโคลนเอ่ยตอบ
พร้อมกับปลดกลไกลบางอย่างที่ปลอกแขน
ทำให้ใบมีดเล่มใหญ่ 8 เล่มไหลออกมาจากปลอกแขนทั้งสองข้าง
ต่อจากนั้นเจ้าพาลาดินแห่งลม
ก็นำด้ามใบมีดมาต่อกันจนได้ดาวกระจายยักษ์ 4 แฉก 2 เล่ม
"เอาไปเลยยยยย !!"
ไซโคลนร้องลั่นพร้อมกับเหวี่ยงดาวกระจายทั้งสองทันที
ดาวกระจายที่เกิดจากใบมีดที่อาบพลังธาตุลม 4 เล่ม
เมื่อนำมารวมกันทำให้ความคมเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าเช่นกัน
ทำให้สามารถตัดภูเขาหินได้อย่างง่ายดาย
เท่ากับว่าตอนนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถป้องกันเวโรนิก้าได้อีกแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นแวมไพร์สาวก็ยังพอพริ้วหลบได้
เพราะดาวกระจายนี้มีกระแสลมหมุนวนอยู่โดยรอบ
ทำให้นี่จึงตัวบอกตำแหน่งดาวกระจายให้เวโรนิก้าทราบได้เป็นอย่างดี
แต่การเคลื่อนที่ของดาวกระจายจะเคลื่อนเป็นวงกลม
ทำให้ดาวกระจายกลับไปอยู่ในมือไซโคลนได้เสมอ
และด้วยเพลงซัดที่พลิกแพลงได้หลากหลาย
แวมไพร์จึงหลบได้ยากขึ้นทุกที
จนตัวเธอเริ่มได้บาดแผลเข้าบ้างแล้ว
"รู้ไหมข้าหมันไส้ท่าทางชอบวางกล้ามของเจ้าเบิร์นนัก"
ไซโคลนพูดพลางก่อนจะเปลี่ยนการควบคุม
ดาวกระจายจากมือมาเป็นพลังเวทย์
"และถ้ามันอยากได้เจ้าแบบเป็นๆนัก
ข้าก็จะตัดหัวเจ้ากลับไปให้มันแทนไงล่ะ"
หลังจากพูดจบ ไซโคลนก็ซัดดวงกระจายทันที
แต่คราวนี้แตกต่างออกไป
เพราะเมื่อดาวกระจายโดนบังคับด้วยพลังเวทย์
การหมุนของมันจะยิ่งเร็วขึ้น
อีกทั้งความเร็วก็จะมากขึ้นไปอีก
ทำให้แม้แวมไพร์สาวจะหลบดาวกระจายเล่มแรกได้
แต่เล่มที่สองที่ตามมาก็ยากที่จะหลบพ้น
ทำให้คราวนี้เธอโดนบาดที่สีข้างได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
และเมื่อเธอได้รับบาดเจ็บเช่นนี้
ไซโคลนก็ใช้พลังเวทย์บังคับให้ดาวกระจายย้อนกลับมา
ดาวกระจายเล่มแรกพุ่งเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว
จนเธอต้องฝืนกระโดดหลบอีกรอบ
คราวนี้แม้หลบได้แต่บาดแผลของเธอ
ก็เปิดออกจนเลือดไหลออกมา ทำให้ดาวกระจายเล่มที่สอง
เธอจึงไม่อาจฝืนกระโดดหลบได้อีกแล้ว
แต่เมื่อหลบไม่ได้ ทำให้เธอเหลืออยู่ทางเดียว
แวมไพร์สาวตั้งสมาธิจนแน่วแน่
พร้อมกับพุ่งมือเข้าใส่ดาวกระจายนั้น
ก่อนจะคว้าเอาด้ามจับ
ทำให้สามารถหยุดดาวกระจายได้อย่างเฉียดฉิว
เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที
แน่นอนว่าเจ้าพาลาดินแห่งลมนั่นยังไม่รู้ตัว