เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
เสียงคำรามของท้องฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ช่วยปลุกคืนที่เงียบสงัดให้ตื่นจากภวังค์ราวกับราตรีที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไป จะว่าไปแล้วก็เหมือนดังความสุข ที่มักอยู่กับเราแค่ไม่นาน ใช่ เหมือนกับ wonderland
วิเวียนเมื่อโดนแซวซึ่งๆหน้าแบบนี้ก็หน้าแดงเขินอาย
แยกตัวออกไปทันที โดยมีนายอาร์ตหัวเราะออกมาเบาๆ
ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหยอกล้อกับเพื่อนรัก "น้องมีเมนูไรมั่งว่ะ"
"ทะลึ่งแหละมึงๆ" ไอ้ตุ๋นโวยลั่น
เรียกเสียงหัวเราะจากนายอาร์ตได้ยกใหญ่
แม้แต่วิเวียนเองที่นั่งห่างออกไป
ก็พลอยขำไปกับการหยอกล้อของเขาทั้งคู่ ......
หลังจากนั้นไม่นานนัก อาหารเช้าก็ถูกยกมาตั้งเรียบร้อย
และเมื่อทั้ง 3 กินไปได้สักพัก บทสนทนาแรกก็เริ่มขึ้น
"ตกลงจะมีใครบอกกูได้ไหมว่ะ ว่ามันเรื่องอะไรกัน"
นายอาร์ตเปิดประเด็นขึ้นมา
วิเวียนหันมามองหน้าไอ้ตุ๋นแว๊บหนึ่งก่อนที่เธอตัดสินใจเล่าเรื่องให้เขาฟัง
"อาร์ตค่ะ วิเวียนขอแนะนำตัวอีกครั้งน่ะ
วิเวียนชื่อ วิเวียน มอร์เดรียส เป็นพรีสที่เดินทางมาจาก wonderland"
"wonderland ??" นายอาร์ตทวนชื่อนี้ขึ้นมาอย่างสงสัย
ทำให้ไอ้ตุ๋นที่นั่งอยู่ข้างๆเอ่ยเสริม
"ก็ประมาณโลกอีกมิตินั่นแหละ เป็นโลกที่คนเขาใช้เวทย์มนต์กันได้น่ะ"
"แต่ตอนนี้ที่ wonderland กำลังมีสงครามน่ะ
เป็นสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ ระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์"
วิเวียนเล่าต่อ พร้อมกับเริ่มเล่าที่มาของสงครามนี้ให้นายอาร์ตฟังทันที
สงครามนี้เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 1000 ปี ก่อน
ในตอนนั้น wonderland มีแค่เพียงเผ่ามนุษย์เผ่าเดียวเท่านั้น
ในยุคนั้นผู้คนอยู่อย่างสงบสุข
แถมยังสามารถคิดค้นเวทย์มนต์ขึ้นมา
เพื่ออำนวยความสะดวกมากมาย เช่น รักษาโรคภัยไข้เจ็บ
ชีวิตความเป็นอยู่ที่ว่าความสุขเช่นนี้
จะเรียกว่าเหมือนอยู่ในสวรรค์ก็ว่าได้ ......
แต่ในหมู่หลายร้อยหลายพันอนาจักรที่ตั้งอยู่ใน wonderland
มีอยู่อาณาจักรหนึ่งที่ต่างออกไป
อาณาจักรนี้ถูกปกครองโดยทรราชที่มีนามว่า อาลูคาร์ด
ภายใต้การกดขี่ของ อาลูคาร์ด
ประชาชนในอาณาจักรนี้ต่างเดือดร้อนแสนสาหัส
จนในที่สุด ฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดลง
ประชาชนต่างลุกฮือขึ้นปฏิวัติ
และในที่สุดก็สามารถโค่นอำนาจของราชาอาลูคาร์ดได้สำเร็จ
ถึงสุดท้ายตัวราชาเองสามารถหลบหนีหายไปได้
แต่กระนั้นก็พอให้อาณาจักรกลับมาสงสุขได้อีกครั้ง
แต่แล้วราชาอาลูคาร์ดก็กลับมา
ว่ากันว่าราชาอาลูคาร์ดได้ยอมขายวิญญาณ
ให้ปีศาจจนทำให้ตัวเองมีพลังอำนาจแบบใหม่
นั่นก็คือเวทย์มนต์ที่ผสานกับพลังธาตุ
ด้วยเวทย์มนต์แบบใหม่นี้เวทย์มนต์แบบเก่าไม่อาจสู้ได้เลย
ราชาอาลูคาร์ดและเหล่าสาวก
จึงสามารถยึดอาณาจักรคืนได้อย่างง่ายดาย
แต่ร่างกายและพฤติกรรมของราชา
และเหล่าสาวกก็ผิดแผกไปจากเดิม
พวกเขามีเขี้ยวที่โง้งยาวน่ากลัว
อีกทั้งไม่สามารถกินอาหารได้เหมือนเดิม
ต้องดื่มกินเพียงเลือดเท่านั้น
เมื่อกลายเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่ที่ไม่ใช่มนุษย์แบบนี้
พวกเขาก็เลยขนานนามเผ่าพันธุ์ตัวเองใหม่ว่า แวมไพร์
หลังจากยึดอาณาจักรคืนได้แล้วพวกแวมไพร์ก็ไม่หยุดแค่นั้น
พวกมันยังรุกรานอาณาจักรใหญ่น้อยรอบข้างต่อ
และไม่มีอาณาจักรไหนสามารถต้านทานได้เลย
มนุษย์ในยุคนั้นมีทางเลือกแค่ 3 ทาง
1 ตาย 2 ไปซ่อนตัว 3 ยอมสวามิภักดิ์เป็นแวมไพร์
เรียกว่าในตอนนั้นเป็นยุคมืดอย่างแท้จริง
แต่แล้วหลังจากที่ขยายอาณาจักรแวมไพร์จนกว้างใหญ่ไพศาล
ราชาอาลูคาร์ดก็เกิดเบื่อหน่าย
ประกอบกับตัวราชาเองคิดค้นเวทย์มนต์ชนิดใหม่
นั่นคือเวทย์ข้ามมิติ
ราชาก็เลยละทิ้งอาณาจักรแล้วออกท่องมิติหายไป
และนั่น ก็เป็นจุดเริ่มให้มนุษย์โต้กลับ
มนุษย์กลุ่มหนึ่งได้เรียนรู้ที่จะผสานพลังธาตุเข้ากับเวทย์มนต์เช่นกัน
พวกเขาเรียกตัวเองว่าพรีส
และใช้เวทย์มนต์นี้เข้าต่อสู้กับเหล่าแวมไพร์
จนได้รับชัยชนะในหลายอาณาจักร ความหวังถูกจุดอีกครั้ง
และลุกโชติช่วงในเหตุการณ์สำคัญ
ราชาอาลูคาร์ดที่กลับจากท่องมิติถูกสังหาร
โดยพรีสธาตุพิเศษคนหนึ่งได้สำเร็จ
แต่ถึงจะจัดการราชาลงได้
จำนวนแวมไพร์ที่มีอยู่มากเกินก็ทำให้ไม่อาจจะกวาดล้างได้ง่ายๆ
สงครามระหว่างมนุษย์และแวมไพร์
ก็เลยยื้ดเยื้อยาวนานนับจากนั้นเป็นต้นมา
"อาลูคาร์ดดดด ชื่อนี้คุ้นๆหูจังว่าไหม"
นายอาร์ตเอ่ยขึ้นหลังจากฟังเรื่องจบ
ไอ้ตุ๋นก็เลยจัดแจงตอบทันที
"มึงรู้จักแดร็กคูล่าไหมน่ะ ลองดูชื่อดีๆดิ"
"Alucard ..... Dracula เออ จริงด้วยชื่อมันเขียนกับกันนี่
แบบนี้ก็แปลว่า อาลูคาร์ดเคยเดินทางมาโลกนี้สิ"
"ใช่ ..... ถึงตำนานเรื่อง แดร็กคูล่า จะเกินจริงไปบ้าง
แต่มันก็เป็นหลักฐานชัดเจนว่าคนโลกนี้
ในยุคนั้นหวาดกลัวอาลูคาร์ดแค่ไหน คิดดูสิ
ขนาดชื่อพวกเขายังไม่กล้าเรียกตรงๆเลย"
วิเวียนเสริมบ้าง
"แล้วเรื่องอาลูคาร์ดมันเกี่ยวกับผมยังไง"
อาร์ตถามต่อ ดังนั้นวิเวียนจึงเล่าส่วนสุดท้ายให้ฟัง
"แวมไพร์ที่ wonderland ในตอนนี้เหลืออยู่แค่ 3 อาณาจักร 1 ใน 3
นั้นปกครองโดยราชาแวมไพร์ที่มีชื่อว่า เลอเซอโร่
ไม่รู้ว่ามันใช้วิธีอะไรหรอกน่ะแต่เจ้าเลอเซอโร่นี้
สามารถค้นพบวิธีชุบชีวิตผู้ที่ตายไปแล้วได้
เมื่อ 20 กว่าปีก่อนมันเลยสั่งให้ประกอบพิธีกรรมขึ้น
จุดประสงค์ก็คือเพื่อชุบชีวิต อาลูคาร์ด ขึ้นมาอีกครั้ง
แต่แล้วพิธีนี้พวกเราก็สืบรู้ พรีสชั้นสูงหลายนายถูกส่งไปหยุดยั้ง
ถึงพวกเราจะบุกเข้าไปถึงตัวพิธีได้แต่ก็ช้าเกินไป
ทารกอาลูคาร์ดถูกชุบขึ้นมาแล้ว
พวกแวมไพร์เห็นจวนตัวก็เลยจัดการ
ส่งตัวทารกหนีหายไปไนต่างมิติ
พวกเราต่างตรวจสอบไปยังมิติต่างๆว่าทารกนั่นถูกส่งมาที่ไหน
จนวันหนึ่งเราตรวจพบว่าที่โลกนี้มีผู้มีพลังมาน่ามหาศาล
เราคาดการณ์กันว่าน่าจะเป็นทารกนั่น เราใช้เวลาถึง 10
กว่าปีกว่าจะหาพิกัดที่แน่นอนได้ วิเวียนถึงถูกส่งมาไง"
"แบบนี้ตัวผมก็อาจจะเป็นอาลูคาร์ดกลับชาติมาเกิดสิ"
นายอาร์ตกล่าวหน้าถอดสี
"ไม่ใช่หรอก ..... วิเวียนตรวจสอบหมดแล้ว
อาร์ตเป็นมนุษย์แน่ๆ
ไม่มีทางที่จะเป็นแวมไพร์กลับชาติมาเกิดได้หรอก"
วิเวียนกล่าวให้กำลังใจ
"แล้วทำไมพวกแวมไพร์นั่นถึงยังตามล่าผมอยู่ล่ะ"
"เรื่องนั้นวิเวียนก็ไม่รู้น่ะ
ยังไงวิเวียนว่าอาร์ตก็ควรหลบอยู่ที่นี่สักพักก่อนดีกว่า"
นายอาร์ตใจชื้นขึ้นมาบ้าง มันก็เลยหันไปถามทางไอ้ตุ๋นบ้าง
"เออ ..... แล้วมึงเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังว่ะไอ้ตุ๋น"
"บรรพบุรุษกูเดินทางมาจาก wonderland ว่ะ
พวกกูเขาเรียกว่าสาวก
หน้าที่พวกกูก็คือควยช่วยเหลือท่านวิเวียนน่ะ"
"อ้อ ..... ที่มึงบอกกูว่ามีธุระทางบ้านใช่ป่ะ ว่าแต่มึงช่วยอะไรวิเวียนมั่งว่ะ"
"ตุ๋นน่ะเหรอ เขาก็ช่วยสอนเรื่องโลกนี้น่ะ ช่วยให้วิเวียนปรับตัวให้ได้ไง"
"สอนเหรอ สอนยังไงอ่ะวิเวียน"
นายอาร์ตถามต่อด้วยความอยากรู้
แต่ไอ้ตุ๋นน่ะสิมันแทบจะสำลักน้ำตายพยามเปลี่ยนเรื่องทันที
"อ้อ ........ ก็ให้วิเวียนกินน้ำเงี่ยนไง ถ่ายทอดความจำไงอาร์ต"
แต่ไม่ทันซะแล้ว
"เวรกรรมจริงๆ น่าจะสอนท่านวิเวียนหน่อยว่าไอ้เรื่องนี้ห้ามพูด
ดีน่ะที่เราหลบออกมาทัน จริงๆเล๊ยยยย ไอ้อาร์ตก็เหมือนกัน
มันจะโมโหทำไมว่ะเนี่ย ..... แต่ช่างผัวเมียคู่นั้นเถอะว่ะ
เดี้ยวมันก็เย็ดกันอีก แค่นี้ก็หายโกรธกันแล้ว"
ไอ้ตุ๋นนั่งบ่นกระปอดกระแปดบนม้านั่งโต๊ะประจำ
ของกลุ่มมันในมหาลัย พร้อมกับยกนาฬิกาดูไปพลาง
"แล้วนี่ไอ้ภาคไอ้ภูมิหายหัวไปไหนว่ะ
วันนี้นัดคุยงานกลุ่มกันน่ะเว้ยยยยยย"
ฝาแฝดทั้งสองน่ะเหรอ อยู่ในห้องเก็บของในมหาลัยนี่แหละ
ไม่ห่างจากโต๊ะที่ไอ้ตุ๋นนั่งรอเท่าไหร่หรอก
แต่ตอนนี้พวกมันคงลืมนัดไอ้ตุ๋นไปแล้ว
เพราะมีกิจกรรมบางอย่างที่เร้าใจพวกมันมากกว่า
"น้องแหวนจ๋า ................ ปากน้องแหวนนิ๊มนิ่มจังน่ะจ๊ะ
กระเด้ามันจริงๆเลยรู้ไหมจ๊ะ"
ไอ้ภาคเอ่ยอย่างสุขสมพร้อมกับกระเด้าแท่งควย
ไปในปากรุ่นน้องสาว ปากของเธออะไรๆก็ดี
เสียอย่างเดียวรุ่นน้องคนนี้ไม่ยอมให้ความร่วมมือเท่าไหร่เลย
"ไอ้ภูมิ มึงเลียหีน้องเขาดีๆหน่อยดิว่ะ
น้องเขาจะได้มีอารมณ์ยอมดูดควยกูสักทีไง"
"เออ เดี๋ยวมึงคอยดูฝีมือกู"
ไอ้ภูมิพูดจาหมายมั่นก่อนที่มันจะรูดกางเกงในลูกไม่สีดำออกแล้ว
จัดการลงลิ้นทันที เล่นน้องแหวนดีดดิ้นอย่างสุดเสียว
โต๊ะไม้ที่มันเอามาต่อกันเป็นเตียงชั่วคราวถึงกับดังลั่นเอี๊ยดอ๊าดไปหมด
"โอยยยย พี่ภาคอย่าเลียหีแหวน อุยยยย
ทำไมพวกพี่ทำกับแหวนแบบนี้
พวกพี่พึ่งคุยกับแหวนเมื่อกี้เองน่ะ"
"โธ่น้องแหวนนนนน ไอ้ที่เลียน้องแหวนอยู่นั่นมันไอ้ภูมิ
พี่ภาคอยู่นี่ต่างหาก"