ผมยิ่งได้ใจ มือผมที่ว่างอยู่เริ่มล้วงลงไป จับก้นเธอแล้วลูบเล่น เธอสะดุ้งโหยงเลย แต่กลับไม่ร้อง ผมลูบไปได้ซักพักก็เริ่มอยากสัมผัสกับเนื้อจริง ๆ เลยล้วงเข้าไปในกระโปรงเธอเลย
ผมยิ่งได้ใจ มือผมที่ว่างอยู่เริ่มล้วงลงไป จับก้นเธอแล้วลูบเล่น เธอสะดุ้งโหยงเลย แต่กลับไม่ร้อง ผมลูบไปได้ซักพักก็เริ่มอยากสัมผัสกับเนื้อจริง ๆ เลยล้วงเข้าไปในกระโปรงเธอเลย
แม่เอื่อมมือมาหยิกที่แขนผม
ผมยิ้มอย่างมีความสุขแล้วก้มลงไปหอมแก้มแม่
"ขอบคุณนะครับ แล้ววันหลังให้ผมเย็ดอีกนะ"
ผมขยับผ้าห่มขึ้นมาห่มให้กับแม่แล้วขยับตัวลงมานอนข้างล่าง
ซักพักก็ได้ยินเสียงแม่เดินออกไปข้างนอก
คงจะไปล้างเนื้อล้างตัวแหละมั้ง และผมก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
ผมตื่นมาตอนเช้าเพราะรู้สึกว่ามุ้งมันขยับ
ผมลุกขึ้นมานั่งก็เห็นแม่กำลังจะเก็บมุ้งอยู่
พอเห็นผมตื่นก็หันมายิ้มให้
"หลับสบายหรือเปล่าอาร์ม" ผมยิ้มตอบ
"หลับสบายมากเลยครับแม่
แล้วแม่ละครับนอนหลับฝันดีหรือเปล่าเมื่อคืน"
แม่หันมาค้อนผมนิดนึง
"ฝันดีสิจ๊ะ แม่ไม่ได้ฝันดีแบบนี้มานานแล้วล่ะ"
แน่ล่ะครับ ก็เสร็จด้วยลิ้น กับควยผมไปอย่างละรอบ
จะไม่ฝันดีได้ยังไง แต่ผมก็ยังแกล้งถามแม่ต่อ
"แล้วแม่ฝันว่าอะไรเหรอครับเมื่อคืน"
"เรื่องอะไรจะบอกล่ะ"
แม่ทำท่าเหมือนเด็ก ๆ แล้วก็แลบลิ้นใส่ผมก่อนจะเดินออกไป
ผมล้มตัวลงนอนต่ออย่างเป็นสุข
เพราะผมได้แม่กลับมาอีกครั้งแล้ว
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนกี่โมงก็ไม่รู้เพราะ
ได้ยินเสียงเหมือนใครมาโวยวายอะไรอยู่ที่หน้าบ้าน
"...นี่ก็ผลัดมา 2 อาทิตย์แล้วนะ จะผลัดไปถึงเมื่อไหร่กัน
แบบนี้ฉันก็แย่สิ ถ้าหล่อนไม่มีตังค์จ่ายก็เก็บข้าวของออกไปซะ
ฉันจะได้ให้คนอื่นเค้ามาเช่าแทน"
ผมงงเลย มันเรื่องอะไรกันเนี่ย
"เจ๊ฮัว ตอนนี้ฉันมีปัญหาเรื่องเงินนิดหน่อยน่ะเจ๊
ขอเวลาให้ฉันอีกซักอาทิตย์นะ ฉันรับรองว่าฉันมีจ่ายให้แน่ ๆ"
อ๋อ ผมรู้ทันทีที่ได้ยินแม่เรียกชื่อเจ๊ฮัวออกมา
เพราะแม่เคยเล่าให้ฟังว่ายัยเจ้ฮัวคนเนี้ย
เป็นเจ้าแม่เงินกู้ในย่านนี้ แถมเรียกดอกเบี้ยสูงเอามาก ๆ
ไม่รู้จะขูดรีดขูดเนื้อกับคนหาเช้ากินค่ำไปถึงไหนกัน
แต่ก็ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับแกเพราะ
แกรู้จักคนใหญ่คนโตแถวนี้หลายคน
และอีกอย่างนึงแกก็เป็นเจ้าของบ้านที่แม่ผมเช่าอยู่ซะด้วย
สงสัยที่มาเนี่ยคงมาทวงเงินค่าบ้านแน่ ๆ
แต่ทำไมแม่ถึงได้ค้างค่าเช่าบ้านยัยเจ๊หน้าเลือดนี่ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
ผมอยากจะเห็นหน้ายัยเจ๊คนนี้ก็เลยลุกเดินออกไปดู
เสียงยัยเจ๊ฮัวยังคงขึ้นเสียงไม่เลิก
"รับรอง ๆ คราวที่แล้วหล่อนก็พูดแบบนี้
แล้วยังไง แล้วก็ผลัดไปเรื่อย หล่อนไม่มีจ่ายก็บอกมาตรง ๆ
แล้วก็เก็บข้าวของย้ายออกไป"
ผมออกไปยืนหน้าประตู ก็เห็นว่าแกดูมีอายุแล้วแหละ
ก็ปาเข้าไป 50 ได้แล้วมั้ง หน้าตาธรรมดา ๆ แต่แค่ดูผ่าน ๆ
ก็รู้เลยว่าเป็นคนจีนแน่ ๆ เพราะผิวแกขาวมาก ๆ แต่งตัวดีมีฐานะ
"โธ่เจ๊ ฉันรับรองว่าอาทิตย์หน้าฉันมีจ่ายให้แน่ ๆ นะเจ๊นะ
ให้เวลาฉันหน่อย อย่าไล่ฉันออกไปเลยนะเจ๊"
ดูเหมือนแม่จะยกมือไหว้มันด้วย แต่ผมไม่แน่ใจนะเพราะแม่หันหลัง
"เสียเวลาฉันจริงจริ๊ง" ยัยเจ๊ฮัวยังโวยวายไม่เลิกพร้อมกับชี้หน้าแม่ผม
"ฉันจะให้เวลาหล่อนครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้วนะยัยเหมียว
ถ้าถึงเวลาหล่อนยังไม่มีจ่ายให้ฉันล่ะก็
เตรียมตัวเก็บข้าวของออกจากบ้านไปได้เลย"
ยัยเจ๊ฮัวคงเหลือบมาเห็นผมเข้าก็มองตั้งแต่
หัวจรดเท้าเลยด้วยสายตาเหยียด ๆ เบะปาก
แล้วก็เชิดหน้าสายตูดเดินจากไป ดูมันทำ ผมอยู่ของผมอยู่ดีดี๊
ทำไมต้องมองแบบดูถูกแบบนั้นด้วย เหมือนกับผมเป็นกิ้งกือ
ไส้เดือนงั้นแหละ หรือไม่มันก็คงจะคิดว่าผมเป็นแฟนใหม่ของแม่ล่ะมั้ง
ผมโมโหตั้งแต่เห็นมันมาชี้หน้าขึ้นเสียงกับแม่ผมแล้ว
ยิ่งมาเจอแบบนี้ผมยิ่งโมโหใหญ่
พอแม่เดินกลับเข้ามาผมเลยถามว่านี่มันเรื่องอะไรกัน
แม่ถอนใจแล้วบอกให้เข้าไปคุยกันในบ้าน
แม่บอกว่า 2 เดือนมานี้เงินช๊อต เพราะตอนนี้แม่อยู่คนเดียวแล้ว
เมื่อก่อนยังมีคนช่วยแชร์ค่าใช้จ่าย
แต่ตอนนี้แม่ต้องรับภาระคนเดียว
ผมก็พอจะเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร
แต่ผมก็ยังไม่พอใจอยู่ดีกับท่าทางที่มันทำ
แม่บอกว่าทุกคนแถวนี้เค้ารู้กิตติศัพท์แกหมดแหละ
แกเป็นคนปากร้าย ถ้าใครไม่จ่ายเงินแกตามกำหนดล่ะก็
แกด่าไม่ไว้หน้า โดนกันมาหมดแล้ว
พอผมรู้ว่าแม่มีปัญหาด้านการเงินผมก็เริ่มรู้สึกไม่ดี
เพราะผมมาอยู่กับแม่ แม่ก็ต้องรับภาระที่จะต้องเลี้ยงดูผม
ถึงแม้มันจะไม่ใช่เงินมากมายอะไร
แต่สำหรับคนไม่มี ทุกบาทมีค่าเสมอ
"ผมมาเพิ่มภาระให้แม่หรือเปล่าครับเนี่ย"
แม่ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน
"เปล่าเลยอาร์ม แม่ไม่เคยคิดว่าอาร์มเป็นภาระนะ
แม่รู้สึกดีด้วยซ้ำไปที่แม่ได้มีโอกาสดูแลลูก"
แม่ลูบหัวผม "ไม่ต้องคิดมากนะลูก แม่หาทางออกได้อยู่แล้ว"
แม่ยิ้มให้ผมเพื่อให้ผมสบายใจ
แต่ผมดูออกว่าในตาแม่มีแววกังวลซ่อนอยู่
ผมต้องหาทางช่วยแม่ให้ได้
ผมคิดอยู่ในใจ แต่จะทำยังไงล่ะ เรียนก็ยังเรียนไม่จบ
จะไปหางานทำก็ทำไม่ได้เพราะยังไม่ปิดเทอม
จะไปขอพ่อก็คงจะไม่ได้
เพราะไม่รู้ว่าจะไปบอกว่าขอไปทำอะไร เฮ้อ คิดแล้วก็กลุ้ม
วันนี้ผมก็กะจะค้างที่บ้านแม่อีกซักคืนนึง
แต่พอผมรู้อย่างนี้แล้วก็เลยไม่อยากอยู่เป็นภาระของแม่ต่อ
ผมเลยบอกแม่ว่าจะกลับบ้าน แม่รั้งผมไว้ให้ค้างต่ออีกคืน
แต่ผมปฏิเสธแล้วขอตัวกลับเลย
ระหว่างที่ผมเดินออกมาก็คิดหาวิธีที่จะช่วยแม่ไปตลอดทาง
และแล้วก็ไม่รู้ว่าสวรรค์หรือนรกกันแน่
ที่ทำให้ผมได้ยินเสียงคนบางคน จนทำให้ความคิดชั่ว ๆ
ของผมมันผุดขึ้นมาในหัวผมได้
เสียงที่ผมได้ยินดังมาจากบ้านหลังหนึ่งที่อยู่เกือบจะหน้าซอยแล้ว
มันเป็นบ้านสองชั้นไม่ใหญ่มากนัก
คนที่อยู่ในบ้านหลังนี้ก็คือเจ้าของเสียงที่ผมได้ยินนั่นแหละครับ
"ฉันไม่รู้ และฉันก็ไม่สนใจด้วย แกจะไม่มีเพราะเหตุผลอะไร แม่เสีย
หรือพ่อจะป่วยมันก็เรื่องของแกไม่ใช่เรื่องของฉัน
ฉันรู้แต่ว่าพอถึงเวลาจ่ายเงินแกก็ต้องจ่ายให้ฉัน"
คงพอจะเดาออกใช่มั้ยครับว่าเป็นใคร
ก็ยัยเจ๊ฮัวจอมโหดนั่นแหละครับ
ผมหันไปมองตามเสียงก็เห็นยัยเจ๊ฮัวยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าบ้าน
แล้วก็มีผู้ชายคนนึงเดินคอตกออกไป โอ้โห
มันหน้าเลือดได้ใจจริง ๆ เลยนะ
ผมเองไม่ค่อยชอบยัยเจ๊คนนี้อยู่แล้วด้วย
ยิ่งมาเห็นแบบนี้ยิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่
อารมณ์ชั่ววูบก็เลยพาให้ผมคิดจะแก้เผ็ดยัยเจ๊ฮัวมัน
โดยการจะแกล้งไปปล้นบ้านมันซะเลย
ไม่รู้ผมคิดไปได้ยังไงเหมือนกันนะ
และผมไม่คิดถึงผลที่จะตามเลยตอนนั้นว่า
สิ่งที่ผมจะทำจะก่อให้เกิดผลอะไรตาม มาหรือเปล่า
ผมรู้แต่เพียงว่าผมอยากจะแก้เผ็ดมันให้ได้แค่นั้น
ผมกลับบ้านไปเตรียมการ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นสีดำทั้งเสื้อและกางเกง
โดยที่ไม่ลืมเตรียมไอ้โม่งที่ใส่ประจำไปด้วย
และมีดทำครัวอันไม่ใหญ่มากนักติดตัวไปด้วยเล่มนึง
ที่เอาไปไม่ได้คิดจะเอาไปฆ่าใครหรอกครับ
แค่จะเอาไปขู่แค่นั้นเอง จะไปมือเปล่าก็กะไรอยู่
ผมรอเวลาให้มืดซักหน่อยแล้วก็นั่งรถไปยังเป้าหมายทันที
ตอนกลางคืนแถวนี้ไม่ค่อยมีผู้คนเดินซักเท่าไหร่ครับ
ค่อนข้างจะเปลี่ยวเลย ดีหน่อยตรงที่มีไฟส่องทาง
ไม่งั้นคงอันตรายน่าดูเลยครับแถวนี้
ผมเห็นบ้านยัยเจ๊ฮัวชั้นล่างปิดไฟมืดสนิท มีแต่แสงไฟสลัว ๆ
ส่องลอดออกมาจากห้องด้านบนเท่านั้น ผมใส่ไอ้โม่งทันที
และย่องหลบเข้าไปตามมุมมืดของบ้านยัยเจ๊ฮัว
และสอดส่องหาวิธีที่จะเข้าไปในบ้านให้ได้
ผมมองหาอยู่นานในที่สุดก็พบ
เหมือนกับฟ้าดินเป็นใจให้ผมทำชั่วได้สำเร็จ
ปรากฎว่ามีหน้าต่างบ้านหนึ่งปิดไม่สนิท
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังต้องงัดอยู่นานเหมือนกันกว่าจะเปิดมันออกได้
แถมพอเปิดได้แล้วยังเจอมุ้งลวดขวางอยู่อีกชั้นนึงด้วย
ยังโชคดีที่ไม่มีเหล็กดัด ไม่งั้นล่ะก็หมดสิทธิ
ผมค่อย ๆ ออกแรงดันมุ้งลวดให้เปิดอ้าออก
พยายามให้เกิดเสียงน้อยที่สุด จนในที่สุดผมก็เข้ามาอยู่ในบ้านได้
ที่ผมเข้ามาเป็นในส่วนของห้องครัว มันค่อนข้างมืดครับ
แล้วผมก็ดันลืมที่จะเอาไฟฉายติดตัวมาด้วย
ลืมอะไรไม่ลืม ดันลืมไฟฉาย
ผมต้องหลับตาอยู่พักเพื่อให้สายตาเคยชินกับความมืด
ก็พอจะทำให้เห็นอะไรได้ลาง ๆ
ผมเดินออกจากห้องครัวไปก็เจอกับห้องรับแขก
และบันไดที่ขึ้นสู่ชั้นบนอยู่ทางด้านซ้ายของห้อง
ผมไม่มีเวลาสำรวจมองอะไรมากนัก รีบเดินขึ้นไปชั้น 2 ทันที
พอขึ้นไปถึงด้านบนผมเห็นประตูห้อง ๆ
นึงเปิดอ้าอยู่มีแสงลอดออกมา
แล้วมีเสียงเหมือนมีคนอาบน้ำดังมาจากห้องข้าง ๆ
ที่ขณะนี้ประตูปิดสนิท
ผมมองไปอีกฝั่งนึงก็เห็นประตูบานนึงปิดอยู่เลย
ไม่รู้ว่าข้างในเป็นห้องอะไร
ผมค่อย ๆ ชะโงกหน้ามองลอดประตูที่เปิดอ้าอยู่เข้าไป
ก็พบว่ามันเป็นห้องนอนครับ
เสียงที่เหมือนมีคนอาบน้ำคงจะมาจากห้องน้ำที่อยู่ห้องข้าง ๆ นั้นเอง