Your Wishlist

ดินแดนมหัศจรรย์ (ดินแดนมหัศจรรย์)

Author: xxx555

เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland

จำนวนตอน :

ดินแดนมหัศจรรย์

  • 04/08/2568

แวมไพร์สาวทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างเจ็บปวด

 เลือดของเธอไหลทะลักออกจากแผลราวก๊อกแตก

 จนพื้นห้องในตอนนี้แดงฉานไปด้วยเลือดของเธอ

 

 ความเจ็บปวดจากแผลที่ได้รับทำให้เธอสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

 จนไม่อาจส่งเสียงร้องใดๆออกมาได้

 เธอในตอนนี้ทำได้แต่หันกลับไปมองชายตรงหน้า

 

 ผู้ที่เป็นเจ้าของผลงานซัดอาวุธลับใส่เธอ

 

 

"เจ้าเบิร์นนี่เอาแต่ใจตัวเองชะมัด

 ถือสิทธิ์ที่ท่านนายพลแต่งตั้งมันให้เป็นผู้นำของ 5 พาลาดิน

 สั่งโน่นสั่งนี่ แม้แต่พี่สาว มันก็สั่งว่าให้จับเป็น"

 

 ผู้ที่ซัดอาวุธลับนั้นก็คือไซโคลนนั่นเอง

 เขาพูดพลางพร้อมกับสั่งกลไกในปลอกแขน 

เพื่อปลดมีดอีกเล่มออกมา

 

 "แต่กลับเจ้าอาลูคาร์ด คำสั่งมันคือให้จับตายเว้ยยยยย"

 

"โล่พิทักษ์ธาตุดิน !!" แต่ก็ไวเท่าความคิด

 ช่วงจังหวะที่ไซโคลนกำลังซัดมีดบินออกมา

 เวโรนิก้าก็เอาตัวเขาขวางนายอาร์ตไว้

 

 พร้อมกับร่ายเวทย์ป้องกันในทันที

 แต่น่าเสียดาย 

ที่โล่ของเธอเกิดจากเวทย์เลเวล 6

 จึงไม่อาจป้องกันมีดบินที่อาบพังเวทย์ลมเลเวล 9 ได้เลย

 

 มีดบินสามารถทะลวงผ่านมาได้อย่างง่ายดาย

 แต่กระนั้นความรุนแรงของมีดก็โดนลดทอนลง

 เพราะมีดพุ่งเข้าร่างแวมไพร์สาว

 

 แต่ไม่อาจทะลุออกไปโดนนายอาร์ตที่อยู่ด้านหลังได้

 

"เธอ ....." นายอาร์ตร้องอย่างตกใจ

 ในขณะที่แวมไพร์สาวกระอัดเลือดมาคำใหญ่

 

ก่อนจะเอนกายเข้าซบอกนายอาร์ตอย่าง อ่อนแรง

 แต่กระนั้นเธอก็ยังรวบรวมพลังเฮือกสุดท้าย

ใช้เวทย์รักษาบาดแผลทั้งสองแห่ง ที่ช่องท้อง

 

"อย่างนั้นแหละรักษาตัวเองไปซะ

 เกิดพี่สาวตายก่อนที่พวกเจ้าเบิร์นจะตามมาทันข้าจะแย่เอา"

 พาลาดินแห่งลมกล่าว 

 

"ว่าแต่ทำไมพี่สาวไม่ใช่เวทย์วิซาร์ดเมื่อกี้ล่ะ

 ดูท่ามันคงมีเงื่อนไขบางอย่างที่ทำให้ใช้ไม่ได้อยู่สิน่ะ"

 

"นี่มีเจ้าตามมาคนเดียวเหรอ" แวมไพร์สาวเอ่ยถาม

 

"ก็อย่างว่าน่ะ คนที่จับร่องกระแสลมที่เจ้าทิ้งไว้

 แล้วสามารถตามมาถูกได้เนี่ย

 มันก็มีแต่ผู้ใช้เวทย์ลมชั้นสูงอย่างพาลาดินธาตุลมคนนี้ไง"

 

คำตอบที่เวโรนิก้าได้รับจากไซโคลนทำให้เธอคิดอะไรได้บางอย่าง 

'ถ้าเจ้านี่มาคนเดียว แบบนั้นก็ดีสิ

 

 

 

 เพราะแบบนี้เราก็สามารถหาทางหนีได้ง่ายกว่าพวกมันมากันหมด'

  แต่ความคิดของ

 

 แวมไพร์สาวก็ดูเหมือนจะถูกเจ้าพาลาดินแห่งลมสัมผัสได้

 มันยิ้มขึ้นมาก่อนจะเอ่ยช้าๆ

 

"อย่าแม้แต่จะคิดพี่สาว

 ตอนนี้จุดตายของพี่สาวกับเจ้าอาลูคาร์มันทับซ้อนกันอยู่

 ถ้าพี่สาวเบี่ยงตัวแค่เซ็นเดียว

 ข้าจะซัดมีดแบบที่ไวกว่าแสงเข้าจุดตายของเจ้าอาลูคาร์ดทันที"

 

"พี่สาวจบเห่แล้ว จงรักษาตัวไปแบบนี้เถอะ

 

แวมไพร์สาวในตอนนี้ได้แต่นั่งนิ่งเงียบไปทันทีที่ได้รับคำตอบ

 แม้เธอจะเป็นคนฉลาดแค่ไหน

 

แต่ในตอนนี้เธอเองก็อ่านไม่ออกว่าที่เจ้าไซโคลนพูดมา

 มันสามารถทำได้จริงหรือแค่ขู่เฉยๆ แต่สำหรับเธอ

 ความปลอดภัยของนายอาร์ตต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง

 

 ดังนั้นเธอจึงไม่อาจจะเสี่ยงได้ แต่เธอจะทำเช่นไรล่ะ

 เธอจะทำเช่นไรถึงสามารถจัดการ

เจ้าพาลาดินตรงหน้าโดยที่เธอไม่ต้องขยับ

 

 

"ถ้าแผลเธอหายเมื่อไหร่ เธอหนีไปเถอะ"

 นายอาร์ตเอ่ยขึ้นเบาๆ

 เพราะถึงแม้หญิงสาวที่ซบร่างเขาอยู่จะเป็นแวมไพร์

 แต่เมื่อครู่เธอก็ปกป้องเขา ถ้าเธอต้องมาตายไปกับเขา

 เขาคงให้อภัยตัวเองไม่ได้

 

"พ่อพระเอก" เวโรนิก้าเอ่ยเสียงสูงหยอกล้อ

 ก่อนที่เธอจะหันมาสบตาเขาช้าๆ 

"เสียใจหรือเปล่าที่ตอนนี้นางเอกเป็นข้า ไม่ใช่แม่พรีสผมเงินนั่น"

 

"ดูท่าข้าจะพาเจ้ามาได้แค่นี่เองน่ะ" เวโรนิก้าเอ่ยเบาๆ

 

"ข้าไม่เคยสอนให้เจ้าเป็นคนยอมแพ้ เวโรนิก้า"

 

ชั่วขณะนั้นเอง ก็มีเสียงดังกังวานของผู้ที่ทรงอำนาจสูงดังขึ้น

 พร้อมๆกับไอความมืดที่ไม่ทราบที่มา

ผลุดคลุมเวโรนิก้ากับชายหนุ่มเป็นวงกลม

 

 ราวกับจะเป็นป้อมปราการป้องกัน

พวกเธอจากศัตรูที่อยู่ตรงหน้า 

ซึ่งไซโคลนก็ไม่รอช้าซัดมีดออกไปทันที !!

 

  แต่ที่น่าตกใจก็คือ

 ทันทีมีดสั้นของเขาทะลวงเข้าไปในไอความมืด

 เขาก็ไม่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของมีดเล่มนั้นได้เลย

 ราวกับว่ามันโดนกลืนหายไปอีกมิติหนึ่ง

 

"เจ้าเป็นใคร !!" พาลาดินแห่งลมเอ่ยอย่างเดือดดาด

 

ไม่มีเสียงตอบใดๆ 

มีแต่เพียงไอมาน่ามหาศาลที่อยู่ๆก็ทวีความรุนแรงขึ้น

 ไอที่มีที่มาจากหลังบานประตูเครื่องข้ามมิติ

 

 ไอที่ที่ผู้เป็นเจ้าของกำลังคร้ามผ่านเครื่องนี้เขามา

 ไอของชายผู้ร่างกายสูงใหญ่ 

แต่งตัวด้วยชุดออกรบเต็มอัตราศึก

 

 ไอของผู้ที่เป็นเจ้าของสามารถ

สร้างความตื่นตระหนกในกลับพาลาดินแห่งลมตรง หน้า

 จนเขาต้องเอ่ยเรียกชายผู้นั้นปากคอสั่น

 

"จะ ... เจ้า ลินคอร์น !!!"

 

"เห็นข้าแล้วยังไม่ใสหัวไปอีก"

 

 จ้าวขุนพลแห่งแวมไพร์เอ่ยขึ้นด้วยสำเนียงทรงพลัง

 จนเจ้าพาลาดินแห่งลมที่อยู่ตรงหน้าเหงื่อไหลออกมาอย่างไม่ทันรู้ตัว

 แต่กระนั้นมันก็ยังเค้นเสียงตอบกลับ

 

 

"อย่ามาตลก ลินคอร์น เจ้ามันก็แค่แวมไพร์ชั้นขุนพล

 เวทย์สูงสุดของเจ้ามันก็แค่เลเวล 9 ไม่ต่างกับข้า

 ไม่มีเหตุผลที่ข้าต้องกลัวเจ้าหรอกเว้ย"

 

เมื่อไซโคลนพูดจับมันก็ปลดมีดบินสองเล่มออกมาทันที

 แต่เขาก็ทำแค่ตั้งท่าหยั่งเชิงไว้อย่างนั้น

 เพราะเขากับแวมไพร์ตรงหน้าอยู่เลเวลระดับเดียวกัน

 

 ทำให้ผลแพ้ชนะมันออกได้ทั้งสองหน้า 

ทำให้เขาไม่อยากเสี่ยง 

จึงเลือกที่จะหยั่งเชิงเพื่อรอเวลา

 

 รอเวลาที่พาลาดินคนอื่นๆจะตามรอยเข้ามาเสริมได้ทัน

 ซึ่งเขาก็ไม่ต้องรอนาน เพราะแค่อึดใจเดียว

 พาลาดินอีก 4 ก็ตามมาเสริมแล้ว

 

"นั่นน่ะเหรอลินคอร์น

 พลังมาน่าที่น่าสะอิดสะเอียนนั่นเป็นของมันนี่เอง"

 

 พาลาดินแห่งน้ำกล่าวขึ้นเป็นคนแรก

 แต่ไม่ทันที่เขาจะกล่าวจบดี

 เบิร์นก็ออกไปยืนนำหน้าพาลาดินทั้งหมดเสียแล้ว

 

 

 

"ข้าได้ยินสมญานามท่านมานานแล้ว

 ท่านขุนพลไร้พ่ายผู้ยิ่งใหญ่

 แต่ข้าไม่นึกเลยว่าการพบกันครั้งแรก

ของเราจะเกิดขึ้นในที่แบบนี้

 ข้ายังเคยคิดว่าจะได้เจอท่านในสมรภูมิที่ยิ่งใหญ่ซะอีก"

 

"ชั่วชีวิตข้าทำแต่สงครามที่ยิ่งใหญ่ แล้วเจ้าล่ะมัวแต่ไปทำอะไรอยู่ ไอ้หนู"

 

สิ้นคำกล่าวของลินคอร์น

 พาลาดินแห่งไฟก็ชักสีหน้าขึ้นมาทันที 

คำกล่าวนี้ความหมายโดยนัยก็คือ

 สนามรบที่ขุนพลแวมไพร์ผู้นี้

 

เผชิญมามันอยู่คนละระดับกับสนามรบที่พาลาดินผู้นี้ได้เผชิญ

 

 สนามรบที่พาลาดินแห่งไฟผ่านมานั้น สำหรับเขา

 มันก็แค่สนามเด็กเล่นเท่านั้นเอง คำกล่าวเช่นนี้

 ในหมู่นักรบนับว่าหยามเกียรติกันไม่น้อย

 

"ปากดีนักน่ะไอ้สวะ !!" 

พาลาดินแห่งไฟกล่าวอย่างเดือดดาด 

 

"ข้าอยากรู้นักว่าแวมไพร์สวะอย่างเจ้ามันจะดีแต่ปากหรือเปล่า

 เจ้ากับข้า มาดวลกัน !!"

 

สิ้นเสียงประกาศ ลินคอร์นก็ตอบรับในทันที

 เขาสะบัดเสื้อคลุมทิ้งไปเหลือไว้เพียง

ร่างกายสูงใหญ่กับเพราะสีดำน่าเกรงขาม

 

 ในขณะที่เบิร์นเองก็ก้าวไปประจันหน้า

อย่าไม่หวาดกลัวเช่นกัน

 แต่ความรู้สึกของพาลาดินคนอื่น

 

กลับแตกต่างออกไป อย่างเช่นไอซ์เอจ

 เขาไม่พอใจการตัดสินใจครั้งนี้ของเบิร์นอย่างมาก

 

 เพราะในความคิดเขา พาลาดินทั้ง 5

 น่าจะร่วมมือกันโจมตีแวมไพร์ลินคอร์นมากกว่า

 แต่เมื่อเบิร์นตัดสินใจไปแล้ว

 

 เขาก็ไม่สามารถทำอะไรต่อได้

 นอกจากถอยฉากออกไปเท่านั้น

 

"ในฐานะที่เจ้าเป็นแวมไพร์มีชื่อเสียง

 ข้าจะให้เจ้าได้ตายอย่างสมเกียรติ

 ด้วยเวทย์ที่ร้ายกาจที่สุดของข้า ....

 ดินแดนเพลิงพระกาฬ...รวมศูนย์ !!!"

 

 

 

ดินแดนเพลิงพระกาฬ เป็นเวทย์ธาตุไฟเลเวล 9

 ที่ทรงอานุภาพเวทย์หนึ่ง

 หลักของเวทย์นี้ก็คือใช้ร่างกายผู้ร่ายเป็นสื่อกลาง

 

 เพื่อชักนำพลังธาตุไฟรอบด้านมาใช้งาน

 เวทย์นี้เมื่อฝึกสำเร็จแล้ว

 ร่างกายผู้ใช้จะลุกไหม้เป็นเปลวเพลิง

 

 ทำให้ผู้ใช้สามารถเป็นอมตะได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

 เพราะไม่ว่าจะถูกโจมตีด้วยอาวุธหรือเวทย์มนต์แค่ไหน

 เปลวไฟก็สามารถกลับมาลุกได้ใหม่เสมอ

 

 เวทย์นี้จัดว่าเป็นเวทย์ที่มีระดับความยากสูงมาก

 ขนาดในหมู่พรีสชั้นสูงยังหาผู้ฝึกสำเร็จได้น้อย

 แต่พาลาดินแห่งไฟผู้นี้กลับทำได้ 

 

ทั้งที่เขาอยู่ในคราสวอร์ริเออร์ด้วยซ้ำ

 ดังนั้นเขาจึงได้รับโคดเนม เบิร์น จากนายพลแลนด์ซาร์ต

 และถูกยกให้เป็นผู้นำแห่งพาลาดินทั้ง 5

 

ดินแดนเพลิงพระกาฬรวมศูนย์

 เป็นเวทย์ที่เบิร์นพัฒนาต่อยอดจากเวทย์ปกติ

 เพราะปกติแล้วเวทย์นี้จะโจมตี

โดยการระเบิดตัวเองให้ทุกสิ่งรอบด้านกลายเป็น ทะเลเพลิง

 

 

 เหมือนที่เบิร์นใช้ในทีแรก

 แต่สิ่งที่เขาพัฒนาต่อก็คือ

เขารวมพลังทำลายเหล่านั้นให้กลับมารวมตัวใน

 รูปลูกไฟเพลิง ผลก็คือได้ลูกไฟที่มีพลังทำลายมากกว่าเวทย์ไหนๆ

 

ในระดับเลเวล 9 ลูกไฟที่เผาได้ทุกอย่าง

แม้แต่คาถาป้องกันธาตุน้ำ

 เรียกว่าระดับความรุนแรง เท่ากับเวทย์เลเวล 10 ก็ว่าได้ !!

 

"ย๊ากกกกกก"

 

เบิร์นตวาดลั่นพร้อมกับซัดลูกไฟเพลิง

ใส่ร่างแวมไพร์ตรงหน้าทันที

 เบิร์นในตอนนี้มั่นใจเป็นอย่างมาก

ว่าจะสยบศัตรูได้อยู่หมัด

 

 เพราะแวมไพร์ตรงหน้าระดับของมัน

ก็แค่ระดับขุนพลเท่านั้น เวทย์ใดๆของแวมไพร์ขุนพล

 ไม่มีทางป้องกันลูกไฟนี้ได้อยู่แล้ว

 

แต่แวมไพร์ลินคอร์นกลับไม่ได้หวั่นไหวแต่อย่างใด .......

 เขาทำแค่เพียงยืนมือออกไปด้านหน้า

ก่อนจะร่ายเวทย์บางอย่าง

 

"ม่านรัตติกาล"

 

ทันที่ที่ร่ายจบ ควันสีดำจำนวนมหาศาล

ก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นก่อนจะจับตัวกันแน่นจนเป็นกำแพงหนา

 ขนาดที่ว่าสามารถบดบังชายร่างสูงใหญ่

 

อย่างลินคอร์นได้มิด

 ก่อนที่มันจะรับลูกไฟจากเบิร์นอย่างจัง !! 

แต่น่าแปลก ทั้งๆที่เวทย์ทั้งสองนี้โจมตีเข้าใส่กันอย่างจังแท้ๆ

 

 แต่มันกลับเงียบเชียบ ไม่มีแม้กระทั้งเสียงระเบิดใดๆ 

ราวกับลูกไฟนั้น โดนกลืนหายไปเสียเอง

 

"นี่มันอะไรกันว่ะ" เบิร์นสบถออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา

 

"เอาคืนไป" ลินคอร์นไม่รอช้าตอบโต้กลับทันควัน

 กำแพงม่านดำเกิดการเปลี่ยนแปลง 

ลูกไฟที่โดนกลืนไปเมื่อครู่ กับกำลังโผล่ออกมา

 

 แต่คราวนี้สิ่งที่ต่างออกไป

 นั่นคือคราวนี้ลูกไฟตกอยู่ภายใต้การควบคุมของลินคอร์นเสียแล้ว

 และไม่ทันที่เบิร์นจะตั้งรับหรือหลบหลีก

 

 ลูกไฟก็พุ่งเข้าเผาร่างจนลำตัวท่อนบนของเขาสูญสลายไปหมดสิ้น

 

"นี่น่ะเหรอพลังของลินคอร์น"

 ในขณะที่พาลาดินทั้ง 4 กำลังตื่นตะลึงกับการพ่ายแพ้ของเบิร์น

 ไอซ์เอจก็พูดขึ้นมาเป็นคนแรก

 

 "มิน่าล่ะ การข่าวของเราถึงมีข่าวมันน้อยมาก

 ที่แท้มันมีเวทย์ที่ร้ายกาจจึงสามารถสังหารสายลับของเราได้หมด"

 

"นี่มันเวทย์อะไรไอซ์เอจ" ไซโคลนร้องถาม

 

"เวทย์ธาตุอะไรน่ะรึ" ไอซ์เอจเอ่ย "

 

เวทย์ในตำราโลกธาตุมีด้วยกันทั้งหมด 7 ธาตุ 

5 ธาตุแรกเป็นธาตุจักวาล 2 ธาตุหลังเป็นธาตุพิเศษ

 ธาตุแรกก็คือสายแสงสว่าง 

แต่อีกธาตุนี่สิ น่าจะเป็นธาตุของมันโดยแน่"

 

"ธาตุความมืด"

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป