Your Wishlist

ความ​บังเอิญ​ (ความ​บังเอิญ​)

Author: xxx555

ผมยิ่งได้ใจ มือผมที่ว่างอยู่เริ่มล้วงลงไป จับก้นเธอแล้วลูบเล่น เธอสะดุ้งโหยงเลย แต่กลับไม่ร้อง ผมลูบไปได้ซักพักก็เริ่มอยากสัมผัสกับเนื้อจริง ๆ เลยล้วงเข้าไปในกระโปรงเธอเลย

จำนวนตอน :

ความ​บังเอิญ​

  • 06/09/2568

แม่เอื่อมมือมาหยิกที่แขนผม

 ผมยิ้มอย่างมีความสุขแล้วก้มลงไปหอมแก้มแม่

"ขอบคุณนะครับ แล้ววันหลังให้ผมเย็ดอีกนะ"

 

ผมขยับผ้าห่มขึ้นมาห่มให้กับแม่แล้วขยับตัวลงมานอนข้างล่าง

 ซักพักก็ได้ยินเสียงแม่เดินออกไปข้างนอก

คงจะไปล้างเนื้อล้างตัวแหละมั้ง และผมก็หลับไปอย่างรวดเร็ว

 

 

ผมตื่นมาตอนเช้าเพราะรู้สึกว่ามุ้งมันขยับ

 ผมลุกขึ้นมานั่งก็เห็นแม่กำลังจะเก็บมุ้งอยู่ 

พอเห็นผมตื่นก็หันมายิ้มให้

"หลับสบายหรือเปล่าอาร์ม" ผมยิ้มตอบ

 

"หลับสบายมากเลยครับแม่

 แล้วแม่ละครับนอนหลับฝันดีหรือเปล่าเมื่อคืน"

แม่หันมาค้อนผมนิดนึง

"ฝันดีสิจ๊ะ แม่ไม่ได้ฝันดีแบบนี้มานานแล้วล่ะ"

 

แน่ล่ะครับ ก็เสร็จด้วยลิ้น กับควยผมไปอย่างละรอบ

 จะไม่ฝันดีได้ยังไง แต่ผมก็ยังแกล้งถามแม่ต่อ

"แล้วแม่ฝันว่าอะไรเหรอครับเมื่อคืน"

"เรื่องอะไรจะบอกล่ะ"

 

แม่ทำท่าเหมือนเด็ก ๆ แล้วก็แลบลิ้นใส่ผมก่อนจะเดินออกไป

 ผมล้มตัวลงนอนต่ออย่างเป็นสุข

 เพราะผมได้แม่กลับมาอีกครั้งแล้ว

 

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนกี่โมงก็ไม่รู้เพราะ

ได้ยินเสียงเหมือนใครมาโวยวายอะไรอยู่ที่หน้าบ้าน

 

 

 

"...นี่ก็ผลัดมา 2 อาทิตย์แล้วนะ จะผลัดไปถึงเมื่อไหร่กัน

 แบบนี้ฉันก็แย่สิ ถ้าหล่อนไม่มีตังค์จ่ายก็เก็บข้าวของออกไปซะ

 ฉันจะได้ให้คนอื่นเค้ามาเช่าแทน"

 

ผมงงเลย มันเรื่องอะไรกันเนี่ย

"เจ๊ฮัว ตอนนี้ฉันมีปัญหาเรื่องเงินนิดหน่อยน่ะเจ๊

 ขอเวลาให้ฉันอีกซักอาทิตย์นะ ฉันรับรองว่าฉันมีจ่ายให้แน่ ๆ"

 

อ๋อ ผมรู้ทันทีที่ได้ยินแม่เรียกชื่อเจ๊ฮัวออกมา

 เพราะแม่เคยเล่าให้ฟังว่ายัยเจ้ฮัวคนเนี้ย

 เป็นเจ้าแม่เงินกู้ในย่านนี้ แถมเรียกดอกเบี้ยสูงเอามาก ๆ

 

 ไม่รู้จะขูดรีดขูดเนื้อกับคนหาเช้ากินค่ำไปถึงไหนกัน

 แต่ก็ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับแกเพราะ

แกรู้จักคนใหญ่คนโตแถวนี้หลายคน

 

 และอีกอย่างนึงแกก็เป็นเจ้าของบ้านที่แม่ผมเช่าอยู่ซะด้วย

 สงสัยที่มาเนี่ยคงมาทวงเงินค่าบ้านแน่ ๆ

 แต่ทำไมแม่ถึงได้ค้างค่าเช่าบ้านยัยเจ๊หน้าเลือดนี่ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

 

ผมอยากจะเห็นหน้ายัยเจ๊คนนี้ก็เลยลุกเดินออกไปดู

 เสียงยัยเจ๊ฮัวยังคงขึ้นเสียงไม่เลิก

 

 

 

"รับรอง ๆ คราวที่แล้วหล่อนก็พูดแบบนี้

 แล้วยังไง แล้วก็ผลัดไปเรื่อย หล่อนไม่มีจ่ายก็บอกมาตรง ๆ

 แล้วก็เก็บข้าวของย้ายออกไป"

 

ผมออกไปยืนหน้าประตู ก็เห็นว่าแกดูมีอายุแล้วแหละ 

ก็ปาเข้าไป 50 ได้แล้วมั้ง หน้าตาธรรมดา ๆ แต่แค่ดูผ่าน ๆ

 ก็รู้เลยว่าเป็นคนจีนแน่ ๆ เพราะผิวแกขาวมาก ๆ แต่งตัวดีมีฐานะ

 

"โธ่เจ๊ ฉันรับรองว่าอาทิตย์หน้าฉันมีจ่ายให้แน่ ๆ นะเจ๊นะ

 ให้เวลาฉันหน่อย อย่าไล่ฉันออกไปเลยนะเจ๊"

ดูเหมือนแม่จะยกมือไหว้มันด้วย แต่ผมไม่แน่ใจนะเพราะแม่หันหลัง

 

"เสียเวลาฉันจริงจริ๊ง" ยัยเจ๊ฮัวยังโวยวายไม่เลิกพร้อมกับชี้หน้าแม่ผม

 

"ฉันจะให้เวลาหล่อนครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้วนะยัยเหมียว

 ถ้าถึงเวลาหล่อนยังไม่มีจ่ายให้ฉันล่ะก็

 เตรียมตัวเก็บข้าวของออกจากบ้านไปได้เลย"

 

ยัยเจ๊ฮัวคงเหลือบมาเห็นผมเข้าก็มองตั้งแต่

หัวจรดเท้าเลยด้วยสายตาเหยียด ๆ เบะปาก

 

 แล้วก็เชิดหน้าสายตูดเดินจากไป ดูมันทำ ผมอยู่ของผมอยู่ดีดี๊

 ทำไมต้องมองแบบดูถูกแบบนั้นด้วย เหมือนกับผมเป็นกิ้งกือ

 ไส้เดือนงั้นแหละ หรือไม่มันก็คงจะคิดว่าผมเป็นแฟนใหม่ของแม่ล่ะมั้ง

 

 

ผมโมโหตั้งแต่เห็นมันมาชี้หน้าขึ้นเสียงกับแม่ผมแล้ว

 ยิ่งมาเจอแบบนี้ผมยิ่งโมโหใหญ่

 พอแม่เดินกลับเข้ามาผมเลยถามว่านี่มันเรื่องอะไรกัน

 

 แม่ถอนใจแล้วบอกให้เข้าไปคุยกันในบ้าน

 แม่บอกว่า 2 เดือนมานี้เงินช๊อต เพราะตอนนี้แม่อยู่คนเดียวแล้ว

 เมื่อก่อนยังมีคนช่วยแชร์ค่าใช้จ่าย 

แต่ตอนนี้แม่ต้องรับภาระคนเดียว

 

ผมก็พอจะเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร

 แต่ผมก็ยังไม่พอใจอยู่ดีกับท่าทางที่มันทำ

 แม่บอกว่าทุกคนแถวนี้เค้ารู้กิตติศัพท์แกหมดแหละ 

 

แกเป็นคนปากร้าย ถ้าใครไม่จ่ายเงินแกตามกำหนดล่ะก็

 แกด่าไม่ไว้หน้า โดนกันมาหมดแล้ว

 พอผมรู้ว่าแม่มีปัญหาด้านการเงินผมก็เริ่มรู้สึกไม่ดี 

 

เพราะผมมาอยู่กับแม่ แม่ก็ต้องรับภาระที่จะต้องเลี้ยงดูผม

 ถึงแม้มันจะไม่ใช่เงินมากมายอะไร 

แต่สำหรับคนไม่มี ทุกบาทมีค่าเสมอ

 

"ผมมาเพิ่มภาระให้แม่หรือเปล่าครับเนี่ย"

แม่ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน

 

"เปล่าเลยอาร์ม แม่ไม่เคยคิดว่าอาร์มเป็นภาระนะ

 แม่รู้สึกดีด้วยซ้ำไปที่แม่ได้มีโอกาสดูแลลูก"

แม่ลูบหัวผม "ไม่ต้องคิดมากนะลูก แม่หาทางออกได้อยู่แล้ว"

 

แม่ยิ้มให้ผมเพื่อให้ผมสบายใจ 

แต่ผมดูออกว่าในตาแม่มีแววกังวลซ่อนอยู่ 

ผมต้องหาทางช่วยแม่ให้ได้ 

 

ผมคิดอยู่ในใจ แต่จะทำยังไงล่ะ เรียนก็ยังเรียนไม่จบ

 จะไปหางานทำก็ทำไม่ได้เพราะยังไม่ปิดเทอม

 จะไปขอพ่อก็คงจะไม่ได้

 เพราะไม่รู้ว่าจะไปบอกว่าขอไปทำอะไร เฮ้อ คิดแล้วก็กลุ้ม

 

วันนี้ผมก็กะจะค้างที่บ้านแม่อีกซักคืนนึง

 แต่พอผมรู้อย่างนี้แล้วก็เลยไม่อยากอยู่เป็นภาระของแม่ต่อ

 ผมเลยบอกแม่ว่าจะกลับบ้าน แม่รั้งผมไว้ให้ค้างต่ออีกคืน

 

 แต่ผมปฏิเสธแล้วขอตัวกลับเลย

 ระหว่างที่ผมเดินออกมาก็คิดหาวิธีที่จะช่วยแม่ไปตลอดทาง

 และแล้วก็ไม่รู้ว่าสวรรค์หรือนรกกันแน่

ที่ทำให้ผมได้ยินเสียงคนบางคน จนทำให้ความคิดชั่ว ๆ

 ของผมมันผุดขึ้นมาในหัวผมได้

เสียงที่ผมได้ยินดังมาจากบ้านหลังหนึ่งที่อยู่เกือบจะหน้าซอยแล้ว

 

 

 มันเป็นบ้านสองชั้นไม่ใหญ่มากนัก

 คนที่อยู่ในบ้านหลังนี้ก็คือเจ้าของเสียงที่ผมได้ยินนั่นแหละครับ

 

"ฉันไม่รู้ และฉันก็ไม่สนใจด้วย แกจะไม่มีเพราะเหตุผลอะไร แม่เสีย

 หรือพ่อจะป่วยมันก็เรื่องของแกไม่ใช่เรื่องของฉัน

 ฉันรู้แต่ว่าพอถึงเวลาจ่ายเงินแกก็ต้องจ่ายให้ฉัน"

 

คงพอจะเดาออกใช่มั้ยครับว่าเป็นใคร

 ก็ยัยเจ๊ฮัวจอมโหดนั่นแหละครับ

 ผมหันไปมองตามเสียงก็เห็นยัยเจ๊ฮัวยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าบ้าน

 

 แล้วก็มีผู้ชายคนนึงเดินคอตกออกไป โอ้โห

 มันหน้าเลือดได้ใจจริง ๆ เลยนะ

 ผมเองไม่ค่อยชอบยัยเจ๊คนนี้อยู่แล้วด้วย

 ยิ่งมาเห็นแบบนี้ยิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่

 

อารมณ์ชั่ววูบก็เลยพาให้ผมคิดจะแก้เผ็ดยัยเจ๊ฮัวมัน

 โดยการจะแกล้งไปปล้นบ้านมันซะเลย

 ไม่รู้ผมคิดไปได้ยังไงเหมือนกันนะ

 

 และผมไม่คิดถึงผลที่จะตามเลยตอนนั้นว่า

สิ่งที่ผมจะทำจะก่อให้เกิดผลอะไรตาม มาหรือเปล่า

 ผมรู้แต่เพียงว่าผมอยากจะแก้เผ็ดมันให้ได้แค่นั้น

 

 

ผมกลับบ้านไปเตรียมการ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นสีดำทั้งเสื้อและกางเกง

 โดยที่ไม่ลืมเตรียมไอ้โม่งที่ใส่ประจำไปด้วย

 และมีดทำครัวอันไม่ใหญ่มากนักติดตัวไปด้วยเล่มนึง

 ที่เอาไปไม่ได้คิดจะเอาไปฆ่าใครหรอกครับ

 แค่จะเอาไปขู่แค่นั้นเอง จะไปมือเปล่าก็กะไรอยู่

 

ผมรอเวลาให้มืดซักหน่อยแล้วก็นั่งรถไปยังเป้าหมายทันที

 ตอนกลางคืนแถวนี้ไม่ค่อยมีผู้คนเดินซักเท่าไหร่ครับ

 ค่อนข้างจะเปลี่ยวเลย ดีหน่อยตรงที่มีไฟส่องทาง

 

 ไม่งั้นคงอันตรายน่าดูเลยครับแถวนี้

 ผมเห็นบ้านยัยเจ๊ฮัวชั้นล่างปิดไฟมืดสนิท มีแต่แสงไฟสลัว ๆ

 ส่องลอดออกมาจากห้องด้านบนเท่านั้น ผมใส่ไอ้โม่งทันที

 

 และย่องหลบเข้าไปตามมุมมืดของบ้านยัยเจ๊ฮัว

 และสอดส่องหาวิธีที่จะเข้าไปในบ้านให้ได้

 

ผมมองหาอยู่นานในที่สุดก็พบ

 เหมือนกับฟ้าดินเป็นใจให้ผมทำชั่วได้สำเร็จ

 ปรากฎว่ามีหน้าต่างบ้านหนึ่งปิดไม่สนิท

 

 แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังต้องงัดอยู่นานเหมือนกันกว่าจะเปิดมันออกได้

 แถมพอเปิดได้แล้วยังเจอมุ้งลวดขวางอยู่อีกชั้นนึงด้วย

 ยังโชคดีที่ไม่มีเหล็กดัด ไม่งั้นล่ะก็หมดสิทธิ

 

 

ผมค่อย ๆ ออกแรงดันมุ้งลวดให้เปิดอ้าออก

 พยายามให้เกิดเสียงน้อยที่สุด จนในที่สุดผมก็เข้ามาอยู่ในบ้านได้

 ที่ผมเข้ามาเป็นในส่วนของห้องครัว มันค่อนข้างมืดครับ

 

 แล้วผมก็ดันลืมที่จะเอาไฟฉายติดตัวมาด้วย

 ลืมอะไรไม่ลืม ดันลืมไฟฉาย

 ผมต้องหลับตาอยู่พักเพื่อให้สายตาเคยชินกับความมืด

 ก็พอจะทำให้เห็นอะไรได้ลาง ๆ

 

ผมเดินออกจากห้องครัวไปก็เจอกับห้องรับแขก

 และบันไดที่ขึ้นสู่ชั้นบนอยู่ทางด้านซ้ายของห้อง

 ผมไม่มีเวลาสำรวจมองอะไรมากนัก รีบเดินขึ้นไปชั้น 2 ทันที

 

 พอขึ้นไปถึงด้านบนผมเห็นประตูห้อง ๆ 

นึงเปิดอ้าอยู่มีแสงลอดออกมา

 

 แล้วมีเสียงเหมือนมีคนอาบน้ำดังมาจากห้องข้าง ๆ

 ที่ขณะนี้ประตูปิดสนิท

 ผมมองไปอีกฝั่งนึงก็เห็นประตูบานนึงปิดอยู่เลย

ไม่รู้ว่าข้างในเป็นห้องอะไร

 

ผมค่อย ๆ ชะโงกหน้ามองลอดประตูที่เปิดอ้าอยู่เข้าไป

 ก็พบว่ามันเป็นห้องนอนครับ

 เสียงที่เหมือนมีคนอาบน้ำคงจะมาจากห้องน้ำที่อยู่ห้องข้าง ๆ นั้นเอง

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป