หัวใจของเฉียวเฉียงเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงเฉียวเหม่ยในวัยเจ็ดขวบ
 
หลังจากสวมบทน่าสงสารแล้ว  เฉียวเหม่ยพูดต่อ “ปู่ค่ะ เมื่อปู่มีเวลา ให้เอามันเทศและฟักทองของเราไปแลกกับถั่วเขียวมาซักสองสามชั่ง หนูจะปลูกถั่วงอกแล้วเราจะไปแลกเป็นเงินในเมือง”
 
“ตกลง ตกลง ปู่จะไปเดี๋ยวนี้เลย” เฉียวเฉียงไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ยืนขึ้นและเดินออกไป
 
มันไม่สำคัญว่าจะได้กำไรหรือไม่ มันดีพอแล้วที่หลานสาวของเขาคิดทำ เหม่ยเหม่ยมีความคิดได้แบบนี้ เขาจะปล่อยให้เธอทำทุกอย่างที่เธอต้องการ
 
เฉียวเหม่ยไม่ปล่อยให้เขาไปคนเดียว ด้วยไม้หาบบนบ่าของเธอ เธอหยิบมันเทศครึ่งตะกร้ากับฟักทองลูกใหญ่สองลูก แล้วตามหลังปู่ไปที่หมู่บ้านเพื่อแลกกับถั่วเขียว
 
การปลูกถั่วเขียวเป็นถั่วงอกเป็นสิ่งที่เธอถนัด
 
เธอจะไม่รู้วิธีการทำสิ่งที่สนุกได้อย่างไร?
 
ในอีกชีวิตหนึ่งของเธอ เมื่อเหน็ดเหนื่อยจากากรทำงาน วิธีพักผ่อนที่เธอชอบคือทำงานหัตถกรรมและทำอาหาร
 
ทั้งสองคนเดินไปทั่วทั้งหมู่บ้าน จากบ้านหนึ่งไปอีกบ้านหนึ่ง ยกเว้นบ้านของเฉียวซวง และแลกถั่วเขียวได้ 50 ชั่ง
 
มันหวานและฟักทองตะกร้าใหญ่ไม่พอแลกถั่ว ในท้ายที่สุด เฉียวเฉียงสัญญาว่าเขาจะจ่ายค่าถั่วด้วยเงินเดือนของเขา และทุกคนก็รู้สึกมั่นใจพอที่จะมอบถั่วให้เฉียวเหม่ย
 
หลังจากทั้งสองออกไป ทุกครอบครัวคุยกันเรื่องการรวบรวมถั่วเขียว
 
ไม่มีใครเชื่อว่าเฉียวเหม่ยรู้วิธีเพาะถั่วงอก
 
การปลูกถั่วงอกต้องใช้ทักษะ อุณหภูมิและความชื้นต้องแม่นยำ ไม่มีใครในหมู่บ้านรู้วิธีปลูกถั่วงอกนี้ และไม่มีใครยอมทิ้งเมล็ดถั่วไปกับการทดลอง
 
“ฉันเดาว่าเฉียวเฉียงต้องอาหารหมดบ้านและหาข้ออ้างเพื่อแลกกับถั่ว เพราะเขาอายเกินกว่าจะบอกเรา” หญิงชราคนหนึ่งกล่าว
 
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ครอบครัวไหนที่อาหารหมด? ถ้าพวกเขากินถั่วเขียวทุกวันจะไม่ท้องเสียตายเหรอ?” ชายชราข้างๆเธอพูดด้วยรอยยิ้มขณะสูบยาเส้น
 
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ทุกคนรอบข้างหัวเราะ
 
“อย่างไรก็ตาม ฉันค้นพบบางสิ่งที่แปลกประหลาด เฉียวเหม่ยนั้นดูจะไม่น่ารำคาญอย่างที่ข่าวลือพูด” หญิงชราอีกคนกล่าว “เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อมองผู้คน ดวงตาของเธอก็ดูเหมือนจะยิ้มด้วย…”
 
พวกเขาแทบจะจำวิญญาณหมีดำก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย
 
"ใช่ใช่ใช่! เมื่อกี้ฉันก็สงสัย เฉียวเหม่ยจอมขี้เกียจและตะกละนั่นหายไปไหน?”
 
“ฉันเดาว่าปู่ของเธอกำลังจะตาย เธอต้องการแสดงตัวตนและได้รับความชื่นชอบจากทุกคน”
 
“เฮ้อ เด็กคนนี้น่าสงสารจริงๆ เธอไม่มีพ่อแม่และปู่คนเดียวของเธอก็กำลังจะจากไป”
 
“ช่างน่าสงสาร” ผู้คนรอบตัวเธอต่างก็เห็นด้วย และหัวข้อก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วที่แม่ของเฉียวเหม่ยที่แต่งงานใหม่
 
ไม่ว่าอารมณ์ของเฉียวเหม่ยจะเลวร้ายแค่ไหนในอดีต เธอไม่ได้ยั่วใคร
 
ตอนนี้บุคลิกของเธอเปลี่ยนไปแล้ว เธอได้รับความเห็นอกเห็นใจมากมายแทน
 
เฉียวเหม่ยไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเธอกลับถึงบ้าน เธอยุ่งอย่างเร็วและแช่ถั่วในน้ำอุ่น
 
หลังจากแช่สองวันสองคืนแล้วถั่วเริ่มงอก ถั่วจะถูกย้ายลงในตะกร้าแห้งและต้นถั่วงอกจะพร้อมหลังจากหนึ่งสัปดาห์
 
แน่นอนว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องระวัง ตัวอย่างเช่น จะเป็นการดีที่สุดที่จะคลุมก้นตะกร้าด้วยผ้าโปร่งอีกชั้นหนึ่ง และด้านบนของตะกร้าให้คลุมด้วยผ้าฝ้ายอีกชั้นหนึ่งเพื่อกันแสง
 
ไม่อย่างนั้น ถั่วงอกจะออกขมฝาดและดูไม่ดี
 
ถั่วงอกหนึ่งกระบุงต้องใช้ถั่ว 6 ชั่ง ดังนั้นเมื่อถั่วงอก พวกเขาสามารถเก็บเกี่ยวถั่วงอกได้มากกว่าแปดสิบชั่ง
 
เฉียวเหม่ยเชื่อว่าด้วยทักษะของเธอ เธอสามารถทำถั่วงอกที่ขาวและอวบได้อย่างแน่นอน
 
“ปู่ค่ะ หนูไม่รู้ว่าบ้านเรามีตะกร้าพอไหม ถ้าปู่มีเวลา ทำอีกสักสองสามอันนะคะ” เฉียวเหม่ยกล่าว
 
ถั่วเขียวมากกว่า 50 ชั่ง สามารถให้ถั่วงอกได้อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดตะกร้า เธอวางแผนที่จะแบ่งเมล็ดถั่วเขียวเหล่านี้และทำให้งอกหนึ่งตะกร้าต่อวัน และจะได้ขายถั่วงอกที่เธอทำได้ตะกร้าละวัน
 
เมื่อยอดขายคงที่ เธอจะผลิดได้ประมาณ 10 ตะกร้าต่อวัน
 
ตอนที่ 24: ความสามารถพิเศษ
 
ยังไงก็ตาม เธอต้องการขายถั่วงอกเพื่อหารายได้มากขึ้นเพื่อที่จะได้ไม่ขายหน้าในฐานะคนกลับมาเกิดใหม่
 
“ได้สิ”
 
เฉียวเฉียงตกลงอย่างง่ายดาย
 
คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่รู้จักสานตะกร้า ตะกร้าที่พวกเขาสานนั้นทำได้ไม่ยากและล้วนมีรูปแบบเดียวกัน
และทั้งใช้งานได้จริงและทนทาน
 
นอกจากนี้ เฉียวเฉียงยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสานตะกร้า เมื่อก่อนเขามีสุขภาพแข็งแรง คนในหมู่บ้านจะมาหาเขาเพื่อให้สอนทำตะกร้า จึงยังมีวัสดุสานตะกร้าอยู่ในห้องเก็บของที่บ้านอยู่ แม้ว่าเขาจะทำอีกโหลหรือยี่สิบตะกร้าก็ตาม มันจะไม่เป็นปัญหา
 
วันรุ่งขึ้น พวกเขาตื่นแต่เช้าตรู่ หลังอาหารเช้า เฉียวเหม่ยพูดอย่างตื่นเต้นว่า “หนูอยากเรียนสานตะกร้าจากปู่ค่ะ”
 
“ได้แน่นอน” เฉียวเฉียงมีความสุขมากที่ตอนนี้เหม่ยเหม่ยต้องการเรียนรู้ทักษะจากเขา
 
ยิ่งกว่านั้น มันเป็นเวลาสามวันแล้วที่เหม่ยเหม่ยไม่ได้เปลี่ยนกลับไปเป็นคนเดิม ดูเหมือนเธอจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เฉียวเฉียงแอบเช็ดน้ำตาจากหางตา “การสานตะกร้าเป็นเรื่องของเทคนิค สิ่งแรกคือการเลือกวัสดุที่เหมาะสม ต้นหลิวใช้สานต้องนุ่ม…”
 
เฉียวเฉียงเริ่มสอนและเขาถักทอขณะที่พูด ตะกร้าก็พร้อมอย่างรวดเร็ว
 
เมื่อเฉียวเฉียงหันกลับมาและเห็นตะกร้าในมือของเฉียวเหม่ย เขาตัวแข็งทันที ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร ตะกร้าในมือของเฉียวเหม่ยดูดีกว่าที่เขาทำ
 
กิ่งต้นหลิวถูกสานเข้าด้วยกันอย่างเรียบร้อย ตะกร้าสานดูเหมือนงานศิลปะที่สบายตา
 
เฉียวเหม่ยมองดูตะกร้าในมือของเธอแต่ก็ยังไม่พอใจ มันยังไม่ประณีตพอ
 
สำหรับงานฝีมือแสนสนุกอย่างการสานตะกร้า เป็นคนรักงานหัตถกรรมสุด ๆ เธอจะไม่รู้จักทักษะนี้ได้อย่างไร?
 
เธอไม่เพียงรู้วิธีสานตะกร้าเท่านั้น เธอยังรู้วิธีการทำภาชนะ สัตว์เล็ก ๆ น้อย ๆ แม้แต่แมลงปอไม้ไผ่และเฟอร์นิเจอร์ทุกชนิด
 
นอกจากนั้นเธอยังรู้วิธีถักเสื้อผ้า ผ้าพันคอ และรองเท้าอีกด้วย
 
ในอีกชีวิตหนึ่งของเธอ เมื่อเธอไม่ยุ่งกับงาน เธอชอบทำงานหัตถกรรมประเภทนี้ที่ไม่ต้องใช้ความคิด
 
เมื่อเธอทำงานหัตถกรรมทุกวัน เธอจะมีความสุขเป็นพิเศษ
 
ตอนนี้เธอมีความสุขมากจนลืมที่จะควบคุมตัวเองและได้สานตะกร้าที่สวยงามเป็นพิเศษซึ่งไม่มีใครเชื่อว่าเป็นฝีมือของคนเพิ่งหัดทำ
 
โชคดีที่เฉียวเฉียงไม่คิดมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในสายตาของเขา เฉียวเหม่ย หลานสาวของเขาเป็นคนที่ฉลาดที่สุด และไม่ว่าเธอจะทำสิ่งที่น่าทึ่งอะไร เขาจะรู้สึกมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น
 
“ดูสิ! เหม่ยเหม่ยของเราฉลาดมาก ตะกร้าใบแรกของเธอดีกว่าของปู่ด้วยซ้ำ” เฉียวเฉียงมองไปที่ตะกร้าใบเล็กและหัวเราะอย่างมีความสุข เขาไม่ได้รู้สึกมีความสุขมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
 
มันดูเหมือนว่าเขาไม่เคยหัวเราะอย่างเต็มที่เลยตั้งแต่มาถึงหมู่บ้านแห่งนี้..…
 
ทั้งสองยังคงสานตะกร้าอยู่พักหนึ่ง เมื่อพวกเขาเห็นดวงอาทิตย์ค่อยๆขึ้น พวกเขาไปที่บ้านของหวังอู่และนำลูกหมูสี่ตัวกลับมา
 
ตอนแรก เฉียวเหม่ยวางแผนที่จะซื้อหนึ่งตัว แต่เฉียวเฉียงบอกว่าเธอต้องซื้ออย่างน้อยสองตัว หนึ่งตัวจำเป็นต้องส่งมอบให้กับหมู่บ้านและพวกเขาจะได้รับอนุญาตให้เก็บอีกตัวไว้บริโภคเอง
 
ถ้าพวกเขาเลี้ยงแค่ตัวเดียว พวกเขาจะต้องส่งมอบมันและจะไม่เหลือให้ตัวเองได้กิน
 
ปู่ยังบอกเธอด้วยว่าหมูชนิดนี้สามารถเติบโตได้สูงสุดประมาณ 100 ปอนด์เท่านั้น มันจะไม่อ้วนพอที่จะเลี้ยงครอบครัวได้
 
แม้ว่าเธอยังต้องลดน้ำหนักด้วยจี้หยก มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อเธอที่จะกินเนื้อสัตว์
 
งั้น ในความคิดที่สอง เธอซื้อลูกหมูที่เหลือ แม้ว่าเธอจะไม่กินมัน เธอยังขายพวกมันได้ ถูกไหม?
 
ระหว่างทางกลับบ้าน พวกเขาผ่านบ้านของเพื่อนบ้านที่หัวมุม เฉียวเฉียงเข้าไปซื้อลูกไก่ ฝูงลูกเป็ดเหลืองและลูกห่าน
 
ขณะที่ทั้งสองกลับถึงบ้าน มีการพูดคุยถกเถียงกันทุกประเภทในหมู่บ้านอีกครั้ง
 
“สองคนนี้เลี้ยงหมูสี่ตัวพร้อมกัน พวกเขาจะเลี้ยงพวกมันด้วยอะไร? พวกเขากำลังบ้าเพราะอยากกินเนื้อหรือไม่? เฉียวเหม่ยไม่รู้เรื่องอะไร และเฉียวเฉียงคนนี้ก็ไม่หยุดเธอด้วยซ้ำ”
 
“ส่วนไก่ เป็ด ห่าน พวกเขากำลังเลี้ยง 30 ตัวในคราวเดียว แม้แต่ครอบครัวใหญ่ก็ไม่สามารถรับมือกับสัตว์เลี้ยงจำนวนมากขนาดนี้ได้