ความสงสัยของนางแลกมากับสายตาที่ดูรังเกียจเดียดฉันท์ ของไข่เฟิ่งหวง ถึงแม้จะมองไม่เห็นอารมณ์ความรู้สึกของมัน แต่กู้ซีหวงก็รู้ว่าตัวเองกำลังโดนมันรังเกียจอยู่
 
“วิทยายุทธเฟิ่งหวงน่ะเป็นสิ่งล้ำค่า! ล่ำค่า! ถ้าอยากจะเปิดสิ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้นก็ต้องใช้พลัง!” ไข่เฟิ่งหวงยังคงพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญนาง “ดูเจ้าสิ เจ้ามาถึงที่นี่รวดเร็วขนาดนี้ก็เพราะกินใบพืชเข้าไปอย่างไรเล่า อีกอย่างยังใช้พรไปแล้วข้อหนึ่งด้วย! เจ้ารู้หรือไม่ว่าพรของเฟิ่งหวงนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด!?”
 
กู้ซีหวงตอบตามความจริง “ข้าไม่รู้” เพราะตอนนั้นนางไม่รู้จริงๆ ว่ามีพรเฟิ่งหวงอยู่บนโลกนี้ด้วย อีกอย่างทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก็กะทันหันไปหมด
 
‘เฮอะ!’ ไข่เฟิ่งหวงโมโหและไม่ลืมที่จะเอ่ยปากเตือน “อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้าล่ะ ถ้าเกิดว่าเจ้าไม่สามารถผ่านสามสภาวธรรมภายในเดือนนี้ล่ะก็ เจ้ารอเก็บศพคนรักของเจ้าได้เลย”
 
“ความหมายของเจ้าก็คือ ‘วิชาพลังลมปราณ’ จะปรากฏขึ้นหลังจากผ่านทั้งสามสภาวธรรมไปได้อย่างนั้นหรือ?”
 
‘ใช่’ ไข่เฟิ่งหวงตอบกลับและเงียบไป ก่อนจะพูดในใจว่า ‘เจ้าขี้เกียจไปเถอะ! ถ้าไม่สั่งสอนสักหน่อยเจ้าคงไม่รู้ว่าข้าแกร่งกล้าแค่ไหน!
 
จริงๆ แล้วที่หยุนโม่เหิงกินใบทองคำเข้าไปก็สามารถอยู่โดยไม่มีอะไรมารบกวนได้ถึงครึ่งปีแล้ว ที่มันพูดแบบนั้นก็แค่อยากจะขู่กู้ซีหวงให้ตกใจเท่านั้น
 
จากนั้น กู้ซีหวงก็ลืมตาขึ้นอย่างกังวล มองดูคนบนเตียงที่นิ่งสงบเหมือนคนปกติแล้ว ก็ตัดสินใจว่าจะบรรลุทั้งสามสภาวธรรมเพื่อปกป้องเขาให้ได้!
 
“อือ~” เหมือนว่าคนบนเตียงจะสัมผัสได้ เขาละเมอพูดออกมาก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะมองหน้านางด้วยแววตาที่สับสน
 
กู้ซีหวงยิ้มพลางเอ่ยปากเรียกอย่างอ่อนโยน “เหิงเอ๋อ”
 
หยุนโม่เหิงดีใจ “เซียงซือ นี่เจ้าจริงๆ หรือ? หรือข้ากำลังฝันอยู่”
 
“เหิงเอ๋อ นี่ข้าเอง” กู้ซีหวงจับมือของเขา เพื่อให้อุณหภูมิจากฝ่ามือของนางยืนยันว่าเขาไม่ได้ฝันไป
 
“เซียงซือ เจ้ามาช่วยข้าหรือ? ท่านแม่…ไม่ยอมให้ข้าแต่งงานกับเจ้าแล้ว…” หยุนโม่เหิงพูดพลางน้ำตาคลอ
 
“โม่เหิง เจ้าจำเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่ได้หรือ?” ตอนแรกกู้ซีหวงนึกว่าที่เขาสับสนงุนงงเป็นเพราะใบไม้ที่นางให้เขากิน แต่ดูจากตอนนี้แล้วกลับไม่ใช่แบบที่นางคิด
 
หยุนโม่เหิงขมวดคิ้วก่อนจะนึกไปนึกมาแล้วเอ่ยว่า “วันนี้…หลังจากที่เซียงซือพาเขากลับไป ข้าก็กลับมาที่ห้อง จากนั้นท่านแม่ก็โมโหมากและบอกกับข้าว่าถ้าข้ายังคิดจะแต่งงานกับเจ้า ไม่ต้องเรียกท่านว่าแม่อีก…ข้าร้องไห้ไปสักพักแล้วข้าก็หลับไป”
 
กู้ซีหวงเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เซียงซือไม่ดีเอง ทำให้เหิงเอ๋อต้องทรมานแบบนี้”
 
คำนี้ของนางทำเอาหยุนโม่เหิงตกใจและมองไปที่นางด้วยความตะลึง ดวงตาดอกท้อของเขาเบิกกว้าง แล้วก็พึมพำกับตัวเองว่า  “เซียงซือ เจ้ากลับมาแล้วจริงๆ หรือ?”
 
กู้ซีหวงไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรและไม่ได้เก็บมาใส่ใจ  คิดว่าตอนนี้หยุนมู่หลานคงยังไม่รู้เรื่องที่เขาความจำเสื่อม และต้องไม่หลุดปากเพื่อไม่ให้นางทำให้หยุนโม่เหิงเสียใจอีก “ท่านแม่ของเจ้ารออยู่ข้างนอก เดี๋ยวข้าเรียกท่านเข้ามา”
 
หน้าประตูเรือนซีหยวน หยุนมู่หลานยืนเฝ้าหน้าประตูให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเป็นอย่างดี จนถึงตอนที่กู้ซีหวงเดินออกมาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก 
 
ยังไม่ทันได้รอให้กู้ซีหวงเอ่ยปาก หยุนมู่หลานก็เอ่ยถามก่อนทันที “อาเหิงเป็นอย่างไรบ้าง?”
 
กู้ซีหวงตอบตามความจริง “เหมือนว่าเขาจะจำเรื่องเกิดขึ้นในสองวันก่อนไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ”
 
หยุนมู่หลานดีใจเป็นที่สุด เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนนั้นมีแต่เรื่องที่ทำให้โม่เหิงเสียใจทั้งนั้น จำไม่ได้ก็ดีแล้ว แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คืออาการป่วยของเขา ถ้ากำเริบขึ้นอีก เกรงว่าจะทำให้เขาทรมานมากกว่านี้
 
เห็นหยุนมู่หลานทำหน้ากังวลแล้ว กู้ซีหวงจึงพูดปลอบว่า “อาการป่วยของโม่เหิงนั้น ซีหวงสามารถทำให้เขาหายดีภายในหนึ่งเดือน ฮูหยินอย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ”